บทที่ 260 หนอนบ่อนไส้

“ได้! ผู้จัดการหวัง คุณรีบไปแจ้งให้พนักงานทุกคนกลับบ้านกันไปก่อนเดี๋ยวนี้!”

เมื่อถูกกดดันด้วยกฎหมาย อวี้ฮ่าวหรานจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอยก่อน

แน่นอนว่าคราวนี้เขาประมาทศัตรูของเขามากเกินไปจนเสียท่ามากขนาดนี้ และแน่นอนว่าชายหนุ่มพอเดาออกว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

หลังจากนี้ เรื่องที่เร่งด่วนสำหรับเขามากที่สุดก็คือต้องหาหนอนในบริษัทที่สามารถแต่งรายการบัญชีของบริษัทให้เจอโดยเร็ว!

ในขณะเดียวกัน กัวหย่งซินแสดงสีหน้าเบิกบานสุดขีดเมื่อได้ข่าวเกี่ยวกับบริษัทของอวี้ฮ่าวหราน

เขารู้สึกภาคภูมิใจและคิดในใจว่า “เป็นไงล่ะไอ้ลูกหมา! ป่านนี้แกคงตื่นตระหนกจนสั่นเป็นลูกหมาตกน้ำแล้วใช่ไหม! แกทำอะไรไม่ถูกแน่เมื่อเจอกับพวกสรรพากร!”

“ฮ่า! เป็นไงล่ะไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! คิดจะเล่นกับฉันงั้นเหรอ? บริษัทของแกชิบหายแน่!”

หลังจากสะใจอยู่พอประมาณแล้ว กัวหย่งซินจึงยกหูโทรศัพท์ขึ้นและโทรออกเพื่อตอกย้ำชัยชนะของตัวเอง

“ฮัลโหล? เป็นไงบ้างน้องอวี้ของฉัน? ช่วงนี้บริษัทดำเนินงานได้ราบรื่นไหม ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“ตอนนี้แกคงปวดหัวจนสมองแทบจะระเบิดอยู่แล้วใช่ไหม? กล้างัดข้อกับฉันงั้นเหรอ? คราวนี้แกรักษาบริษัทของแกเองไม่ได้แน่โว้ย!”

น้ำเสียงของกัวหย่งซินทั้งเยาะเย้ยและเบิกบาน ราวกับว่าเขาชนะความบาดหมางนี้ได้เรียบร้อยแล้ว

ฮึ่ม! แกมันก็แค่ไอ้เด็กที่ขนเพิ่งจะขึ้น แกคิดว่าจะสามารถสู้กับคนอย่างฉันที่อยู่ในวงการธุรกิจมาเป็นสิบปีได้ยังไง!

ในทางกลับกัน น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานที่ตอบกลับนั้นดันไม่เป็นแบบที่ กัวหย่งซินคาดเอาไว้

“โอ้ นึกไม่ผิดเลยว่าต้องเป็นแก วิธีการของแกนี่ไม่เลวเลย”

น้ำเสียงของอวี้ฮ่าวหรานสงบนิ่งอย่างน่าแปลกประหลาด!

หลังจากตอบกลับ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายของอีกฝ่ายทันที

เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ เป็นฝีมือของกัวหย่งซิน และมีคนในทรยศเขา!

ไม่อย่างนั้นรายการบัญชีของบริษัทไม่มีทางผิดพลาดได้ง่าย ๆ

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานจึงโทรออกไปหาเฉิงกัวอัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายทางรับสาย เสียงที่ดูเป็นกังวลก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อนอย่างรวดเร็ว

“ฉันกำลังจะโทรหานายพอดี! ฉันได้ข่าวมาว่าเครือฮ่าวหรานตอนนี้เพิ่งถูกสั่งปิดชั่วคราวในข้อหาเลี่ยงภาษี เป็นความจริงงั้นเหรอ?”

“เป็นความจริง”

อวี้ฮ่าวหรานตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่

“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่? ฮ่าวหราน ฉันรู้จักนายดี นายไม่ใช่คนที่จะเลี่ยงภาษีแน่นอน มันเกิดอะไรขึ้น!”

เฉิงกัวอันถามกลับด้วยน้ำเสียงกังวล เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่มีนิสัยคดโกง และยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ายบัญชีของเครือฮ่าวหรานก็ไม่ควรพลาดถึงขนาดจ่ายภาษีไม่ครบ!

“ผมถูกจัดฉาก คุณพอจะมีลู่ทางทำให้การตรวจสอบจากภาครัฐช้าลงไหม ผมต้องการเวลาหาหลักฐานมาแก้ต่าง”

อวี้ฮ่าวหรานถามกลับอย่างมีความหวัง

“แน่นอนฉันช่วยได้! นายปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้ได้เลย นายช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ฉันยินดีทุ่มสุดตัวเพื่อนาย!”

เฉิงกัวอันรับปากในทันทีโดยที่ไม่ถามรายละเอียดอะไรเพิ่มเติมเลย ถึงแม้ว่าปัญหากับสรรพากรจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่เขารู้จักกับคนใหญ่คนโตมากมาย ดังนั้นจึงพอจะสามารถทำให้สถานการณ์มันทรงตัวอยู่ได้โดยที่ไม่แย่ลงไปมากกว่าเดิม

“ฮ่าวหราน ถ้าตอนนี้นายไม่รู้จะไปไหน นายมาหาฉันได้ เราจะได้คุยกันว่าจะเอายังไงกันต่อ”

เมื่อได้ยินคำเชิญของเฉิงกัวอัน อวี้ฮ่าวหรานยิ้มเล็กน้อย หากเป็นก่อนหน้านี้ตอนที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ ๆ ชายหนุ่มคงไปหาอีกฝ่ายเพื่อขอคำแนะนำไปแล้ว

แต่ในตอนนี้เขามีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับด้านธุรกิจ และเขารู้อยู่แล้วว่าขั้นต่อไปควรจะทำอะไร ดังนั้นจึงปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

“ตอนนี้ผมคงยังไม่ไปหาคุณ ผมยังมีเรื่องที่ต้องไปสะสาง”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็วางสายในทันที

แน่นอนว่าก้าวต่อไปที่เขาจะทำก็คือหาตัวหนอนที่บ่อนทำลายบริษัทของเขาจากภายใน!

ตั้งแต่ที่ผู้จัดการหวังติดต่อหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่หายตัวไปไม่ได้ เขาก็รู้ว่าเธอและคนอีกคนหนึ่งคือกุญแจหลักของเรื่องบ้า ๆ นี้

แค่หัวหน้าฝ่ายบัญชีคนเดียวไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะอนุมัติรายการบัญชีที่ถูกดัดแปลงนี้ได้ คนอีกคนหนึ่งที่น่าจะร่วมมือด้วยไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่จิงเทียน!

ถึงแม้ว่าหลี่จิงเทียนจะนั่งในตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสและไม่มีอำนาจอะไร แต่ด้วยชื่อของเขาที่เป็นถึง ‘นายน้อยหลี่’ ดังนั้นลายเซ็นของเขาจึงยังคงมีน้ำหนักพอสร้างเป็นหลักฐานต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่สรรพากรเอาผิดได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานจึงโทรออกหาหลี่จิงเทียนทันที

และมันก็เป็นไปตามที่คาดอีกฝ่ายไม่รับสาย!

เห็นได้ชัดว่าหลี่จิงเทียนพยายามหลบหน้าเขา ดังนั้นอีกฝ่ายจะต้องมีเอี่ยวในเรื่องนี้แน่ ๆ!

หลังจากมั่นใจเรื่องนี้อยู่พอสมควร อวี้ฮ่าวหรานจึงโทรออกไปอีกครั้งแต่คราวนี้เขาโทรไปหาหลี่หรงแทน

“หลี่หรง พี่ต้องการรู้ที่อยู่ของหลี่จิงเทียนเดี๋ยวนี้ บอกที่อยู่ของไอ้โง่นั่นที่ไม่ใช่บ้านตระกูลหลักมาให้พี่ที!”

“ห๊ะ?”

หลี่หรงรับสายด้วยความงุนงง แต่เมื่อตั้งสติได้แล้ว เธอก็บอกที่อยู่ของ หลี่จิงเทียน อีกที่หนึ่งที่อยู่ในเมืองให้กับอวี้ฮ่าวหรานรู้โดยไม่ถามอะไรมาก

หลังจากได้ที่อยู่มาจากหลี่หรงเรียบร้อยแล้ว อวี้ฮ่าวหรานจึงขับรถมุ่งหน้าไปที่บ้านอีกหลังของหลี่จิงเทียนทันที!

คราวนี้เขาคงจำเป็นต้องใช้ไม้แข็งเพื่อทำให้ไอ้น้องภรรยาของเขาคนนี้มันเข็ดหลาบ!

อีกด้านหนึ่ง ในคฤหาสน์อีกหลังที่หลี่จิงเทียนมาซ่อนตัว

เขากำลังแอบอยู่ในคฤหาสน์ด้วยอาการตัวสั่นงันงก เขาปิดประตูทุกบานและม่านหน้าต่างทั้งหมดเพื่อแสร้งให้ใครก็ตามที่จะมาหาคิดว่าไม่มีใครอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้!

เมื่อครู่นี้เขาเห็นสายโทรศัพท์ที่พี่เขยของตัวเองโทรเข้ามาเช่นกัน ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่แผนต่าง ๆ มันแดงขึ้นมา ซึ่งมันทำให้เขารู้ทันทีว่า พี่เขยของเขารู้แล้วว่าเขามีเอี่ยว!

แต่แล้วในขณะที่เขากำลังคิดได้ว่าตัวเองเพิ่งสร้างปัญหาร้ายแรงและทำให้ตัวเองซวยขนาดไหน อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงหน้าคฤหาสน์ของเขาซะแล้ว!

“โครม!!”

เสียงถีบประตูเปิดดังลั่นคฤหาสน์ทั้งหลัง ส่งผลให้หลี่จิงเทียนสะดุ้งโหยงจนแทบจะหยุดหายใจ

แน่นอนว่าเขารู้อยู่เต็มอกว่าใครเป็นคนถีบประตู มันจะต้องเป็นพี่เขยอย่างแน่นอน!

หลังจากคิดถึงความเหี้ยมโหดของพี่เขยของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจรีบวิ่งออกไปทางประตูหลังทันทีด้วยสีหน้าซีดเผือด เขาอยากจะหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นเขาคงจะต้องตายแน่ ๆ หากโดนจับได้!