Ep.580 – เกราะรบ

 

เมื่อการแลกเปลี่ยนวรยุทธเสร็จสิ้น ทั้งสองก็ได้รู้จักกันมากขึ้น

 

อีเลียใช้การแลกเปลี่ยนวรยุทธเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับกู่ฉิงซาน

 

แล้วกู่ฉิงซานล่ะ เขาไม่ได้อะไรเลยหรือ?

 

ไม่หรอก กู่ฉิงซานเองก็ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน เพราะหลังจากที่ทั้งสองเก็บอาวุธ อีเลียก็ได้ให้คำชี้แนะแก่กู่ฉิงซาน

 

ในขณะเดียวกัน ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ยังสามารถตัดสินเกี่ยวกับอีเลียได้กระจ่างยิ่งขึ้น

 

—ดูเหมือนว่าอีเลียจะเป็นคนที่เชื่อถือได้

 

ประการแรก ในครั้งอดีต อีเลียสาบานต่อหน้ารุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ว่าเธอจะปกป้องลอร่า

 

ซึ่งว่ากันว่าหากละเมิดคำมั่นสาบานนี้ วิหคหนามจะสูญสิ้นอำนาจทั้งหมดไป

 

ประการที่สอง เมื่อครู่นี้ที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนวรยุทธกัน กู่ฉิงซานสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามเพียงต้องการที่จะยืนยันความแข็งแกร่งของเขา มิได้มีความคิดชั่วร้ายอื่นใดแอบแฝงอยู่เลยแม้แต่น้อย

 

มิฉะนั้นแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง อีเลียย่อมสามารถระเบิดมันออกมากำจัดเขาได้ในทันใด

 

ซึ่งตรงจุดนี้กู่ฉิงซานระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ระหว่างต่อสู้เขาก็ลอบให้ความสนใจไปกับส่วนนี้อย่างลับๆ

 

จนกระทั่งในที่สุด เมื่ออีเลียได้เผยทิศทางการฝึกยุทธให้แก่เขา ในหัวใจของตนจึงค่อยรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย

 

ณ เวลานี้ กู่ฉิงซานจึงบังเกิดคำถามหนึ่งขึ้นในจิตใจของเขา

 

“ผมอยากจะสอบถามสักเล็กน้อย ว่าทำไมคุณถึงไม่ได้ตกเป็นเป้าของเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online ?”

 

“อะไรทำให้เจ้าคิดถึงคำถามนี้?”

 

“เพราะภายนอก มีผู้เข้าสู่วิถีมารกว่า 200 ล้านคน ที่ทำการดาวโหลดหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา แต่ไม่มีใครสามารถต้านทานมันได้เลย”

 

“ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่หากผู้ใดต่อต้าน คนๆนั้นจะกลายเป็นแต้มพลังวิญญาณให้แก่มันต่างหาก”

 

อีเลียถอนหายใจและกล่าวต่อว่า “มันค้นพบตัวข้าจริงๆ แต่ข้าก็ได้ปฏิเสธมันไป จากนั้นมันก็ส่งอสูรกายหลายตนมาล้อมสังหารข้า ขณะที่ข้าทำได้เพียงเลือกที่จะซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นน้ำแข็งเพราะไม่สามารถลงมือโดยตรงได้ มิฉะนั้นทริสเต้ย่อมตระหนักข้าอย่างแน่นอน”

 

กู่ฉิงซานพยักหน้า “เชิญกล่าวต่อ”

 

“ข้าดำน้ำลงไปใต้พื้นน้ำแข็ง และต่อมาก็ค้นพบกับโลกใบนี้ โลกที่แยกตัวจากน้ำทะเลและมีกำแพงอุปสรรคของเหล่าทวยเทพกีดขวางอยู่ ข้าจึงใช้ออกด้วยสมบัติล้ำค่า ที่สามารถแทรกแซงอำนาจเทวะได้ เมื่อเข้ามา จึงหลุดพ้นจากการไล่ล่าของมันได้ในที่สุด”

 

“กล่าวอีกนัยนึงก็คือ ภายในโลกที่เหล่าทวยเทพทอดทิ้งใบนี้ ไม่มีใครได้โหลดเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online มาสินะ” กู่ฉิงซานคิดตริตรองและกล่าว

 

อีเลีย “เพราะสถานที่แห่งนี้คือโลกของเหล่าทวยเทพ มีอำนาจเทวะคอยปกป้องอยู่ ดังนั้นเกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online ย่อมไม่สามารถแทรกซึมเข้ามาได้ มันจึงทำได้เพียงส่งผีแห่งความอลหม่านเข้ามา แล้วให้ผีแห่งความอลหม่านแตกตัว เพื่ออัญเชิญสัตว์ประหลาดผีเข้ามาในโลก”

 

“สัตว์ประหลาดผีมากมายเริ่มตรวจสอบโลกใบนี้ และไม่ช้า พวกมันก็สัมผัสถึงวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้ที่ยังรอดชีวิตได้อย่างรวดเร็ว และทำการแจ้งข่าวให้แก่ระบบของราชามารทันที”

 

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ อีเลียก็หยุดคิด ก่อนจะเริ่มเอ่ยปากอีกครั้ง “วัตถุศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่ยังรอดชีวิต กล่าวกันว่าเป็นสมบัติที่เหล่าทวยเทพในยุคโบราณอันไกลโพ้นทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง และข้าคิดว่าระบบราชามารต้องการมัน”

 

“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้น?”

 

“เพราะสัตว์ประหลาดผีได้เสนอผลประโยชน์อันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เพื่อที่จะได้แลกเปลี่ยนกับวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่ยังรอดชีวิต”

 

“แต่หลังจากที่ผู้รอดชีวิตของเหล่าทวยเทพปฏิเสธที่จะแลกเปลี่ยนวัตถุศักดิ์สิทธิ์กับพวกมัน ระบบของราชามารก็เริ่มเปิดฉากสงครามทำลายล้างทันที”

 

“โลกทั้งใบค่อยๆถูกทำลายลงโดยสัตว์ประหลาดผี เหลือเพียงเมืองไห่เช่าที่ข้าอยู่เท่านั้น ที่ยังสามารถต้านทานพวกมันได้ เพราะข้าได้นำสมบัติออกมามากมายเพื่อช่วยเหลือสายพันธุ์เทพในการต่อสู้ สุดท้ายจึงรอดมาถึงตอนนี้”

 

“แล้วระหว่างสายพันธุ์เทพกับเหล่าผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ(เฉาฟ่าน)แตกต่างกันอย่างไร?”

 

“ย่อมแน่นอนว่าต่าง ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพคือลูกหลานของเทพ พวกเขาสามารถศึกษาสกิลเทวะได้ ขณะที่สายพันธุ์เทพถูกรังสรรค์ขึ้นโดยเทพ เป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง”

 

“เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นแบบนี้” กู่ฉิงซานกล่าวทันที

 

ถ้าเป็นอย่างที่พูดมา หลายๆอย่างก็จะสมเหตุสมผล

 

คำถามเดียวในตอนนี้ก็คือ ต้องสืบหาข้อมูลว่าต้นกำเนิดจะมอบหมายให้เหล่าสัตว์ประหลาดผีทำอะไรต่อไป

 

กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กลับเห็นแค่เพียงอีเลียยกชุดเกราะขึ้นมาวาง โดยที่ไม่ทันเห็นว่าเธอหยิบมันมาจากที่ไหน

 

มันคือเกราะรบสีเขียว ประกอบไปด้วยเกราะอก เกราะไหล่ เกราะแขน เกราะมือ เข็มขัด เกราะเข่า เกราะเท้า และเกราะหมวก ซึ่งเป็นของใหม่เอี่ยม แต่ละส่วนประกอบกันอย่างเรียบร้อยอยู่ในรูปทรงของมนุษย์

 

แม้ตัวเกราะเปล่งประกายสีเขียวจางๆ แต่ก็ยังดูสะดุดตา

 

อีเลียค่อยๆวางเกราะรบทั้งชุดลงเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน

 

“เจ้าจงเอามันไปสวมใส่เสีย เพราะต่อจากนี้ไป การต่อสู้คงจะรุนแรงยิ่งขึ้น และอันตรายมากขึ้น แต่ข้ากลับไม่เห็นว่าบนตัวเจ้าสวมใส่เกราะใดอยู่เลย แม้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกดาบที่ห้าวหาญ แต่สะเพร่าแบบนี้มันไม่สมควรเลยนะ”

 

กู่ฉิงซานมองไปที่เกราะรบเบื้องหน้า ในหัวใจเริ่มเกิดความนึกคิด

 

วิหคหนามอาศัยอยู่ในดินแดนอัศจรรย์ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด และในตลอดทั้งโลก 900 ล้านชั้นต่างก็รู้ถึงเรื่องนี้ดี

 

หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็คงจะไม่มีคนจำนวนมากรีบร้อนที่จะมาเข้าร่วมการเรียกขานของวิหคหนาม ของแสงแห่งรุ่งอรุณทริสเต้กันขนาดนี้หรอก

 

นอกจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหมันต์ยามค่ำหรือแสงเแห่งรุ่งอรุณก็ล้วนเป็นตัวตนอันทรงเกียรติในบรรดาวิหคหนาม ดังนั้นสิ่งของที่นายพลอีเลียให้เขามา ย่อมแน่นอนว่าต้องเป็นของดี

 

เพียงตั้งวางไว้อยู่เฉยๆ ก็สัมผัสได้ถึงความองอาจ สง่างามอย่างมิอาจหาเกราะใดเทียมเทียบได้

 

และอย่าลืมนะว่าเกราะรบนายพลชั้นโหยวจีของกู่ฉิงซานได้ถูกทำลายลงไปแล้วด้วยอำนาจเทวะของภูเขาน้ำแข็ง 

 

แต่ชุดเกราะรบในปัจจุบันนี้ หากเทียบเปรียบกับชุดเกราะนายพลชั้นโหยวจีอันเดิมของกู่ฉิงซานแล้ว บอกได้เลยว่ามันทรงประสิทธิภาพยิ่งกว่าอย่างเทียบไม่ติด

 

ในทุกๆสงคราม ผู้ฝึกดาบจะเป็นกำลังรบหลักในการเผชิญกับศัตรูในแนวหน้าอยู่เสมอ หากต้องสู้โดยไม่มีชุดเกราะป้องกัน ผู้ฝึกดาบต้องเกิดความกังวลใจอย่างแน่นอน และย่อมไม่สามารถปลดเปลื้อง สำแดงอำนาจการทำลายล้างที่ตนมีให้ออกมาถึงขีดสุดได้

 

กู่ฉิงซานเองก็เป็นผู้ฝึกดาบ ที่ ณ ตอนนี้แม้แต่ชุดเกราะที่ใช้ในการปกป้องร่างกายก็ไม่มี บอกตามตรงว่ามันค่อนข้างรู้สึกน่าอายเล็กน้อย

 

“ขอบคุณ ผมจะรับเอาไว้”

 

ในที่สุด กู่ฉิงซานก็ประสานกำปั้น รับน้ำใจของอีกฝ่าย

 

“ไม่เป็นไรหรอก เอาล่ะ ที่เจ้าต้องทำก็แค่แตะลงบนเกราะนี้ แล้วรับรู้ถึงมันด้วยหัวใจของเจ้า จากนั้นเจ้าก็จะสามารถสวมใส่มันได้” อีเลียกล่าว

 

กู่ฉิงซานสูดลมหายใจลึก และยื่นมือออกไปสัมผัสกับเกราะรบ

 

เมื่อมือของเขาสัมผัสกับเกราะมรกต บนหน้าต่างเทพสงครามก็ผุดตัวอักษรขนาดเล็กเด้งเตือนขึ้นมาทันที

 

“ชื่อไอเท็ม : เกราะรบนายพลหนาม”

 

“คุณภาพ : มหากาพย์”

 

“วิชายุทธเทพสงคราม : นี่คือเกราะรบแบบใหม่ของนายพลหนาม ไม่มีสกิลใดที่สามารถใช้เรียนรู้ได้”

 

“พงศาวดารวันสิ้นโลก : เกราะรบแบบใหม่ของนายพลหนาม ไม่มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ใดๆที่สอดคล้องกับมัน”

 

กู่ฉิงซานสัมผัสลงบนชุดเกราะ เขารู้สึกได้ถึงความเย็นและความแข็งของโลหะจากผิวของมัน

 

ใช่แล้วล่ะ! หากผู้ฝึกดาบได้สวมใส่ชุดเกราะลงบนร่างกาย ยามเมื่อก้าวลงสู่สนามรบ เขาจะเปรียบดั่งเสือติดปีก!

 

เขาเปิดจิตใจ และเริ่มทำการสื่อสารกับเกราะรบ

 

เพล้ง!

 

ด้วยการร้องขอจากในจิตใจของเขา เกราะรบทั้งชุดก็แตกเป็นส่วนโดยตรง แต่ละชิ้นเริ่มว่ายวนรอบตัวเขา

 

เมื่อเห็นว่าชิ้นส่วนของเกราะรบพอดีกับตัวเขา-

 

โดยไม่ทันได้คาดคิด ชิ้นส่วนเกราะรบเหล่านี้กลับส่งหึ่งๆเสียงสั้นๆออกมา และบินเข้ามาประกอบรวมเข้าด้วยกันอีกครั้งทันที

 

แต่ละชิ้นส่วนประกบติดเป็นชุดเกราะรบดังเดิมอีกครา และร่วงหล่นลงกับพื้น

 

-ชุดเกราะรบนายพลหนามได้ปฏิเสธกู่ฉิงซาน!

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

 

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

 

อีเลียเองเมื่อพบเจอกับเหตุการณ์ตรงหน้า สีหน้าของเธอก็เผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเช่นกัน

 

“แปลกจริง เกราะรบนายพลของข้าเป็นเกราะชั้นมหากาพย์ ที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับเผ่าพันธ์ที่สวมใส่ได้ แต่เหตุใดมันจึงปฏิเสธเจ้า? เดี๋ยวก่อนนะ … บนตัวเจ้าใช่มีเกราะรบที่มองไม่เห็นอยู่แล้วใช่หรือไม่?”

 

กู่ฉิงซานตบหน้าผากตัวเองและกล่าว “จริงด้วยสิ ผมต้องขอโทษจริงๆ ลืมไปซะสนิทเลย อันที่จริง ลอร่าได้มอบชุดเกราะรบให้ผมมาแล้วน่ะ”

 

อีเลียกวาดสายตามองเขาขึ้นๆลงๆและเอ่ยถาม “ไหนเล่าเกราะรบ?”

 

“มันอยู่บนตัวผมนี่แหละ เพียงแต่มันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนก็เท่านั้นเอง”

 

“นี่มันแปลกมาก หรือว่ามันจะเป็นเกราะที่มีชีวิต? – ว่าแต่ลอร่าได้บอกเจ้าไหมว่ามันคือเกราะชนิดใด?”

 

“เธอบอกว่ามันคือเกราะที่ตัวเธอเองได้นำมาจากก้นบึ้งแห่งความสับสนวุ่นวายของโลกที่แตกสลาย”

 

“นั่นมันเป็นไปไม่ได้!” อีเลียสูญเสียเสียงของเธอ

 

“ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้?”

 

“เพราะสถานที่แห่งนั้น มีเพียงราชวงศ์วิหคหนามที่สามารถปลุก ‘ลี้ภัยแห่งหมื่นโลกา’ ให้ตื่นขึ้นมาได้เท่านั้นจึงจะสามารถไปได้ และในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรหนาม ในครั้งอดีตมีกษัตริย์เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่สามารถทำได้”

 

“อ่า ลอร่าเองก็ดูเหมือนว่าจะสามารถปลุกพลังที่ว่านั่นให้ตื่นขึ้นมาได้ด้วยเหมือนกันนะ”

 

อีเลียกล่าวเฉียบขาด “ไม่ใช่ ถึงเธอจะมีความสามารถนี้ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องปลุกมันให้ตื่นขึ้นโดยสมบูรณ์เสียก่อนในพิธีฉลองตนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่กับรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ แต่เธอยังไม่ได้เข้าร่วมพิธีที่ว่านั่นเลย”

 

หากอ้างอิงตามที่กล่าวมา นั่นหมายความว่าลอร่ายังไม่เคยได้เข้าไปในโลกที่แตกสลาย

 

ถ้าอย่างนั้น แล้วชุดเกราะที่อยู่บนร่างกายเขาเล่า มันมาจากที่ใดกัน?

 

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?

 

กู่ฉิงซานมองไปยังหน้าต่างเทพสงคราม

 

“ระบบ ช่วยแสดงรายละเอียดของชุดเกราะให้ฉันหน่อยสิ” เขากล่าว

 

บรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นบนจอทันที

 

“?????”

 

“????? เตรียมการพร้อมแล้ว และกำลังรอที่จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา”

 

“นี่คือของโบราณที่หายสาบสูญไปยังก้นบึ้งแห่งความสับสนวุ่นวายของโลกที่แตกสลาย ทุกสิ่งมีชีวิตแทบจะไม่สามารถเข้าไปถึงที่นั่นได้ – เว้นไว้แต่เพียงวิหคหนามไม่กี่ตนเท่านั้น”

 

“สำหรับ ‘?????’ ระบบไม่สามารถทราบข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงของมันได้ ฉะนั้นโปรดเฝ้ารออย่างอดทนให้มันเผยโฉมขึ้นมาเอง”

 

น่าแปลกจัง ระบบเทพสงครามไม่ควรที่จะผิดพลาดสิ

 

เจ้าสิ่งนี้น่ะเป็นเกราะรบที่มาจากก้นบึ้งแห่งความสับสนวุ่นวายของโลกที่แตกสลายอย่างแน่นอน

 

แต่ลอร่ากลับไม่สามารถไปที่นั่นได้อย่างชัดเจน

 

ตกลงแล้วมันหมายความว่ายังไงกันแน่เนี่ย?

 

กู่ฉิงซานสับสน

 

เขาลองถามระบบอย่างลับๆ “ระบบ ไอ้พวกเครื่องหมายคำถามเยอะๆนี่มันคืออะไรกัน?”

 

“ก็เกราะรบไง” ระบบตอบกลับ

 

“แต่ฉันไม่รู้สึก .. แบบว่าสัมผัสอะไรถึงมันไม่ได้เลยนะ คุณมั่นใจหรอ?”

 

“ก็มันยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ตอนนี้เลยยังไม่ทำงาน”

 

“งั้นพอจะบอกวิธีปลุกมันให้หน่อยจะได้ไหม?”

 

“จำเป็นต้องตอบสนองต่อเงื่อนไขบางประการของมัน และสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่ว่านั่น ระบบเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

 

กู่ฉิงซานยอมแพ้

 

ขณะเดียวกัน อีเลียก็ได้ลองคิดเกี่ยวกับมัน แต่ก็ไม่อาจหาเบาะแสเจอได้

 

เพราะในราชวงศ์หนามมีสมบัติดีๆอยู่มากมาย เก็บไว้จนล้นเป็นทะเลภูเขา ดังนั้นเธอเลยไม่รู้เหมือนกันว่าที่ลอร่านำออกมามันคือสิ่งใด

 

แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ยืนยันได้ในปัจจุบันนี้ก็คือ กู่ฉิงซานไม่สามารถสวมใส่เกราะป้องกันใดๆได้

 

อีเลียกล่าวขออภัย “ลอร่ายังเด็กนัก บางทีเธออาจจะนำชุดเกราะแปลกๆออกมา แล้วจงใจกล่าวเล่นๆว่ามันมาจากก้นบึ้งแห่งความสับสนวุ่นวายของโลกที่แตกสลายก็ได้ เธอไม่ได้ต้องการที่จะหลอกลวงเจ้าหรอก หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาเธอนะ”

 

กู่ฉิงซานกล่าวทันที “ผมไม่เก็บมาใส่ใจหรอก แล้วอีกอย่าง ไม่ว่ามันจะเป็นชุดเกราะอะไร แต่เธอก็มอบมันให้ด้วยหัวใจ”

 

-แต่เรื่องนี้มันก็น่าสงสัยจริงๆ เอาไว้กลับไปค่อยถามจากปากลอร่าก็แล้วกัน

 

เมื่ออีเลียเห็นทัศนคติเช่นนี้ของเขา เธอก็รู้สึกพึงพอใจ

 

ด้วยอุปนิสัยของคนผู้นี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดลอร่าจึงสนิทสนมกับเขา

 

อีเลียกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เริ่มตรวจสอบกันได้แล้วดีกว่า ว่าพวกสัตว์ประหลาดผีมันกำลังทำอะไรกันอยู่”

 

“รับทราบ”

 

ว่าจบ ทั้งสองก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

 

ในส่วนท้ายของพื้นที่ราบลุ่ม เป็นป่าทึบขนาดใหญ่

 

ในช่วงเช้า กู่ฉิงซานได้นำลอร่ากับเหลาเจียวออกมาจากผืนป่าแห่งนี้ ตรงเข้ามายังที่ราบลุ่ม

 

แต่ตอนนี้ กองทัพผีกลับหนีเข้าไปในป่าที่พวกเขาเคยออกมา

 

กองทัพผีล่าถอยไปอย่างอลหม่าน จึงปกปิดร่อยการเดินทางได้ไม่ดีนัก นอกจากนี้ อีเลียกับกู่ฉิงซานยังเป็นทหารผ่านศึกที่ฝ่าสงครามานับไม่ถ้วน ดังนั้นการค้นหาร่องรอยย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

 

ทั้งสองคนร่วมแรงกัน และไม่นานก็ค้นพบถึงร่องรอยของของกองทัพผีอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งสองวิ่งไปตามทาง และในที่สุดก็มาถึงหุบเขา

 

เบาะแสทั้งหมด ชี้มายังหุบเขาอันมืดมิดแห่งนี้

 

ทั้งสองมองหน้ากันและกัน ก่อนจะเริ่มร่อนลงไปยังใต้หุบเขาอย่างเงียบๆ

 

ยิ่งระยะทางลึกลงไปเท่าใด ในหัวใจของกู่ฉิงซานก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น

 

เพราะมันไม่มียามคุ้มกันอยู่ใกล้กับหุบเขา และไม่มีเศษเสี้ยวความผันผวนของเทคนิคมนตราอยู่เลย

 

หรือว่าพวกสัตว์ประหลาดผี มันสะเพร่างั้นหรือ?

 

กู่ฉิงซานปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะของเขาออกมา และกวาดลงเบื้องล่างหุบเขาอย่างระมัดระวัง

 

“อะไรกัน นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” เขาบ่นพึมพำ

 

“ใช่ มันมีบางอย่างผิดปกติ … ” อีเลียกล่าว

 

ขณะนี้ ทั้งสองได้ค้นพบว่าหุบเขาแท้จริงแล้วว่างเปล่า

 

แม้ตามหุบเขา จะพบกับร่องรอยจำนวนมากที่ถูกทิ้งไว้โดยเหล่าสัตว์ประหลาดผีก็ตามที

 

แต่สัตว์ประหลาดผีทั้งหมดกลับหายไป

 

จู่ๆร่องรอยของกองทัพผีหลายร้อยหลายพันก็หายไปในอากาศที่ว่างเปล่า ไม่หลงเหลือสิ่งใดอยู่เลย ..