ตอนที่ 525 ขอให้เก็บเป็นความลับ
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วผุดรอยยิ้มออกมา วางถ้วยชาในมือลงแล้วมองเขา “ขออภัยจริงๆ ยาข้าปกติออกประมูลเท่านั้น หนำซ้ำตอนนี้ข้ายังไม่มีแผนจะขาย ส่วนตำแหน่งผู้อาวุโส…”
เสียงเธอหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มๆ “ข้าแค่ผ่านทางมาที่นี่ คงไม่อยู่นานเกินไปนัก จัดการธุระเรียบร้อยก็จะกลับไป ด้วยเหตุนี้ช่างมันดีกว่าขอรับ!”
เธอมาสมาคมนักปรุงยาเพื่อรับเหรียญตรา สอบใบรับรอง ไม่คิดจะเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์อะไรพวกนั้น มันยุ่งยากเกินไป สิ่งที่คนอย่างเธอไม่ชอบที่สุดก็คือความยุ่งยาก
“แต่ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์แค่มอบชื่อ…”
เขายังอยากกล่าวแนะนำ ใครจะรู้ว่าเฟิ่งจิ่วกลับโบกๆ มือ “อวี๋เหล่าไม่ต้องพูดอะไรมาก วันนี้ข้าแค่มาสอบเหรียญตรา ไม่อยากเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์อะไรนั่นจริงๆ ขอรับ”
ได้ยินเช่นนี้ แม้แต่อวี๋เหล่ายังมุมปากกระตุกอย่างกลั้นไม่อยู่ สีหน้าหมดคำพูด ไม่รู้ว่าควรพูดชี้แนะอย่างไรอีกดี หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นทั่วไป พอได้ยินว่าจะได้เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์แห่งสมาคมนักปรุงยาไม่รู้ว่าจะดีอกดีใจจนเป็นเช่นไร มีหนุ่มน้อยนิสัยแปลกคนนี้คนเดียวที่ไม่สนใจไยดี
เขาอยู่สมาคมนักปรุงยามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนแปลกเช่นนี้
“อวี๋เหล่า เหรียญตรามาแล้วขอรับ”
อาจารย์คุมสอบสามคนเดินออกมา เวลานี้สายตาทั้งสามหยุดลงบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดง รู้สึกราวกับฝันไป เด็กหนุ่มคนนี้ได้รับเหรียญตรายาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!
หนำซ้ำระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์…เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิ่งจิ่ว แม้แต่พวกเขายังต้องเรียกว่านักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งด้วยความเคารพ…
อวี๋เหล่ามองๆ หนุ่มน้อยแล้วถึงจะรับเหรียญตรามา บอกเฟิ่งจิ่วว่าต้องลงนามรับรองเหรียญตราอย่างไร หลังจากผ่านขั้นตอนมากมาย ก็เห็นเขาถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง แล้วถามอีกว่า “เสี่ยวจิ่ว เจ้าจะไม่ไตร่ตรองหน่อยจริงหรือ? เป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมนักปรุงยาเรามีผลดีไม่น้อยเลยนะ”
ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป ใบหน้าชราแดงขึ้นอย่างอดไม่ได้ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันต้องใช้วิธีเช่นนี้มาล่อเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ให้เขากลายเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคม แต่หากวิธีนี้ได้ผลก็ยังดี กลับกลายเป็นว่าหนุ่มน้อยไม่สนใจตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์โดยสิ้นเชิง ชวนให้ปวดหัวเสียจริงๆ
ทว่าเฟิ่งจิ่วรับเหรียญตราที่ผ่านการตรวจสอบและยืนยันมาเก็บ จากนั้นเอ่ยยิ้มๆ “อวี๋เหล่า ข้าแค่ผ่านทางมาจริงๆ ขอรับ อยู่ที่นี่นานไม่ได้ น้ำใจของท่านข้าน้อมรับด้วยใจ สหายข้ายังรออยู่ด้านนอก! ต้องขอตัวก่อน”
แววตาเธอมีรอยยิ้ม ปลาบปลื้มอย่างยิ่งกับการมารับเหรียญตรายาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ เพียงแต่เมื่อเธอประสานมือคารวะและเตรียมตัวจะออกไป ฝีเท้ากลับชะงักลง หันกลับไปมองอวี๋เหล่าแล้วกล่าวว่า “อวี๋เหล่า เรื่องที่ข้าเป็นนักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ขอให้เก็บไว้เป็นความลับด้วย โดยเฉพาะชื่อ ข้าไม่อยากให้มันแพร่งพรายออกไป”
ทุกคนในห้องโถงใหญ่มองตาปริบๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ไม่อยากให้แพร่งพรายออกไป? ทำไมถึงไม่อยากแพร่งพรายออกไปเล่า?
นี่เป็นโอกาสดีที่จะสร้างชื่อเสียง ขอเพียงพวกเขาปล่อยข่าวที่นี่ออกไป ไม่เพียงแคว้นมหาสันติรู้จักเขา แม้แต่แคว้นอื่นๆ ก็จะรู้กันหมดว่าวันนี้สมาคมนักปรุงยาของพวกเขามีนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ผู้มากพรสวรรค์คนหนึ่งที่อายุสิบหกปี!
เห็นท่าทางเด็กหนุ่มจริงจัง สายตาระยิบระยับจับจ้องแน่นิ่งมาที่ตน อวี๋เหล่าถอนหายใจ ลุกขึ้นบอกว่า “เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะสั่งเก็บเป็นความลับ ชื่อเจ้าจะไม่เปิดเผยออกไปแน่นอน”
ได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มตรงริมฝีปากเฟิ่งจิ่วยิ่งกว้างขึ้น มองอย่างลึกซึ้งไปที่เขา “ขอบคุณมากขอรับ” กล่างจบถึงค่อยเดินออกไป
………………………………………………….
ตอนที่ 526 ภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
อาจารย์คุมสอบทั้งสามถลึงตาจ้องมองร่างเด็กหนุ่มที่จากไป กระทั่งหายลับไปถึงจะหันกลับมามองอวี๋เหล่า หนึ่งในนั้นถามอย่างโง่เขลา “นี่ นี่เราจะเก็บเป็นความลับจริงๆ หรือขอรับ?”
อวี๋เหล่าฟังแล้วดวงตาจ้องเขม็ง “อะไรคือจะเก็บความลับจริงหรือ? สิ่งที่ข้าพูดไปเป็นการหลอกลวงเขาหรือไร? ต้องเก็บเป็นความลับอยู่แล้ว! พวกเจ้าสามคนรู้เรื่องนี้เป็นพอ ต่อให้ใครถามก็อย่าบอกออกไป!”
“ขอรับๆ” ทั้งสามรีบร้อนขานรับ เช็ดปาดเหงื่อ ไม่ต้องให้อวี๋เหล่าบอกพวกเขาก็รู้ว่าการผิดใจกับนักปรุงยาระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
หากผิดใจกับนักปรุงยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะจัดการใครไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตนเอง แค่ต้องมอบยาหนึ่งขวดให้ผู้แข็งแกร่งช่วยจัดการโดยตรงก็ได้แล้ว เรื่องเช่นนี้พวกเขาเคยเห็นมามากมายนัก จึงไม่กล้าก่อปัญหาติดตัว
ทางอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่ออกจากสมาคมอารมณ์ดีมาก สูดหายใจเข้าลึกและถอนออกเบาๆ สายตาหันมองไปหยุดลงบนโรงน้ำชาไม่ไกล แล้วสาวก้าวเดินไปทางนั้น
ยังไม่ทันเข้าไปโรงน้ำชา เหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาก็ออกมาต้อนรับ
“นายท่าน ท่านกลับมาแล้ว! เหนื่อยหรือไม่? มาพักผ่อนในโรงน้ำชาเร็วขอรับ”
เหลิ่งซวงทำแค่มองเธอเงียบๆ ในแววตามีความยินดี ส่วนเหลิ่งหวาใบหน้ามีรอยยิ้มเริงร่า ถามว่าเธอเข้าไปนานเพียงนี้การสอบประเมินเหนื่อยหรือไม่พลางนำทางอยู่ด้านหน้า พาเธอขึ้นบนชั้นสองที่เจ้าตำหนักยมราชเหมาไว้ทั้งหมด
เมื่อเดินขึ้นมาถึง เธอกวาดมองชั้นสองที่ว่างโล่งและเงียบสงบ สายตาหันไปหยุดลงบนร่างหลิงโม่หานที่นั่งดื่มชาตรงด้านหน้า เอ่ยยิ้มๆ ว่า “สมกับเป็นคนร่ำรวย! แค่ดื่มชายังเหมาไว้ได้ทั้งชั้นสอง”
ดวงตาดำลึกล้ำของหลิงโม่หานมองไปทางนาง สายตามองจากบนลงล่างอย่างแนบเนียน เห็นนางร่างกายสะอาดสะอ้านเหมือนตอนเข้าไปและไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรก็ละสายตากลับ เสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาจากปากเขาอย่างเนิบๆ
“ได้เหรียญตราแล้วทำไมไม่สวมไว้?”
“ฮ่าๆ ข้าเป็นคนโอ้อวดเช่นนั้นหรือ? ข้าไม่สนใจลาภยศสรรเสริญ หากไม่ใช่ว่าต้องใช้เหรียญตรายาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ข้าก็คร้านจะไปสอบ” ระหว่างพูดก็โยนๆ เหรียญตราอยู่ในมือ
ขณะเดียวกัน เธอมองหลิงโม่หาน แววตามีรอยยิ้ม ใบหน้าเล็กมีความภูมิใจบางส่วน “ข้าจะบอกพวกท่าน ตอนที่ข้าสอบประเมินผ่าน อวี๋เหล่าคนนั้นยืนกรานอยากจะรั้งข้าไว้ บอกว่าอยากซื้อยาข้าในราคาสูง ซ้ำยังจะเชิญข้าไปเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมพวกเขาด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางกับอิ่งอีที่คอยอยู่ข้างๆ เบิกตาโตโดยพลัน มองไปทางนางด้วยความตะลึง
แม้แต่หลิงโม่หานที่กำลังดื่มชาแววตายังสั่นไหวเล็กน้อย สายตาหยุดลงบนร่างสาวน้อยที่ภาคภูมิใจอย่างยิ่งพร้อมกระดิกหางราวจิ้งจอกน้อย น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเจือแววยิ้มหัว “เช่นนั้นเจ้าว่าอย่างไร?”
มือหนึ่งเขาเล่นถ้วยชา ดวงตาดำลึกล้ำมองนางยิ้มๆ คิดว่าด้วยนิสัยแปลกๆ ของนาง เขาไม่อาจคาดหวังอะไรมากเกินไปนัก
ฮุยหลางกับอิ่งอีได้ยินนายท่านถามคำถามที่พวกเขาเองก็อยากรู้ จึงอดไม่ได้กลืนน้ำลาย ก่อนจะมองทางเฟิ่งจิ่ว
ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของสมาคมนักปรุงยา! นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่ใครอยากเป็นก็ล้วนเป็นได้ ภูตหมอตอบรับหรือไม่กันแน่? คงจะตอบรับกระมัง มีแต่คนโง่ถึงจะผลักไสเรื่องดีๆ เช่นนี้
มีเพียงเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวาที่ยังมีท่าทางสงบนิ่ง นายท่านจะตัดสินใจเช่นไร พวกเขาคิดว่าถูกทั้งนั้น
เห็นสายตาทุกคนจับจ้องมาที่เธอ และเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาแต่ละคน เธอยิ่งรู้สึกว่าการที่ตนผลักไสตำแหน่งผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ไปเป็นเรื่องมีเกียรติยิ่ง
ดังนั้นเธอจึงกระแอมเบาๆ ใบหน้าเล็กมีสีหน้าได้ใจ “ข้าไม่ตอบรับแน่นอน! บอกปัดไปทันทีด้วย!”
เมื่อเธอเอ่ยออกไป ชั้นสองพลันเงียบสงัดลง…