Ep.581 – เบาะแส

 

กลางดึก

 

ภายในหุบเขาฟุ้งไปด้วยหมอกหนา และความเงียบ

 

กู่ฉิงซานกับอีเลียยืนอยู่ภายในหุบเขาที่ว่างเปล่า ทั้งสองกวาดสายตามองไปรอบๆด้วยความสับสน

 

พวกเขาได้ไล่ตามร่องรอยการถอยทัพของสัตว์ประหลาดผี จนในที่สุดก็มาถึงหุบเขาแห่งนี้

 

แต่พอมาถึง มันกลับไม่มีสัตว์ประหลาดผีอยู่ที่นี่เลย

 

“กองทัพ 100000 จู่ๆก็หายตัวไปในอากาศซะเฉยๆ นี่มันเป็นไปไม่ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“ข้าเองก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะอย่างไรเสีย สถานที่แห่งนี้ก็ยังเป็นโลกที่เหล่าทวยเทพหลงเหลือเอาไว้ แม้แต่สัตว์ประหลาดผีก็จักต้องปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของอำนาจเทวะ ถึงแม้พวกผีแห่งความอลหม่านจะสามารถแทรกซึมอำนาจเทวะมาได้ก็ตาม แต่พวกมันก็ยังต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานของโลก ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปรากฏ หรือหายไปในอากาศบางเบาซะเฉยๆ” อีเลียกล่าว

 

ทั้งสองเกือบจะพลิกทั้งใต้หุบเขา ทำการค้นหาอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ค้นพบเบาะแสเพิ่มเติมอยู่ดี

 

อีเลียเริ่มขมวดคิ้ว “ข้าชักจะรู้สึกไม่ดีแล้ว”

 

“ผมก็เหมือนกัน”

 

กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ และทำการค้นหาทุกตารางนิ้วอย่างพิพีพิถันในหุบเขา

 

หลังจากที่ ตรวจสอบไม่เว้นกระทั่งก้อนหินหรือดินโคลนแล้ว กู่ฉิงซานก็ยังไม่พบสิ่งใดเลย

 

อีเลีย “ดูเหมือนว่าคงจำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษบางอย่างแล้ว”

 

ว่าจบ เธอก็หยิบกระจกแกะสลักสีบอร์นที่มีขนาดความสูงเท่ากับตัวเธอออกมา

 

เธอวางกระจกลงบนพื้นแล้วกล่าวด้วยด้วยสีหน้าจริงจัง “กระจกมนตราเอ๋ย โปรดบอกข้าเถิด ในระหว่าง 200 ลมหายใจที่ผ่านมานี้ มีเสียงใดเกิดขึ้นที่นี่บ้าง?”

 

แต่บนตัวกระจก กลับยังคงเงียบ

 

คิ้วของอีเลียย่นเข้าหากัน ปากเอ่ยสิ่งที่คิดในใจออกมาดังๆ “หรือว่าจะยังไม่พอนะ … ”

 

เธอลองคิดเกี่ยวกับมันและเอ่ยถามอีกครั้งว่า “กระจกมนตราเอ๋ย โปรดบอกข้าเถิด ในระหว่าง 1000 ลมหายใจที่ผ่านมานี้ มีเสียงใดเกิดขึ้นที่นี่บ้าง?”

 

ในตัวกระจก ปรากฏเสียงทุ้มต่ำดังขึ้น “การตรวจสอบเสียงที่พึ่งผ่านพ้นไปในระหว่างช่วง 1000 ลมหายใจ คุณจำเป็นต้องจ่ายพลังเหนือธรรมชาติเป็นจำนวน 1735 หน่วย”

 

พลังเหนือธรรมชาติ?

 

ในหัวใจของกู่ฉิงซานขยับไหว เขาหันไปมองอีเลีย

 

และพบว่าอีเลียดูค่อนข้างจะอึดอัดใจเล็กน้อย

 

บาดแผลของเธอยังไม่หายดี ดังนั้นจึงจำต้องประหยัดพลังเหนือธรรมชาติที่ตนมีเอาไว้ ซึ่งกับอีแค่การค้นหาข่าวสารเพียงอย่างเดียว เธอเกรงว่ามันจะไม่คุ้มค่า

 

แน่นอน หากสามารถค้นพบข้อมูลที่สำคัญได้ มันก็นับว่าโชคดีไป

 

แต่ในกรณีที่ไม่ได้รับข้อมูลสำคัญใดๆเลย นี่จะนับว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่

 

ขณะที่เธอกำลังลังเล เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่เดินเข้ามาและเอ่ยถามว่า “คุณต้องการพลังเหนือธรรมชาติ 1735 หน่วยใช่ไหม”

 

“ใช่ มันจำเป็นต้องใช้พลังหเนือธรรมชาติ 1735 หน่วย จึงจะสามารถเริ่มต้นค้นหาเสียงในอดีตได้” กระจกมนตรากล่าว

 

“งั้นเอาของฉันไป”

 

กู่ฉิงซานวางมือลงบนกระจกมนตรา

 

แต่อีเลียกลับปัดมือของเขาออกทันที เธอเร่งเตือน “ไม่ได้นะ พลังเหนือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทุกตนน่ะมีจำกัด ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ ขีดจำกัดของมันย่อมไม่มีทางถึง 1735 หน่วยอย่างแน่นอน หากเจ้าดึงดันจะทำ เจ้าจะต้องตาย”

 

“ไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าเป็นเรื่องพลังเหนือธรรมชาติแล้วล่ะก็ ผมค่อนข้างที่จะมีมีพรสวรรค์ในการจัดการกับมันน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

 

อีเลียช็อคไป

 

มีพรสวรรค์ในการจัดการกับมัน?

 

มีคนแบบนี้อยู่จริงๆงั้นหรือ?

 

เห็นแค่เพียงกู่ฉิงซานที่วางมือของเขาลงบนกระจกมนตราอีกครั้ง

 

กระจกมนตราเอ่ยถาม “คุณแน่ใจจริงๆหรือที่จะจ่าย 1735 พลังเหนือธรรมชาติ? ถ้าคุณตาย อย่ามาตำหนิฉันก็แล้วกัน”

 

“ฉันแน่ใจ”

 

พร้อมกันกับเสียงของกู่ฉิงซาน บนหน้าต่างเทพสงคราม แต้มพลังวิญญาณของเขาก็เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงทันที

 

“คุณถูกหักแต้มพลังวิญญาณ 1735 แต้ม”

 

“แต้มพลังวิญญาณส่วนเกินในปัจจุบันของคุณคือ : 510000/400”

 

กู่ฉิงซานเหลือบมองมันและพยักหน้าเล็กน้อย

 

หลังจากที่หักเศษเล็กเศษน้อยของแต้มพลังวิญญาณแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก

 

ไม่เสียแรงเลย ที่เขาทุ่มเทไปมากมายในการกำจัดกองทัพสัตว์ประหลาดผี

 

เมื่อกระจกมนตราได้รับแต้มพลังวิญญาณเพียงพอ มันก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นมาทันที

 

กู่ฉิงซานกับอีเลียที่ยืนอยู่หน้ากระจก ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง

 

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกระจกเงา แต่แท้จริงแล้วดันสามารถได้ยินแค่เสียงเท่านั้น …

 

กู่ฉิงซานสงสัย “มันเป็นกระจกแท้ๆ แต่ทำไมถึงมีแค่เสียง แต่ไม่มีภาพล่ะ?”

 

“กระจกมนตราที่สามารถตรวจสอบเสียงย้อนหลังได้ นี่นับว่าเป็นไอเท็มที่ดีมากแล้ว หากเจ้าต้องการที่จะย้อนดูภาพในอดีต กระบวนการของมันจะยากเย็นยิ่งกว่านี้หลายเท่า โดยทั่วไปแล้ว สมบัติที่สามารถทำเช่นนั้นได้ มันไม่ค่อยปรากฏขึ้นมาสักเท่าไหร่หรอกนะ ในโลกปัจจุบัน” อีเลียอธิบาย

 

กู่ฉิงซานพยักหน้าเข้าใจ

 

อย่างไรก็ตาม คำพูดของอีเลีย มันกลับทำให้เขาย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาที่ตนได้พบกับนางเซียนไป่ฮั่วเป็นครั้งแรก

 

‘ค้นวิญญาณจากความว่างเปล่า’

 

โดยอาศัยแค่เพียงบัตรประจำตัวทหารของกู่ฉิงซานเป็นสื่อกลาง นางเซียนไป่ฮั่วก็สามารถย้อนมองกระบวนการต่อสู้ทั้งหมดของกู่ฉิงซานในครั้งอดีตได้เลยโดยตรง

 

แม้กระทั่งรอบกายทุกคนในภาพที่ฉายออกมา ก็ยังสามารถเห็นได้ถึงหมอกจางๆลอยเวียนวน บ่งบอกชัดเจนว่ายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว

 

… กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงความคิด

 

กระทั่งสมบัติในโลกนับ 900 ล้านชั้น หรือสมบัติจากในดินแดนอัศจรรย์ ก็ยังไม่โดดเด่นเท่ากับสกิลเทวะของท่านอาจารย์อย่างงั้นหรือ?

 

พอได้ลองมองย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าสกิลเทวะแต่ละอย่างของท่านอาจารย์ จะไม่มีสกิลใดที่ไม่ร้ายกาจเลย

 

กู่ฉิงซานเพียงแค่คิด ก็ดันได้ยินถึงเสียงจากกระจกมนตราดังขึ้นเสียก่อน

 

เขาเร่งสงบใจอย่างรวดเร็ว และตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง

 

ในตอนแรก บนกระจกเต็มไปด้วยเสียงฝีเท้านับไม่ถ้วน ผสมปนเปไปกับเสียงกระแทกของพื้นดิน และเสียงกรีดร้องโหยหวนที่แลดูกระสับกระส่าย

 

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงจำนวนมากก็สงบลง แต่ก็ยังมีเสียงของสัตว์ประหลาดผีตะโกนขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว

 

ในช่วงท้ายๆ เสียงที่ฟังดูยิ่งใหญ่ก็ดังลอดผ่านกระจกออกมา

 

“ทหารทั้งหมด เริ่มถอนตัวได้”

 

หลังจากเสียงนี้ดังขึ้นแล้ว ก็แทบจะไม่มีเสียงใดๆดังเพิ่มเติมออกมาอีกเลย

 

ทั้งสองมองหน้ากันและกันอย่างไม่อยากจะเชื่อ และยังคงเฝ้ารอต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม บนกระจกกลับไม่มีเสียงอะไรอีกแล้ว

 

เฝ้ารออยู่เนิ่นนานจนกระทั่งกู่ฉิงซานกับอีเลียกำลังจะยอมแพ้ จู่ๆก็ปรากฏถึงเสียงที่ไม่เคยได้ยินขึ้นมาก่อนจากในกระจกมนตรา

 

มันเป็นเสียงของมนุษย์ผู้หญิงที่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

 

ท่ามกลางหุบเขาอันเงียบเชียบ เสียงดังกล่าวนี้ทำให้กู่ฉิงซานกับอีเลียอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ

 

เห็นได้ชัดว่าตรงจุดนี้เป็นสถานที่ๆสัตว์ประหลาดผีได้มารวมตัวกัน แล้วมันจะไปมีเสียงของผู้หญิงได้อย่างไร?

 

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงพูดที่คล้ายกับการร้องบรรเลงเพลงก็ดังกังวานขึ้นท่ามกลางหุบเขาอันมืดมิด

 

“ฝ่าฟันหนทางแสนยาวไกลจนมาถึงที่นี่ ตัวข้าคล้ายดั่งตกอยู่ในห้วงฝัน ไม่ทันจะคาดคิดเลย ว่าจักต้องจากบ้านมาเยือนต่างแดนอย่างกระทันหัน .. ”

 

แล้วเสียงบรรเลงก็ค่อยๆหายไป

 

เมื่อถึงจุดนี้ ทุกเสียงจากในกระจกก็เงียบลง

 

“นี่มันภาษาของมนุษย์” อีเลียสรุป

 

“ไม่น่าจะเป็นมนุษย์ เพราะผู้เข้าสู่วิถีมารน่ะไม่สามารถเข้ามายังโลกใบนี้ได้” กู่ฉิงซานคัดค้าน

 

“เช่นนั้น แล้วเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากกระจกมนตราเล่า เจ้าจะอธิบายอย่างไร?” อีเลียเอ่ยถาม

 

กู่ฉิงซานสูญสิ้นคำจะเถียง

 

อาศัยแค่บทบรรเลงเพียงไม่กี่ประโยคสั้นๆ แล้วเขาจะไปตัดสินถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างไร?

 

“แบบนี้ไม่ดีแน่ ข้อมูลมันยังมีไม่เพียงพอ” เขาพึมพำ

 

อีเลียย่อตัววางมือลงบนพื้นดินและเริ่มร่ายคาถา “พระแม่ธรณีเอ๋ย ภายใต้การปกปักษ์จากท่าน โปรดให้ข้าได้เป็นสักขีพยานของสายลมแห่งขุนเขา และสายฝนแห่งท้องฟ้าด้วยเถิด!”

 

เมื่อคาถามนตราจบลง หุบเขาทั้งลูกก็เริ่มสั่นสะเทือน

 

ในช่วงเวลาสั้นๆ ยอดเขาสีเขียวก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

 

ยอดเขาตระหง่านถูกสร้างขึ้นกลางอากาศ เชื่อมต่อระหว่างชั้นฟ้าและผืนดิน

 

ขณะนี้ สถานที่ๆกู่ฉิงซานกับอีเลียยืนอยู่ คือจุดสูงสุดของยอดเขาแสนอันตราย

 

“ไม่มีกับดักอื่นๆอยู่ภายในระยะ 3 กิโลเมตรจากพื้นดิน สิ่งปลูกสร้างใดๆก็ไม่มี มันโล่งไปหมดเลย”

 

อีเลียถอนหายใจ

 

กู่ฉิงซานหยิบดิสก์ค่ายกลออกมา แล้วพรมสองมือลงบนมันอย่างรวดเร็ว

 

จัดวางค่ายกลขับไล่วิญญาณร้าย!

 

ปรากฏถึงแสงสวรรค์สีเหลืองสดใส แพร่กระจากทอดยาวลงจากยอดเขา

 

ฉับพลันนั้นเอง เสียงครางด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้น

 

กู่ฉิงซานกับลอร่าเคลื่อนกายในพริบตา และไปปรากฏตัวในสถานที่ๆเสียงครางดังขึ้นทันที

 

เห็นแค่เพียงก้อนหินใหญ่

 

“หินก้อนนี้ เดิมทีมันถูกฝังอยู่ใต้ดิน แต่เพราะด้วยเทคนิคมนตราของข้า ที่เรียกยอดเขาให้ปรากฏขึ้น มันจึงผุดออกมา” อีเลียกล่าวอย่างรวดเร็ว

 

กู่ฉิงซานใช้สันดาบเคาะ

 

ทันใดนั้นหินก็แตกออก ปรากฏถึงเงาดำร่วงตกลงจากหิน ล้มตัวลงดิ้นพล่าน คราญครางอยู่กับพื้น

 

นี่คือมอนสเตอร์ผี ทั้งกายมันสาดกลิ่นอายมืดมิดออกมา ศีรษะใหญ่โตแลดูน่าเกลียดและอำมหิตขณะเดียวกัน

 

เจ้าตัวนี้มัน – ผีร้ายกลืนวิญญาณจากโลกปรภพ!

 

“ดูเหมือนว่ามันจะซ่อนตัวอยู่ใต้หินใหญ่ หากไม่ใช่เพราะค่ายกลของเจ้าที่สร้างความเจ็บปวดให้แก่มัน มันคงไม่มีทางเปล่งเสียงออกมา”

 

กู่ฉิงซานพยักหน้า

 

ในตอนที่เขาเข้ามายังโลกใบนี้ มันคือผีตนแรกๆที่เขาพบ

 

ในเวลานั้น ผีตนนี้สิงอยู่ในตัวศพ และกู่ฉิงซานได้ใช้พลังสายฟ้าของเขาล้อมรอบตัวมันไว้

 

“มันเป็นผีจากปรภพ อยากให้ข้าใช้คมกล้าในการสื่อสารกับมันหรือไม่?” ดาบพิภพอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอย่างเงียบๆ

 

“รอก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว

 

เขาก้าวออกไป และนั่งลงเบื้องหน้าผีร้าย เพ่งตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง

 

เห็นแค่เพียงตามแขนขาของสัตว์ประหลาผีที่บาดเจ็บสาหัส มันใกล้จะตายอยู่รอมร่อแล้ว

 

เมื่อมองไปยังบาดแผลเหล่านั้นดีๆ จะพบว่ามันเกิดขึ้นจากดาบสายลม 

 

ไม่คาดคิดเลยว่าจะมีตัวที่โชคดีถูกดาบสายลมไปถึงขนาดนี้ แล้วยังสามารถรอดชีวิตมาได้อยู่อีก

 

“แสงของเจ้า เจ็บปวดเหลือเกิน … ได้โปรดเก็บแสงไปด้วย ..” ผีร้ายกลืนวิญญาณคร่ำครวญ

 

กู่ฉิงซานรู้สึกว่ามันกำลังจะตาย เขาจึงเก็บปิดค่ายกลเสีย

 

ผีร้ายกลืนวิญญาณจึงค่อยหยุดส่งเสียงครวญคราง มีช่วงเวลาให้อ้าปากสูดลมหายใจ

 

แต่ดาบยาวก็จี้ลงบนหน้าผากมันทันที

 

แสงสายฟ้าสาดเสียงเปรี๊ยะๆเบาๆ เจตนาฆ่าเด่นจัดออกมาจากคมดาบ

 

“จงบอกพวกเรามา ทำไมแกถึงมานั่งอยู่ที่นี่ตนเดียว?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม เขาจี้ดาบพิภพใส่ผีร้ายกลืนวิญญาณ

 

ด้วยพลังของสายฟ้า ส่งผลให้ผีร้ายกลืนวิญญาณรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็ยังเผยรอยยิ้มที่น่าหวาดหวั่นออกมา

 

“ข้าก็แค่ไม่ต้องการที่จะถูกกัดกินโดยสัตว์ประหลาดผีตนอื่นๆ ดังนั้นข้าจึงเลือกที่จะซ่อนตัวที่นี่ แต่ไม่คาดเลยว่าจะถูกค้นพบเช่นนี้”

 

“บอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วฉันสัญญาว่าจะหาวิธีรักษาอาการบาดเจ็บให้” กู่ฉิงซานกล่าว

 

“หึ หึ หึ .. มันสายเกินไปแล้ว” ผีร้ายกลืนวิญญาณส่ายหัว “ทุกอย่างมันจบแล้ว และเจ้าก็จะต้องตาย”

 

ว่าจบ ผีร้ายกลืนวิญญาณก็แปรสภาพเป็นหมอกสีดำ และจางหายไปอย่างช้าๆ

 

มันได้ตกตายลงเสียแล้ว