พี่ใหญ่ของอวี๋หมิงหลางมาสร้างหมู่บ้านคอนโดแห่งใหม่ที่เมืองนี้ ถูกจัดอยู่ในประเภทหมู่บ้านที่ใกล้กับโรงเรียนชั้นนำ เดินทางสะดวก ถึงราคาเปิดตัวจะแพงแต่คนก็มารอคิวซื้อยาวเหยียด วันเปิดงานไม่เพียงแต่จะมีการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยังมีการจับฉลากรางวัลและบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลสุดหรู
แม่หม่าขุ่นเคืองใจเลี่ยวฟู่กุ้ย หม่าลุ่ยเองก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนพูดอ้อมไปอ้อมมา ไม่เผยข้อมูลอะไรให้หม่าลุ่ยรู้แม้แต่นิดเดียว แต่กลับทิ้งระเบิดควันให้เขาเข้าใจว่าแฟนของเธอสนิทกับOneมาก เป็นตายก็ไม่ให้เขาได้ใจไปหรอก หึ
เสี่ยวเชี่ยนปั่นหัวหม่าลุ่ย หม่าลุ่ยรู้สึกเหมือนกับว่ามีขาใหญ่เคลือบทองมาลอยอยู่ตรงหน้า แต่พอจะเข้าไปกอดมันก็หายวับไปกับตา…
ระยะทางที่ห่างที่สุดบนโลกนี้ ไม่ใช่การไม่มีขาใหญ่ๆให้เกาะ แต่เป็นขาใหญ่ๆเคลือบทองมาอยู่ตรงหน้า พออยากเข้าไปกอดมันก็หายไป…
ถ้าจะบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนตั้งใจยั่วโมโหหม่าลุ่ย ถ้าอย่างนั้นประโยคที่หลิวเหมยบอกว่าชอบรถจี๊ปก็เป็นการยั่วโมโหแม่หม่าอย่างไม่ตั้งใจ
ด้วยเหตุนี้ตอนที่ไปดูบ้าน หมาลุ่ยเอาแต่คิดเรื่องทำยังไงถึงจะเข้าไปตีสนิทOneได้ ถ้าเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่หน่วยเสินเจี้ยน หลังจากที่ได้เลื่อนตำแหน่งจนร่ำรวยแล้ว ความหวังที่จะย้ายงานไปเป็นซีอีโอขวัญใจสาวๆก็คงอยู่ไม่ไกล
อันที่จริงหลิวเหมยก็ใช่ว่าจะไม่ดี ติดที่ตัวสูงเกินไป ไม่ตามติด ไม่โทรจิก ถ้าเขาไม่โทรหาเธอก็ไม่โทรมา แต่หม่าลุ่ยก็ยังมีความมั่นใจในตัวเอง เขารู้สึกว่าการไม่รุกมากเกินไปเป็นวิธีจีบสาวที่ดีที่สุด อย่างน้อยเขาก็จีบหลิวเหมยติดแล้วไม่ใช่เหรอ
สิ่งที่แม่หม่าคิดในใจก็คือราคารถจี๊ปคันหนึ่งซื้อบ้านได้กี่หลัง เธอกับสามีควรเลือกไว้กี่ที่ดี แล้วจะหาข้ออ้างอะไรเกลี้ยกล่อมหลิวเหมยดี ยิ่งไปกว่านั้นจะใช้ข้ออ้างอะไรที่จะให้หลิวเหมยโอนชื่อเจ้าของบ้านมาเป็นชื่อสามีเธอดี
ตอนที่แม่หม่ามองโมเดลคอนโดก็แอบหันไปมองหม่าลุ่ยบ่อยๆ ลูกชายเดินนำอยู่ข้างหน้าไม่ได้สนใจหลิวเหมยที่ใส่ส้นสูงเดินช้า ฟู่กุ้ยเห็นหลิวเหมยเดินลำบากจึงเดินช้าลงเพื่อจะได้เดินไปกับเธอ แม่หม่าค่อนข้างพอใจท่าทีของลูกชาย
อย่าดีกับเมียจนเกินไป โดยเฉพาะฝ่ายหญิงเป็นคนซื้อบ้านแบบนี้ อย่าเอาอกเอาใจให้มาก ไม่อย่างนั้นจะได้ใจใหญ่ ในสายตาของแม่หม่า ถ้าผู้ชายไม่เป็นใหญ่ในบ้านก็นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิต และถือเป็นความอับอายของวงศ์ตระกูล
ส่วนเสี่ยวเชี่ยนแอบสังเกตทุกคนอย่างเงียบๆ เธอยืนอยู่นอกวงมองด้วยความสนุกสนาน
จิตใจคนเป็นเรื่องที่สนุกจริงๆ คนบางคนใช้มุมมองของตัวเองที่มีต่อโลกคิดว่าโลกควรเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แถมยังคิดด้วยความมั่นใจว่าโลกอยู่ในกำมือตัวเอง
พี่ใหญ่โทรเข้ามา
“เสี่ยวเชี่ยนอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่ล็อบบี้ค่ะพี่ใหญ่”
“ขึ้นมาสิ ข้างล่างคนเยอะ” พี่ใหญ่มีเรื่องอยากปรึกษาเสี่ยวเชี่ยน
“เดี๋ยวค่อยขึ้นไปค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดกับพี่ใหญ่
“มีเรื่องเหรอ”
“อ่อ ดูละครอยู่ค่ะ แฟนในตำนานของหลิวเหมยอยู่ด้วยนะคะ นิสัยเขาช่วยเปิดโลกได้มากเลยค่ะ”
ไม่ถึงห้านาที พี่ใหญ่ที่มากไปด้วยบารมีก็ปรากฏตัวที่ล็อบบี้ ผู้จัดการฝ่ายขายพอเห็นบอสมาก็รีบเข้าไปต้อนรับ พี่ใหญ่ทำมือบอกไม่ต้องพิธีรีตอง จากนั้นก็มองหาเสี่ยวเชี่ยน
พี่ใหญ่ลงมาอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเชี่ยนพนันได้เลยว่าลงมาดูเรื่องสนุก
“ไหนล่ะ” พอเจอเสี่ยวเชี่ยนก็ถามคำถามแรก
เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปข้างหน้า พี่ใหญ่มองไปแล้วก็พยักหน้าอย่างพอใจ
“ใช้ได้นี่ รู้จักถือกระเป๋าให้ด้วย รู้หน้าที่ตัวเองดี ไม่เห็นแย่แบบที่อาบอกเลย”
“พี่ใหญ่ ดูให้ดีๆว่านั่นใคร” เสี่ยวเชี่ยนพูด
ตอนแรกที่พี่ใหญ่มองเห็นข้างกายหลิวเหมยมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตาม ช่วยหลิวเหมยถือกระเป๋าอย่างสุภาพ อีกทั้งยังช่วยหยิบกระบอกน้ำในกระเป๋าออกมาเปิดฝาให้ คนที่ทำแบบนั้นไม่ใช่แฟนหรือไง
แต่พอเสี่ยวเชี่ยนพูดพี่ใหญ่ก็หันไปจ้องใหม่
“นั่นมันฟู่กุ้ยพี่เธอไม่ใช่เหรอ”
เลี่ยวฟู่กุ้ยเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งว่าที่ลูกเขยของแม่อวี๋ ชอบถึงขนาดที่ว่าอยากจับแต่งกับน้องสาวของเขาให้รู้แล้วรู้รอด แต่สองคนนี้กลับไม่สปาร์คกัน กินข้าวกันครั้งเดียวก็กลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว
“ฟู่กุ้ยพี่ชายเธออยู่กับหลิวเหมย งั้นแฟนในตำนานล่ะ” พี่ใหญ่มองยังไงก็รู้สึกเหมือนหลิวเหมยกับฟู่กุ้ยเป็นแฟนกัน ท่าทางของเลี่ยวฟู่กุ้ยดูเอาอกเอาใจมาก
“อยู่นั่น ผู้ชายที่ดูหยิ่งๆคนนั้น”
เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปที่ผู้ชายเย็นชาที่เดินอยู่ข้างหน้า พี่ใหญ่เงียบไปสักพักแล้วถอนหายใจออกมา
“อาพี่คุ้มแล้วแหละที่ยอมเสียรถ สมควรให้เลิกกันจริงๆ”
ผู้ชายที่โยนทิ้งไว้ก็ไม่มีใครเอาแบบนี้ หลิวเหมยชอบเข้าไปได้ยังไง
นอกจากมีความเย่อหยิ่งสูง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่สูงอีก
เอาแค่เรื่องที่สนใจแต่ตัวเอง ไม่สนหลิวเหมย พี่ใหญ่ก็ไม่ชอบใจแล้ว
อย่าว่าแต่ผู้ชายที่มีแต่ศักดิ์ศรีที่ไม่มีค่าอะไรแบบนี้เลย ขนาดเศรษฐีอย่างพี่ใหญ่หรือแม้แต่พลโทอวี๋เวลาไปนอกบ้านยังดูแลภรรยากันอย่างเต็มที่ เกียรติของลูกผู้ชายไม่ได้มาจากการทำตัวข่มผู้หญิง
“เชี่ยนเอ๋อ พี่ฟู่กุ้ยของเธอยังโสดอยู่ใช่หรือเปล่า พี่ว่าเธอควรเปลี่ยนรถได้แล้วนะ” พี่ใหญ่พูดแฝงความนัย เสี่ยวเชี่ยนเองก็ยิ้มแบบมีเลศนัย
ฉลาดด้วยกันทั้งคู่ แค่ช่วงเวลาที่พี่ใหญ่ยืนอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนไม่กี่นาทีนี้ก็มองปัญหาออกได้มากมาย ถึงยังไม่ได้เห็นฤทธิ์เดชของพ่อแม่หม่าลุ่ย แต่ลำพังแค่เห็นหม่าลุ่ยทิ้งแฟนไว้ข้างหลังอย่างไม่แยแส แค่นี้พี่ใหญ่ก็ไม่พอใจมากแล้ว
หม่าลุ่ยดูโมเดลกับพ่อแม่สักพัก ในที่สุดก็คิดได้ว่าหลิวเหมยมาด้วย เขาหันไปเห็นหลิวเหมยอยู่ไกลมากจากเขา กำลังดูโมเดลคอนโดกับฟู่กุ้ย เขาจึงตะโกนเรียกหลิวเหมยอย่างไม่พอใจ สีหน้าบ่งบอกถึงความรำคาญ
โชคดีที่วันนี้เป็นพี่ใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ถ้าเป็นน้องเล็กที่ทนเห็นอะไรแบบนี้ไม่ได้คงเข้าไปถีบแล้ว
ลูกสาวของตระกูลอวี๋ไม่ใช่คนที่ใครจะมารังแกได้ง่ายๆ
หม่าลุ่ยทำสีหน้าไม่พอใจตะโกนเรียกหลิวเหมย ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยนกับพี่ใหญ่ ภาพลักษณ์ติดลบจนไม่รู้จะลบยังไงแล้ว
ดูเหมือนหลิวเหมยอยากไปหา แต่ฟู่กุ้ยที่ยืนข้างเธออยู่ๆไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนดึงแขนเธอเอาไว้ เอาตัวไปบดบังสายตาของหม่าลุ่ย จากนั้นก็ลากหลิวเหมยไปดูโมเดลอื่นต่อ
เสี่ยวเชี่ยนเกือบหัวเราะออกมา พี่ชายเธอนี่นะ ปกติเห็นติ๋มๆ ไม่น่าเชื่อจะกล้าขนาดนี้ ดูท่าเธอไม่ต้องกังวลเรื่องหลิวเหมยแล้ว
“พี่ใหญ่ มีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่เหรอคะ ไปหาที่คุยกันเถอะค่ะ”
“ไม่ดูต่อเหรอ” พี่ใหญ่ถาม
“อย่าดูถูกแรงฮึดสู้ของพี่ชายฉันนะคะ สู้กับคนบ้ายังสบายๆเลย วันๆเขาคลุกคลีอยู่กับผู้ต้องหา เจอคนเป็นโรคประสาทเยอะแยะ คนที่เขาต้องเจอครึ่งหนึ่งเป็นโรคประสาท ส่วนอีกครึ่งเป็นผู้ต้องหาที่แกล้งทำตัวเป็นคนป่วย ถ้าเขาจิตไม่แข็งพอคงเป็นบ้าไปนานแล้ว การที่เขามีชีวิตอยู่มาได้ถึงตอนนี้แถมตรรกะไม่ผิดเพี้ยนก็แสดงให้เห็นแล้วว่าจิตใจของเขาเข้มแข็งขนาดไหน”
“…นี่เธอชมเขาหรือว่ากัดเขากันแน่”
“ชมสิคะ ชมจากใจเลยล่ะ พี่ใหญ่มีเรื่องจะคุยไม่ใช่เหรอคะ ไปเถอะค่ะ”
เดิมเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าพี่ใหญ่จะมอบหมายงานให้เธอวิเคราะห์คู่แข่งแบบที่แล้วๆมา แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้งานที่พี่ใหญ่มอบให้จะไม่ธรรมดา ถึงขนาดที่ว่าในตอนสุดท้ายหัวหน้าของอวี๋หมิงหลางยังถึงกับตะลึง แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวในภายหลัง