ตอนที่ 280 กรอบดังกรุบๆ

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

กลางวัน ฟางเจิ้งนั่งอยู่หน้าโต๊ะอีกครั้ง หยิบมือถือมากวาดตามอง มีสายที่ไม่ได้รับห้าหกสาย นั่นเป็นเบอร์แปลกจากเด็กคนนั้นทั้งหมด ฟางเจิ้งส่ายหน้า ไม่ได้สนใจอะไร ถึงอย่างไรก็โทรผิด

กลางคืน ฟางเจิ้งจะนอนหลับ มือถือดังขึ้นอีกครั้ง

ฟางเจิ้งหยิบขึ้นมาดู ยังคงเป็นเด็กคนนั้น จึงรับสายด้วยความจำใจ

สรุปคือเขายังไม่พูด อีกฝ่ายก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ฮัลโหล? ใช่พ่อไหม?”

ฟางเจิ้งถอนหายใจด้วยความเศร้า จะปฏิเสธแต่อดกลั้นไว้ คิดไปคิดมาสุดท้ายก็ไม่อยากหลอกเด็กคนนี้ เด็กนี่มีมือถือ เห็นได้ว่ามีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ข้างๆ ถ้าเขาปลอมเป็นบิดาอีกฝ่ายคงจะไม่ดีนัก ดังนั้นจึงตอบไปว่า “อมิตาพุทธ โยมน้อย อาตมาไม่ใช่พ่อโยม โทรผิดแล้ว…”

“อย่างนั้นเหรอ…ขอโทษครับ” เสียงเด็กหดหู่เล็กน้อยก่อนวางสายไป

ฟางเจิ้งได้ยินเสียงหดหู่จากเด็กน้อยแล้วเกิดความเศร้านิดๆ ในใจ คืนนี้นอนไม่หลับแล้ว แต่นั่งเคาะมู่อวี๋ในอุโบสถทั้งคืน ขณะเดียวกันก็มีคนนอนไม่หลับ

“อาจารย์ ท่านไม่เคาะมู่อวี๋ได้หรือไม่? มันน่ารำคาญมาก” เด็กแดงนั่งอยู่ตรงปากประตูอุโบสถ เอ่ยด้วยความไม่พอใจมาก

ต๊อกๆ…

ตอบเด็กแดงด้วยเสียงมู่อวี๋

“อาจารย์ เมื่อไรท่านจะคืนพลังข้ามา ความรู้สึกตอนเป็นคนธรรมดามันแย่ชะมัด”

ต๊อกๆ…

“อาจารย์ ท่านพูดเป็นหรือไม่?”

‘ต๊อกๆ…’

“อาจารย์? หลับไปแล้ว?”

‘ต๊อกๆ…’

“อาจารย์ ตอบหน่อย”

‘ต๊อกๆ…’

เด็กแดงเห็นฟางเจิ้งไม่ขยับเลย ในใจเกิดการสั่นไหว คลำหาหินก้อนหนึ่งเงียบๆ อ้อมไปข้างฟางเจิ้งก่อนชูขึ้นสูง!

“จิ้งซิน จะทำอะไร?” ตอนนี้เองฟางเจิ้งพูดขึ้น

เด็กแดงพลันเก็บหินที่ชูขึ้นสูงกลับไป ซ่อนไว้ข้างหลัง หัวเราะแห้งๆ สองที “เปล่า อาจารย์เคาะมู่อวี๋จนศิษย์จิตใจว้าวุ่นไปหมด อาจารย์มีเรื่องทุกข์ใจรึ?”

ฟางเจิ้งชำเลืองตามองเด็กแดงแวบหนึ่ง เขาอยู่กลางอุโบสถ ถึงจะไม่ลืมตา แต่พระพุทธรูปพระโพธิสัตว์สององค์คือดวงตาของเขา มองได้สามร้อยหกสิบองศา ทุกสิ่งในอุโบสถหนีไม่พ้นสัมผัสตน เด็กแดงเกิดจิตสังหาร เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?

แต่ฟางเจิ้งก็ไม่เปิดโปง เขารู้ว่าเด็กแดงไม่ได้เชื่อฟังง่ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นพระโพธิสัตว์คงไม่โยนมาให้ ฟางเจิ้งเองก็ไม่หวังว่าจะให้เด็กแดงจะเชื่อฟังได้ในคราวเดียว นี่คือวิชาการฝนด้วยน้ำ ได้แต่ช้าๆ ค่อยๆ ให้วาจาและการกระทำเปลี่ยนแปลง ชักพาไปเรื่อยๆ

แต่ว่าเจ้านี่เกิดจิตสังหาร มีความคิดจะฆ่า ถ้าไม่สั่งสอนสักเล็กน้อย จากนี้จะกำเริบเสิบสานและจะจัดการยากกว่าเดิม ดังนั้นฟางเจิ้งเลยยิ้มน้อยๆ “อาตมามีเรื่องทุกข์ใจจริงๆ ศิษย์เอ๋ย ในมือถืออะไรอยู่?”

“ไม่มีอะไรๆ…” เด็กแดงตกใจสะดุ้ง ถ้าฟางเจิ้งเห็นเข้าคืนนี้คงเป็นคราวของเขาที่ต้องทุกข์ใจ

ฟางเจิ้งหัวเราะหึๆ “เอาออกมาให้อาจารย์ดูหน่อย”

เด็กแดงส่ายหน้ารัวๆ “อาจารย์อย่าดูเลย คือว่ามัน…” เด็กแดงยังคิดไม่ออกเลยว่าจะโกหกอย่างไรดี

ผลสุดท้ายฟางเจิ้งถอนหายใจ มองไปข้างนอก “วันนี้อาจารย์ทุกข์ใจ สงบลงไม่ได้ ขนาดเคาะมู่อวี๋ยังปล่อยอารมณ์ที่ปั่นป่วนออกมา ศิษย์ ถ้านายมีของดีก็เอามาแบ่งปันกัน ถ้าอาจารย์อารมณ์ดีจะได้เข้านอนเร็ว นายเองก็จะได้นอนสงบๆ”

“ไม่ใช่ของดีอะไรหรอก ข้าเห็นมันแล้วก็กลุ้มใจ” เด็กแดงตอบ

ฟางเจิ้งว่า “นี่เป็นเรื่องดี ถ้านายมีเรื่องกลุ้มใจอะไรก็พูดออกมา อาตมายินดี”

เด็กแดง “¥%…”

“เอาล่ะ ศิษย์ อย่าขี้งกนักเลย มา ยื่นมือออกมา” ฟางเจิ้งพูด

เด็กแดงได้ยินดังนั้นพลันตึงเครียดในใจ ‘หรือว่าไอ้สารเลวหัวโล้นจะรู้ว่าข้าจะทำอะไร? ไม่ได้การ ความแตกแล้ว ถ้าเป็นที่ที่เรามา การหลอกอาจารย์ฆ่าล้างบรรพบุรุษจะต้องถูกสังหารไร้ที่ฝัง ถ้าไอ้สารเลวหัวโล้นอำมหิตสวดมนต์หนึ่งคืน เปิดโปงข้า แบบนี้ตายเสียดีกว่าอยู่อีกรึไม่?’

เด็กแดงร้อนรนในใจ เกิดอารมณ์ชั่ววูบ พลันนึกถึงแนวคิดอย่างหนึ่ง รีบกล่าว “อาจารย์ ไม่ใช่ของดีอะไรจริงๆ เป็นของว่างของศิษย์เอง”

“ของว่าง? นายซ่อนของว่างไว้? เอาออกมาให้อาจารย์ดูหน่อย” ฟางเจิ้งยิ้มเบิกบานใจกว่าเดิม

เด็กแดงเห็นหลบไม่พ้นจึงเป็นไงเป็นกัน หยิบหินออกมา เอ่ยเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย “อาจารย์ดู…”

เดิมทีคิดว่าฟางเจิ้งจะเปิดโปงว่าเขาโกหก ก่อนจะหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธจัด สวดมนต์จัดการเขา แต่สิ่งที่เด็กแดงคาดไม่ถึงคือฟางเจิ้งทำหน้ามึน ก่อนหัวเราะเสียงดัง “ว้าว ศิษย์ อาหารว่างนายพิเศษมากเลยนะ ฟันดีรึเกิน มา กินให้อาจารย์ดูหน่อย จิ๊ๆ สมกับเป็นเทพเซียน…”

ฟางเจิ้งยิ้มหยีตามองหินสีดำมืดขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่สองคนในมือเด็กแดงพลางพูดยิ้มๆ

เด็กแดงใจเต้นระรัว หมายความว่าอย่างไรกัน? กินจริงๆ เหรอ?! สารเลวหัวโล้นโง่รึเปล่า? นี่มันหินโว้ยจะกินได้อย่างไร? แต่เห็นแววตาอยากรู้อยากเห็นจากฟางเจิ้งแล้ว เด็กแดงเศร้าในใจอย่างยิ่ง นี่จะให้เขากินจริงๆ! ถ้าไม่กินล่ะ ถ้าไม่กิน มีโอกาสแปดส่วนที่เรื่องที่เขาจะสังหารอาจารย์ถูกเปิดโปง

เด็กแดงคิดถึงตรงนี้จึงกัดฟัน หลับตาลง อ้าปากเล็กยัดหินเข้าไปในปาก ออกแรงกัด!

กรอบ!

เด็กแดงกัดหินก้อนใหญ่แตกจริงๆ ก่อนเคี้ยวๆ ในปาก…

ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นก็ชะงักงัน เขาอยากหลอกเด็กแดงจริง สั่งสอนอีกฝ่ายบ้าง ให้ลำบากแล้วจำผลของการกระทำในวันนี้กับการโกหกไว้ แต่ไม่นึกเลยว่าเด็กซื่อสัตย์คนนี้จะกินจริงๆ อีกทั้งดูจากฟันแล้วก็ดีมาก กินได้ดูอร่อยมาก…ขณะเดียวกันยังลอบปลงอนิจจัง ‘สมกับเป็นลูกของราชาปีศาจกระทิง สมกับเป็นจอมปีศาจ มองเป็นคนธรรมดาไม่ได้จริงๆ ถึงไม่มีพลัง แต่ร่างกายก็น่ากลัวอยู่ดี’

“อาจารย์ใช้ได้รึยัง?” เด็กแดงคับอกคับใจจนอยากจะร้องไห้ นี่มันเรื่องอะไรกัน? ฝึกเต๋ามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่อึดอัดใจ! เขาพบว่าตั้งแต่มาวัดเอกดรรชนี ทุกครั้งที่อยากจะหลอกไอ้สารเลวหัวโล้นนี่ ตอนสุดท้ายกลับเป็นตนที่ถูกหลอก! เขาไม่เชื่อเรื่องพิลึกที่ว่ามหาราชาเซิ่งอิงผู้สง่าอย่างตนจะจัดการหัวสารเลวหัวโล้นนี่ไม่ได้!

“ดูท่าศิษย์คงจะหิวจริงๆ อยู่ในอุโบสถไม่เหมาะจะกินอาหารนะ” ฟางเจิ้งตอบแบบนี้

เด็กแดงพลันถอนหายใจโล่งอก รีบตอบกลับ “อาจารย์ ท่านพักก่อนแล้วกัน ข้าจะออกไปกินข้างนอก”

เอ่ยจบเด็กแดงก็วิ่งไปข้างนอก แต่มีเสียงฝีเท้าดังตามมาข้างหลัง พอหันไปมอง เด็กแดงแทบจะร้องไห้ ฟางเจิ้งตามมาด้วย!

“ศิษย์จะรีบร้อนไปไหน? อาจารย์ยังไม่เคยเห็นใครกินหินมาก่อนเลย พวกเรานั่งคุยใต้ต้นโพธิ์กัน อาตมาดื่มชา ศิษย์กินอาหารมื้อดึกไป พวกเราจะได้กระชับความสัมพันธ์ศิษย์กับอาจารย์ เพิ่มความอบอุ่นกันหน่อยดีไหม?”

…………………….