บทที่ 306
บทที่ 306

ไม่มีทหารคนใดตอบคำถามของพวกเขา คนพวกนั้นเพียงทำการโจมตีแบบสุ่มต่อไป ทำให้พวกเขาตายไปทั้ง ๆ ที่ยังสับสน

พวกแม่ทัพที่อยู่บริเวณนั้นไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาพากันลงไปตรวจสอบ และเมื่อเห็นทหารกำลังต่อสู้กันเอง พวกเขาก็พลันสับสนไปหมด ก่อนหันมองไปที่ตูฉิงด้วยความประหลาดใจ “ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น ?”

“ข้าตัดสินใจเข้าฝ่ายเทียนหยวนแล้ว และตอนนี้ข้าก็ต้องการที่จะให้พวกเขาเข้ามา พวกเจ้ายอมจำนนเสียเถอะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน !” ในขณะที่พูด ตูฉิงก็ได้ชี้ดาบปราณขึ้นเชิงข่มขู่

“บัดซบ !!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกแม่ทัพที่เหลือก็พลันหน้าซีดเผือด และหลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็กลับมามีสติและตะโกนพร้อมเพรียงกันว่า “ตูฉิงก่อกบฏ ! ตูฉิงก่อกบฏ !”

“รนหาที่ตายเสียแล้ว !” ตูฉิงส่งเสียงกร้าว พุ่งไปหาแม่ทัพที่กำลังร้องตะโกน

พลังปราณของตูฉิงไม่ได้อ่อนแอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ต่างเช่นกัน ดังนั้นผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ยากที่จะรู้ได้ !

มาในตอนนี้ ณ ทางเข้าประตูเมือง หลิวหยวนและจางฉิงกำลังร้องสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาให้เข้าสังหารกองทัพเปิงทั้งหมดที่อยู่รอบประตูเมือง และทำการเคลื่อนย้ายเสาไม้ที่ปิดกั้นออก

ทว่าพวกทหารกบฏไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากมีพวกทหารเปิงหลายนายที่วิ่งสวนลงมา ทำให้มาตอนนี้ประตูเมืองตะวันตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย จนยากที่จะบอกได้ว่าใครเป็นมิตรใครเป็นศัตรู

…แต่เมื่อกองทัพกบฏปลดสลักประตูเมืองออก ทหารเทียนหยวนภายนอกก็พากันพุ่งทะยานเข้ามา !

“เฮ้ ๆ ทางนี้ ๆๆ! เราอยู่ฝ่าย… อ๊ากกกกก !”

กองทัพเทียนหยวนบุกเข้ามาในเมืองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ทำให้พวกเขาไม่ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่ว่าแม้แต่น้อย และเมื่อเห็นเข้ากับทหารเปิงในชุดเกราะสีแดงที่อยู่บริเวณนั้น พวกเทียนหยวนก็พลันพุ่งไปข้างหน้าแล้วใช้หอกแทงไปยังใบหน้าของพวกเขาในทันที

“สหาย….? พวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน… นี่.. ?”

ทหารกบฏถูกกองทัพเทียนหยวนทุบเป็นเนื้อบด หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันร้องคำรามและวิ่งเข้าไปในเมือง ทำให้หลิวหยวนและจางฉิงตกใจ จนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้และถอยกลับอย่างเร่งรีบ ก่อนร่างจะกระแทกเข้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาและสะดุดเกือบล้ม

พวกเขาถอยออกมาเพื่อให้กองทัพเทียนหยวนมีพื้นที่ และทันทีที่ประตูเปิดออก ทหารกองทัพเทียนหยวนก็พากันรุมเข้ามาราวกับกระแสน้ำหลาก !!!!

มันจบแล้ว ! มีแม่ทัพเปิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ต่อสู้กับตูฉิงต่อ ด้วยพวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้ต่อไปแล้ว เพราะเมื่อพวกเทียนหยวนเข้ามาได้ ความได้เปรียบที่เคยมีมาก็จะไม่คงอยู่อีกต่อไป !!!

แม่ทัพเปิงกระวนกระวายใจอย่างหนัก ก่อนที่พวกเขาจะหันหลังวิ่งกลับไป โดยมีจุดหมายเป็นการเข้าไปรายงานเกิงฉวน !!!

เมื่อพวกเขาหนีไปแล้ว ตูฉิงก็ไม่ได้ไล่ล่าพวกเขาต่อ แต่กลับวิ่งเข้าหากองทัพเทียนหยวนที่เข้ามา โดยในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ได้ตะโกนออกไปว่า “ข้าคือตูฉิง แม่ทัพเฝ้ากำแพงเมืองฝั่งตะวันตกแห่งเมืองสีไป่ และข้าก็ได้ให้คำมั่นแล้วว่าจะจงรักภักดีต่อท่านถังหยิน !!!”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ นายทหารเทียนหยวนที่อยู่แนวหน้าสุดก็ได้ยกหน้าไม้ขึ้นแล้วยิงออกมา !

หน้าไม้ที่ยิงตูฉิงนั้นได้รับการดัดแปลงมาแล้ว และถึงแม้มันจะไม่ได้ทรงพลังเท่าลูกศร ทว่ามันก็มีถึง 5 ดอกด้วยกันที่ยิงออกมาพร้อมกันในระยะประชิด ทำให้พลังทำลายล้างเรียกได้ว่ารุนแรงพอตัว !!!

และเมื่อพวกทหารเทียนหยวนใช้หน้าไม้นับร้อยออกมาพร้อมกัน ก็คงไม่ต้องคิดเลยว่าอานุภาพของมันจะรุนแรงเพียงใด !

เกราะปราณบนร่างกายของตูฉิงไม่สามารถทนต่อการกระแทกอย่างต่อเนื่องได้ มันแตกออกในพริบตา ก่อนที่ลูกศรเหล่านั้นจะแทงทะลุเนื้อจนเกิดเสียงดัง ปั๊ก ! ปั๊ก ! ปั๊ก ! และเปลี่ยนให้ร่างของตูฉิงกลายเป็นดั่งเม่นสีโลหิต !!

ตุบ !

ตูฉิงคุกเข่าลงบนพื้นโดยใช้ดาบปราณพยุงกาย และก่อนที่เขาจะสิ้นลม เขาก็ได้ใช้เสียงแหบและอ่อนแอเอ่ยถามออกมา “ข้าหมายมั่นที่จะจงงรักภักดีต่อท่านถังหยินไปแล้ว เหตุใดกันถึงได้…?”

เป็นที่น่าเสียดายสำหรับแม่ทัพผู้สง่างาม ผู้ปกป้องเมืองฝั่งตะวันตกนามว่าตูฉิง ด้วยในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองได้เลือกเส้นทางที่ชาญฉลาด ! ทว่าในท้ายที่สุดเขากลับถูกยิงเหมือนหมูเหมือนหมาโดยพวกเทียนหยวน ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พูดคุยด้วยซ้ำ !!

“ท่านแม่ทัพพพ !”

เมื่อเห็นตูฉิงตายอย่างอนาถภายใต้ลูกศรหน้าไม้ของกองทัพเทียนหยวน หลิวหยวนและจางฉิงต่างก็ส่งเสียงร้องออกมา ก่อนที่จะรีบวิ่งไปข้างหน้า และเข้ากอดร่างของตูฉิงเอาไว้พลางร้องไห้ออกมา

ตอนนี้พวกเขาเป็นศัตรูในสายตาของกองทัพเทียนหยวน ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นอกเห็นใจพวกเขาเลยสักคน ! ซึ่งเป้าหมายถัดไปของพวกเทียนหยวนก็คือหลิวหยวนและจางฉิง !!!

ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีแม่ทัพในชุดเกราะปราณสีขาววิ่งเข้ามา เขาตะโกนเสียงดัง “พวกคนที่มีสายรัดแขนสีดำเป็นสหายของเรา พี่น้องอย่าฆ่าพวกเขา !”

แม่ทัพที่เร่งรีบเข้ามาคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอู่กวง

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของอู่กวง ทหารกองทัพเทียนหยวนก็สงบลง ก่อนที่ทุกคนจะดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่เพิ่งกระทำไป

อู่กวงที่เห็นทุกอย่างรีบใช้ความคิดในทันที และเมื่อมองไปยังร่างที่พรุนไปด้วยลูกดอกหน้าไม้ของตูฉิง เขาก็พลันถอนหายใจออกมา ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นและร้องตะโกนใส่ทหารที่อยู่ด้านล่าง “อย่ามัวแต่ยืนอยู่ตรงนั้น รีบตามข้าเข้าไปในเมืองเพื่อเด็ดหัวของเกิงฉวนกันได้แล้ว !”

“รับทราบ !”

ไม่มีใครมองไปที่ร่างของตูฉิงอีกเลย และในขณะที่พวกเขาบุกตามอู่กวงเข้าไปในเมือง มันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเมืองพังลงพอดี ทำให้บนกำแพงเมืองไม่มีใครมีใจที่จะปกป้องอีกต่อไป !

…ซึ่งข่าวเรื่องกองทัพเทียนหยวนบุกเข้ามาทางด้านตะวันตก มันก็ได้ไปถึงหูของเกิงฉวนอย่างรวดเร็ว และหลังจากได้ยินรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา เกิงฉวนก็ต้องอ้าปากค้างและเกือบจะเป็นลม เขาทรุดตัวลงบนเก้าอี้ จ้องมองพื้นอย่างว่างเปล่า ก่อนจะฟื้นคืนสติแล้วดีดตัวลุกขึ้น

“ด่วน ! รีบย้ายกำลังคนจากทางเหนือไปทางตะวันออกของเสียเดี๋ยวนี้เลย !!! ไม่ว่ายังไงก็ต้องบีบพวกมันออกไปให้ได้ !”

ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้ยินเกิงฉวนว่าแบบนั้นก็ได้แต่แอบยิ้มออกมา เพราะพูดง่ายแต่ทำยากยิ่งนัก ! ด้วยเมื่อกองทัพเทียนหยวนเข้ามาในเมืองแบบนี้ แล้วจะจัดการคนพวกนั้นได้ยังไง ? แต่เมื่อเห็นว่าเกิงฉวนกำลังจะบ้าคลั่งจากความวิตกกังวล คนด้านล่างก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบตอบก่อนวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว !

เมื่อคนผู้นั้นออกไปแล้ว เกิงฉวนก็พลันโค้งตัวลงพลางหอบหายใจหนัก ขณะเดียวกัน ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกผิดปกติ จนอดไม่ได้ที่จะก้าวไปมาในห้องไม่หยุด

ในขณะนั้นเอง จากมุมตาของเกิงฉวนก็เผยให้เห็นชูเยว่ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง และก็ราวกับว่าเขาได้พบเส้นชีวิต เกิงฉวนก็พลันรีบเข้าไปถามในทันทีว่า “ชูเยว่บอกที ตอนนี้เราควรทำอย่างไร ?”

ชูเยว่ตะลึงงัน นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาว่างเปล่าราวกับรูปปั้นที่ทำจากดินไม่ขยับไปไหน และเมื่อได้สติ เขาก็พลันเอ่ยออกมาว่า “…เราจบแล้วขอรับ”

เป็นชูเยว่ที่คอยให้คำปรึกษาแท้ ๆ แต่เมื่อกองทัพเทียนหยวนเข้ามาในเมืองแล้ว เขากลับไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ !!!

“’งั้นแล้วมันจะมีประโยชน์อันใดอีกที่จะให้เจ้าอยู่ที่นี่ !!!” เกิงฉวนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็หันไปคว้าจับดาบเข้าแทงไปที่ท้องของชูเยว่ในพลัน

“อั๊ก !”

หลังจากถูกแทงด้วยดาบของเกิงฉวน ชูเยว่ก็กรีดร้องอย่างน่าสังเวชและตกจากเก้าอี้ลงไปที่พื้น แขนขาของเขากระตุกสองสามครั้ง ก่อนจะหยุดเคลื่อนไหว …ไม่ขยับอีกเลยนับจากนี้

เกิงฉวนแทงชูเยว่ตายด้วยดาบ จากนั้นก็หันไปเรียกทหารที่ประตูแล้วคำราม “เรียกยูจุนมาช่วยข้าเดี๋ยวนี้ !” ในเวลานี้ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงยูจุนขึ้นมาได้ ซึ่งตัวเขานั้นก็ไม่รู้แม้แต่น้อย ว่าเหตุผลที่กองทัพเทียนหยวนสามารถเปิดประตูเมืองตะวันตกได้นั้น เป็นฝีมือของยูจุน !!!

เสียงการต่อสู้จากฝั่งตะวันตกของเมืองทำให้ชาวเมืองหวาดกลัว ก่อนที่มันจะตามมาด้วยความโกลาหลที่ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป !!!

ถังหยินที่เฝ้าดูอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าได้เวลาเหมาะสม เขาก็พลันเรียกร่างเงากลับมา ทำให้เกิดภาพที่หมอกดำลอยตัดผ่านอากาศมาแต่ไกล ก่อนไหลเข้าร่างของชายหนุ่ม

สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ทหารเปิงและชาวเมืองที่อยู่โดยรอบตกตะลึง เปิดโอกาสให้ถังหยินเดินออกมาและพูดกับฝูงชนโดยรอบว่า “ฝั่งตะวันตกของเมืองล่มสลายแล้ว ถ้าเจ้ายังคิดต่อต้านต่อไป มันก็คงจะมีแต่ความตายที่รออยู่ สู้วางมือ และเข้าร่วมกับกองทัพเทียนหยวนไม่ดีกว่าหรือ !”

เสียงตะโกนของเขาทำให้กองทัพเปิงโดยรอบตกอยู่ในความสับสน ทว่ากลับพวกชาวเมืองไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขายอมรับ และพูดออกมาว่า “ไม่ต้องสู้อีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องต่อสู้อีกแล้ว ! พวกเราจะเข้าร่วมกับกองทัพเทียนหยวน !”

———————————————————————-