บทที่ 305
บทที่ 305

เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบ ก่อนตามมาด้วยร่างของแม่ทัพหลี และเมื่อเห็นแม่ทัพคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับพลเรือนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็พลันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้ขมวดคิ้วและตะโกนออกมา “ใครช่วยบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ พวกเจ้ามาทำอะไรกัน ?”

เมื่อเห็นแม่ทัพหลี ความโกรธของพวกแม่ทัพผู้นั้นก็สลายหายไปกว่าครึ่งในทันที ด้วยแม้ว่าแม่ทัพหลีและเขาจะไม่ได้มาจากกองทหารเดียวกัน แต่แม่ทัพหลีก็ยังสูงกว่าเขาอยู่หนึ่งระดับ ดังนั้นเขาจึงเกรงใจ ไม่กล้าทำอะไรไม่ไว้หน้าอีกฝ่าย ก่อนที่ต่อมาจะมีนายทหารเปิงเดินเข้ามาบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อได้ยินว่าถังหยินเอาชนะแม่ทัพนายนั้นได้ แม่ทัพหลีก็ต้องตกใจ เพราะถังชูนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ แล้วเขาเอาชนะแม่ทัพที่มีพลังปราณได้ยังไงกัน ?

ในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ได้ใช้ตาทิพย์ไปด้วย ทำให้พบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีพลังปราณใด ๆ เลย เป็นเพียงคนธรรมดาก็เท่านั้น และเมื่อรู้ แม่ทัพหลีก็พลันส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมา

ถังหยินเดินไปหาแม่ทัพหลี่แล้วโค้งคำนับให้อีกฝ่าย “แม่ทัพหลี แม่ทัพผู้นี้ไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว เขามาที่ทางเหนือของเมืองเพื่อดึงคนของเราไป โดยไม่แม้แต่คิดจะขออนุญาตจากแม่ทัพหลี แล้วเขาก็ยังต้องการจะฆ่าพวกเราด้วย แม่ทัพหลี เป็นไปได้ไหมที่ข้าทำผิด ?”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น แม่ทัพหลีก็ได้ยืนขึ้นและพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจัง “ถังชู เจ้าไม่ผิดหรอก ! ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ถ้าต้องการจะเอาคนของข้าไป คนผู้นั้นก็จะต้องได้รับอนุญาตจากข้าคนนี้ !!!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของเขาสามารถเอาชนะแม่ทัพจากทางตะวันออกของเมืองได้ ทำให้แม่ทัพหลีรู้สึกภาคภูมิใจ ยึดอกยกชูกายขึ้นสูง

เมื่อเห็นแบบนี้ แม่ทัพผู้นั้นก็พลันเข้าไปโค้งคำนับให้กับแม่ทัพหลีแล้วกล่าวว่า “แม่ทัพหลี ข้ามิกล้าขอยืมทหารจากเมืองเหนือหรอกขอรับ ตอนนี้กำแพงฝั่งตะวันออกของข้าถูกโจมตีอย่างรุนแรงจากกองทัพเทียนหยวน และข้าก็ไม่มีทางเลือกมากมายนัก จึงได้แต่มองหากำลังเสริมเช่นนี้ หวังว่าแม่ทัพหลีจะเข้าใจ !”

“ฮึ ฮึ !” แม่ทัพหลี่หัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ย้อนกลับไปตอนที่กำแพงฝั่งเหนือของเราต้องรับการโจมตีของกองทัพเทียนหยวนเป็นเวลาหลายวันติดต่อกัน ทางตะวันออกของเมืองจากฝั่งเจ้าได้ส่งทหารมาเสริมกำลังพวกเราหรือไม่ ? ก็ไม่ ? …ดังนั้นข้าจึงคิดว่าปัญหาของเจ้าไม่ใช่เรื่องของข้าแต่อย่างใด !”

สีหน้าของแม่ทัพผู้นั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในขณะที่เขาพูดอย่างจริงจัง “คำพูดของแม่ทัพหลีดูแล้งน้ำใจเกินไปหรือไม่ ? ตอนนี้เรากำลังต่อสู้กับกองทัพเทียนหยวนด้วยกัน ดังนั้นเจ้ากับข้าต่างกันอย่างไร ?”

เมื่อได้ยินว่าคำพูดของอีกฝ่ายที่คล้ายจะตำหนิตัวเอง แม่ทัพหลีก็พลันตาเปิดกว้าง ก่อนที่ปากจะพูดออกมาอย่างเย็นชา “ข้าจะพูดอีกครั้ง ถ้าอยากใด ก็ให้ไปร้องขอจากท่านผู้ว่าเสีย แต่ข้าขอเตือน ถ้ากำลังทหารจากทางเหนือถูกดึงตัวไปจนไม่สามารถป้องกันเมืองได้ งั้นแล้วมันก็ถือเป็นความผิดของเจ้า !”

แม่ทัพผู้นั้นกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยพูดไม่ออก และหลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พลันพยักหน้าให้แม่ทัพหลีและยกมือขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูขัดตา “ข้าจะจำเอาไว้ ขอตัวก่อน !” หลังจากพูดจบ เขาก็หันมาจ้องมองถังหยินก่อนที่จะเดินจากไป

“ฮึ !!” แม่ทัพหลีแค่นเสียงหัวเราะ จากนั้นเขาก็หันมองไปที่ถังหยินและยกนิ้วให้กับชายหนุ่ม “ทำได้ดีมากถังชู”

ถังหยินยิ้ม “ข้าน้อยแค่ทำตามหน้าที่ก็เท่านั้น ส่วนเรื่องรางวัลอะไรนั่น มันไม่จำเป็นหรอกขอรับ !”

หลียี่หัวเราะชอบใจกับคำของอีกฝ่าย เขาพูด “เจ้าสมควรที่จะได้รับมัน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะตอบแทน เมื่อกองทัพเทียนหยวนบุกเข้ามา เจ้าจะได้เป็นแม่ทัพในการต่อสู้ !”

“เป็นพระคุณอย่างสูงขอรับ !” ถังหยินแอบหัวเราะในใจ …พลางคิดว่าไว้รอถึงพรุ่งนี้ ดูซิว่าแม่ทัพหลีจะยังรักษาชีวิตไว้ได้หรือไม่ !

ในตอนกลางคืน ทุกอย่างก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ด้วยชายหนุ่มได้มาอยู่ที่ด้านบนสุดของเมือง เพื่อช่วยเหลือทหารองครักษ์เปิง และเมื่อพวกทหารโดยรอบเหนื่อยล้าจนหลับไป ถังหยินก็พลันใช้จังหวะนั้นใช้แถบผ้าที่เขียนข่าวภายในเมืองผูกเข้ากับลูกศร ก่อนมองไปทางซ้ายและขวา และเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสังเกตเห็นแล้ว ชายหนุ่มก็พลันแกว่งคบเพลิงส่งสัญญาณไปมาบนกำแพงเมือง

เขามีดวงตาที่มองเห็นกลางคืน ดังนั้นแม้ว่าทั่วทั้งเมืองจะเป็นสีดำสนิท แต่เขาก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนถึงเงาที่เคลื่อนไหวไปมานอกเมือง ทำให้ถังหยินเข้าใจว่าพวกของเขาตรวจพบสัญญาณของตนแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มก็เลยวางคบเพลิงลง ก่อนจะเหนี่ยวสายธนูเล็งไปที่นอกเมืองแล้วยิงออกไป !

ลูกศรพุ่งผ่านอากาศ ทำให้ทหารกองทัพเปิงทุกคนได้ยินและพากันหันมามอง ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะพูดอย่างติดตลกออกไปว่า “ถังชู เจ้าเห็นอะไรที่ข้างนอกนั่นอีกแล้วหรือ ?”

“ประมาณนั้น แต่คราวนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร !” ถังหยินว่าพลางเดินมองไปรอบ ๆ กำแพงเมือง

พวกทหารหัวเราะคิดคักแล้วไม่สนใจต่อไป ก่อนถังหยินจะเหลือบไปเห็นเงาร่างสีดำที่อยู่นอกเมืองที่ได้เคลื่อนตัวเข้าไปหาลูกศร ทำให้เขาสงบลงและโยนธนูในมือทิ้ง จากนั้นจึงนั่งลงบนพื้นและหลับตารอเช้าวันใหม่ที่กำลังมาถึง

ชายหนุ่มวางแผนไว้แล้ว ว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะโจมตีจากทุกทิศทาง ซึ่งจุดสำคัญของการโจมตีก็จะอยู่ที่ตะวันตกและทางตอนเหนือของเมือง โดยทางด้านตะวันตกก็ให้เป็นหน้าที่ของตูฉิง ส่วนทางเหนือก็เป็นหน้าที่ของถังหยิน !

…ทุกสิ่งที่เขาวางแผนไว้เป็นไปตามที่คิด กองทัพเทียนหยวนได้เข้าโจมตีจากทุกทิศทาง ทำให้ในเวลานี้ฝั่งกำแพงทางเหนือที่เคยสงบสุขก็กำลังอยู่ในช่วงทุกข์ทรมาน ด้วยพวกเขาต้องเจอเข้ากับการโจมตีที่รุนแรง ทั้งลูกศร และก้อนหินจำนวนนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง และภายใต้ผลกระทบที่รุนแรงของเครื่องยิงหินและรถกระทุ้งกำแพงเมืองนี้ มันก็ทำให้ทั้งกำแพงสั่นสะเทือนราวกับว่ามันจะถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ

ในอีกด้านหนึ่ง การโจมตีทางเมืองตะวันตกก็ดุเดือดเช่นกัน กองทหารรักษาการณ์และชาวเมืองจำนวนมากพากันยืนอยู่บนกำแพงเมืองเพื่อป้องกันกองทัพเทียนหยวนที่โหมกระหน่ำเข้ามา

ใบหน้าของตูฉิงมืดมน เขามองไปยังสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยท่าทีหนักใจ ก่อนที่ในตอนนั้น จะเป็นรองแม่ทัพที่เดินเข้ามา และเมื่อพวกเขาไม่เห็นใครอยู่รอบ ๆ พวกเขาก็พลันเข้ามากระซิบว่า “ท่านแม่ทัพ เรารอคำสั่งโจมตีจากท่านอยู่ !”

รองแม่ทัพทั้งสองคนนี้เป็นผู้ช่วยคนสนิทของตูฉิง คนหนึ่งคือหลิวหยวน และอีกคนคือจางฉิง ซึ่งพวกเขาสองคนก็ไม่เคยสงสัยในตัวตูฉิงเลย เพราะมันคงเป็นการดีกว่าที่จะไปรับใช้เทียนหยวน !

หลังจากได้ยินคำพูดของคนทั้งสอง ตูฉิงก็พยักหน้า หากแต่เขาก็ไม่ได้ออกคำสั่ง เพียงมองไปที่กำแพงเมืองและไม่พูดอะไรเลยสักคำ

หลิวหยวนและจางฉิงกลัวว่าตูฉิงจะกลับคำพูด เลยรีบแนะนำเขา “ท่านแม่ทัพ ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว การโจมตีของกองทัพเทียนหยวนกำลังดำเนินอยู่ในตอนนี้ รีบเร็วเข้าเถอะขอรับ !”

“ไม่ ! ไม่ต้อง !” ตูฉิงโบกมือและพูดว่า “ยังต้องรออีกหน่อย !”

เขากังวลว่าจะมีทหารเหลืออยู่ใต้เมืองมากเกินไป ซึ่งมันก็จะทำให้กลายเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในการเปิดประตูเมือง ดังนั้นเขาจึงต้องการที่จะมั่นใจอย่างเต็มที่เสียก่อน …ก่อนที่จะเคลื่อนไหว

หลิวหยวนและจางฉิงกลืนน้ำลายอย่างเงียบ ๆ มองหน้ากันและกัน จากนั้นพวกเขาก็หันไปตะโกนใส่ทหารยามโดยรอบ “จะยืนนิ่ง ๆ กันทำไม รีบ ๆ ดันพวกมันกลับไป ! ไม่เห็นหรือไงว่าพวกเราเริ่มที่จะต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้ว !?”

พวกทหารยามต่างสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ ว่าตอนนี้ไม่เห็นหรือไงว่าการโจมตีของศัตรูรุนแรงขนาดไหน ? อย่างไรก็ตาม หลิวหยวนและจางฉิงต่างก็เป็นแม่ทัพที่เชื่อถือได้ของตูฉิง ดังนั้นพวกทหารจึงไม่กล้าที่จะขัดขืนพวกเขา และทำได้เพียงแค่รั้งตัวเองก่อนพุ่งเข้าไปไม่หยุด

เร็วมาก ! การต่อสู้มาถึงทางตันแล้ว เพราะถึงแม้ในบางครั้งกองทัพเทียนหยวนจะพุ่งเข้าได้ แต่พวกเขาก็จะถูกทหารรักษาเมืองสกัดเอาไว้ได้ทัน !!!

หลิวหยวนและจางฉิงไม่รีบร้อน พวกเขาต้องการหว่านล้อมให้ตูฉิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้พูดอะไร ตูฉิงก็ได้หยิบผ้าสีดำออกมาผูกไว้ที่แขน และเมื่อเห็นเช่นนี้ หลิวหยวนกับจางฉิงก็เข้าใจในทันทีว่าพวกเขาพร้อมแล้ว !

ทั้งคู่หันไปรอบ ๆ และโบกมือให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา

ทหารทั้ง 2 พันนายเห็นสัญญาณนั่น พวกเขาเลยพากันหยิบผ้าพันคอสีดำที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาพันรอบแขน จากนั้นแต่ละคนก็ถืออาวุธพร้อมกับพุ่งไปข้างหน้า !!!

หลิวหยวนและจางฉิงมองไปที่ตูฉิง ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็สวมชุดเกราะปราณ และยกแขนขึ้นพร้อมร้องตะโกนว่า “โจมตีได้ !”

ตามคำสั่งนั่น พวกทหารที่พันผ้าสีดำก็พากันวิ่งไปที่ประตูเมือง พร้อมกับตะโกนเสียงดังก้อง “ฆ่า !”

แม่ทัพใหญ่เป็นผู้นำทัพไปแล้วแบบนี้ งั้นทหารด้านล่างจะยังคงนิ่งเฉยอยู่ได้อย่างไร ? กองทัพเปิงกว่า 2 พันคนพากันพุ่งไปข้างหน้าในทันที !!!

พวกทหารเปิงไม่คิดเลยแม้แต่น้อย ว่าจู่ ๆ จะมีศัตรูมาปรากฏตัวข้างหลัง ซึ่งแท้จริงแล้วศัตรูเหล่านี้คือ ‘คนของพวกเขาเอง’ !!!

หลิวหยวนและจางฉิงรวดเร็วที่สุด พวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ไปถึงทางเข้า ก่อนที่ทั้งคู่จะใช้หอกวิญญาณของพวกเขาแทงอย่างบ้าคลั่งไปที่ทหารที่ขวางประตูเมือง

พร้อมกับเสียงอู้อี้ของหอกที่แทงทะลุเนื้อหนัง ทหารมากกว่าสิบคนก็เสียชีวิตในพริบตา ทำให้ทหารคนอื่น ๆ กลัวมากจนใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป “แม่ทัพหลิว แม่ทัพจาง พวกเราอยู่ข้างเดียวกันไม่ใช่หรือ เหตุใดพวกท่านถึงต้องฆ่าแกงกันเองด้วย ?”

———————————————————————-