ตอนที่ 732 ทุ่มเงินเพื่อสาวงาม

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเชี่ยนออกไปจากตรงนั้นพร้อมพี่ใหญ่ แม่หม่าเห็นเสี่ยวเชี่ยนไปกับผู้ชายที่ดูรวยก็รีบกระซิบเม้าท์กับสามี 

 

 

“ว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นผู้หญิงไม่ดี สองคนนั้นเป็นอะไรกันน่ะ ผู้หญิงอายุน้อยหน้าตาดี มีบ้านมีรถ มันจะไม่พึ่งผู้ชายได้ยังไง แล้วยังจะทำปากดี” 

 

 

หลิวเหมยยืนอยู่ไกลได้ยินไม่ชัดเท่าไร แต่ก็จับคำสำคัญๆได้ รู้สึกได้ว่ากำลังพูดถึงพี่สะใภ้ของเธอ 

 

 

เธออยากจะเข้าไปถามแม่หม่าลุ่ยตรงๆว่าพูดถึงพี่สะใภ้หรือเปล่า ถ้าพูดถึงเสี่ยวเชี่ยนจริงเธอก็คงต้องเถียงกลับ แต่ฟู่กุ้ยกลับดึงเธอเอาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ครอบครัวนั้น 

 

 

“ดูห้องนี่สิเธอว่าเป็นไงบ้าง” ฟู่กุ้ยเอาโบรชัวร์คอนโดให้หลิวเหมย พนักงานรีบเข้ามาอธิบายทันที 

 

 

“สองห้องนี้แสงเข้าดีมากเลยนะครับ เหมาะกับคู่สามีภรรยาแบบนี้เลยครับ สองห้องนอนหันเข้าหาแดดพอดี อีกหน่อยมีลูกก็เหมาะมากครับ” 

 

 

หลิวเหมยใบหน้าร้อนผ่าว “พวกเราไม่ใช่—” 

 

 

“แล้วคิดขนาดพื้นที่ส่วนรวมยังไงครับ” ฟู่กุ้ยขัดจังหวะหลิวเหมย เขาหันไปถามพนักงาน 

 

 

“ด้วยความที่คอนโดของเรามีลิฟท์สองตัวก็เลยจะกินพื้นที่ส่วนรวมมากหน่อย แต่ถ้าจองวันนี้พวกเราแถมโซฟาริมหน้าต่างให้ คุ้มมากๆเลยนะครับ อีกทั้งพื้นที่สีเขียวของหมู่บ้านเราก็ทำได้ดีสุดๆ ผมเห็นคุณพี่ผู้หญิงใส่ที่หุ้มข้อมือ ดูก็รู้แล้วว่าชอบออกกำลังกาย คอนโดของเรามีฟิตเนส คุณพี่ผู้หญิงต้องชอบแน่ๆเลยครับ” 

 

 

เสนอขายดีมาก ฟู่กุ้ยพอใจสุดๆ 

 

 

“เงินจองรูดบัตรได้ไหมครับ” 

 

 

“ได้ครับ จองวันนี้พวกเรายังมีโปรโมชั่นพิเศษอีกนะครับ นอกจากแถมโซฟาริมหน้าต่างแล้ว เรายังแถมคูปองลุ่นโชคด้วย ผู้โชคดีจะได้แพ็คเกจเที่ยวมัลดีฟแบบหรูหราเจ็ดวัน พักโรงแรมแบบที่ประธานาธิบดีอยู่ จะยิ่งเพิ่มความหวานให้กับคู่รักแน่นอนครับ” 

 

 

“เธอว่าดีไหม” ฟู่กุ้ยถามหลิวเหมย 

 

 

หลิวเหมยก็ชอบอยู่หรอก แต่วันนี้เธอไม่ได้กะมาซื้อบ้าน 

 

 

ก่อนหน้านี้ยังลังเลอยู่ว่าจะแต่งงานกับแฟนคนนี้ดีไหม แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้เธอตัดสินใจจะหาโอกาสบอกเลิก เงินซื้อบ้านก็จะคืนพ่อเธอไป เธอไม่อยากใช้เงินพ่อแม่ 

 

 

“ก็ชอบอยู่หรอกนะคะ แต่ฉันยังไม่อยากซื้อ” หลิวเหมยพูดตามความจริง 

 

 

“ชอบก็ซื้อสิ พี่ว่าทำเลตรงนี้ดีเลยนะ” 

 

 

“เรื่องของครอบครัวเราคุณไม่ต้องยุ่ง หลิวเหมยไปกับผม” หม่าลุ่ยเดินมาได้ยินฟู่กุ้ยพูดแบบนั้นก็ไม่พอใจ 

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยที่เป็นคนอ่อนโยนมาตลอดครั้งนี้กลับไม่ปล่อยให้หม่าลุ่ยชิงนางไปได้ง่ายๆ เขาจับแขนอีกข้างของหลิวเหมยไว้ 

 

 

“กำลังดูอยู่ดีๆจะไปไหน” 

 

 

“บ้านแบบนี้เขาไม่ซื้อหรอก” หม่าลุ่ยเหล่มอง สองห้องนอน หนึ่งห้องรับแขก เขาไม่ได้นึกถึงห้องแบบนี้เลยด้วยซ้ำ เขาอยากซื้อแบบสามห้องนอนให้พ่อแม่มาอยู่ด้วย 

 

 

“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ” 

 

 

“ถ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมแล้วขึ้นอยู่กับใคร คุณเหรอ” หม่าลุ่ยมองฟู่กุ้ยอย่างเหยียดๆ ฟู่กุ้ยเองก็จ้องกลับอย่างไม่ยอม 

 

 

“จะขึ้นอยู่กับผมหรือไม่ก็ไม่สำคัญหรอก ขอแค่หลิวเหมยชอบเป็นพอ พวกคุณเคยคิดถึงความรู้สึกของเธอบ้างไหม” 

 

 

“อะไรที่ผมชอบหลิวเหมยก็ชอบ ใช่ไหมหลิวเหมย” หม่าลุ่ยถามหลิวเหมยด้วยความมั่นใจ แต่หลิวเหมยกลับมองเขาแล้วไม่พูดอะไร 

 

 

หม่าลุ่ยพอไม่ได้คำตอบก็รู้สึกเอะใจ เขามองสลับไปมาระหว่างหลิวเหมยกับเลี่ยวฟู่กุ้ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย 

 

 

“เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนเธอ” ฟู่กุ้ยอดทนกับผู้ชายคนนี้มานานแล้ว จึงเริ่มพูดจาหาเรื่อง 

 

 

“นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา หลิวเหมยไปกับผม ไปดูบ้านที่พ่อแม่ผมดูเอาไว้” 

 

 

“คุณเชื่อฟังพ่อแม่ทุกเรื่องเลยเหรอ ตกลงว่าคุณแต่งงานหรือพ่อแม่คุณแต่งกันแน่” หลิวเหมยสะบัดมือหม่าลุ่ยออก 

 

 

ผิดหวังสะสมมาจนพอแล้วยังไม่ยอมเดินออกไป หรือจะรอให้หมดหวังแล้วถึงจะไป 

 

 

“ยังไงคนแก่ก็อาบน้ำร้อนมาก่อน คำพูดบางอย่างเราก็ต้องฟังพวกเขาไว้บ้าง คุณคงไม่ใช่คนก้าวร้าวหรอกใช่ไหม” จากการโทรหาสิบครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมา หม่าลุ่ยรู้สึกได้ว่าหลิวเหมยเป็นผู้หญิงที่คุยด้วยง่าย แต่วันนี้ท่าทางของเธอดูแปลกๆ หรือจะเป็นเพราะไอ้เตี้ยแว่นนี่ 

 

 

ตอนนี้มีคนอยู่เยอะ หลิวเหมยไม่ค่อยอยากเคลียร์กับหม่าลุ่ยต่อหน้าคนเยอะๆเท่าไร ครั้นแล้วจึงหันไปยิ้มให้เลี่ยวฟู่กุ้ยอย่างมีมารยาท 

 

 

“ขอโทษด้วยนะคะพี่ฟู่กุ้ย ฉันขอไปคุยกับเขาตามลำพังหน่อยนะคะ” 

 

 

“ได้สิ” ฟู่กุ้ยปล่อยมือ 

 

 

หม่าลุ่ยมองฟู่กุ้ยอย่างได้ใจ ไอ้เตี้ยอย่ามาทำตัวเบ่งกับพี่ 

 

 

คนมาดูบ้านเยอะมาก ทันใดนั้นก็มีแม่ลูกอ่อนคนหนึ่งเข็นรถเข็นเด็กเดินมา ด้วยความที่ไม่ทันระวังจึงชนกับหลิวเหมยเข้า หลิวเหมยใส่รองเท้าส้นสูงยืนไม่มั่นคงจึงเซล้มไปด้านข้าง หม่าลุ่ยกับฟู่กุ้ยยื่นมือออกไปพร้อมกันแต่ก็ไม่มีใครคว้าไว้ได้ทัน หลิวเหมยล้มเอาเข่าลงไปค้ำไว้ข้างหนึ่ง 

 

 

“ว้าย ขอโทษด้วยค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นรีบขอโทษขอโพย หลิวเหมยส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ” 

 

 

หัวเข่าเธอเป็นแผลถลอก ถุงน่องขาด และที่แย่ยิ่งกว่าก็คือดูเหมือนขาจะแพลงด้วย ลุกขึ้นยืนแล้วเจ็บ 

 

 

“ไปนั่งตรงนั้นก่อน” ฟู่กุ้ยเข้าไปพยุงเธอ เขาเห็นหัวเข่าเธอมีเลือดไหล 

 

 

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันไปคุยก่อน” 

 

 

“บอกแล้วว่าไม่ให้ใส่ส้นสูงคุณก็ไม่เคยฟัง ตอนนี้หกล้มเจ็บไหมล่ะ” หม่าลุ่ยพูดอย่างเย็นชา 

 

 

ฟู่กุ้ยถลึงตาใส่เขา “มาพูดตอนนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา ไร้ประโยชน์” 

 

 

“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร” หม่าลุ่ยมองฟู่กุ้ยด้วยสายตาเอาเรื่อง 

 

 

พอเห็นสองคนนี้เริ่มจะทะเลาะกันหลิวเหมยจึงพูดห้าม 

 

 

“พอเถอะค่ะ เห็นแก่หน้าฉันเถอะนะคะ” 

 

 

ฟู่กุ้ยไม่พูดอะไร แต่หม่าลุ่ยกลับไม่ยอมเลิก “มีเวลาก็เอาไปยุ่งเรื่องของตัวเองเถอะ อย่าเที่ยวมายุ่งกับแฟนคนอื่น” 

 

 

ฟู่กุ้ยเหลือบมองหลิวเหมยแล้วไม่พูดอะไร 

 

 

เขาเห็นแก่หน้าหลิวเหมย ไม่อยากจะอะไรกับคนแบบนี้ 

 

 

หม่าลุ่ยเดินไปกับหลิวเหมยพร้อมสายตาอย่างคนที่ได้ชัยชนะ ฟู่กุ้ยมองตามหลังสองคนนั้นพลางครุ่นคิด 

 

 

แฟนคนอื่นงั้นเหรอ… 

 

 

แต่ผู้ชายแบบนี้สมควรที่จะได้ผู้หญิงดีๆแบบนี้เป็นแฟนเหรอ 

 

 

“พี่ครับสรุปต้องการจองห้องนี้ไหมครับ” พนักงานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสามคนนี้ เขาถามขึ้นอย่างมีมารยาท 

 

 

“จองครับ” 

 

 

“ลดให้เขาหน่อยสิคะเถ้าแก่อวี๋” 

 

 

ฟู่กุ้ยหันไปมอง ไม่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ข้างๆมีพี่ใหญ่ยืนอยู่ 

 

 

“ไปเถอะน้องฟู่กุ้ย ไปกับพี่ เดี๋ยวบอกชื่อพี่ไปนะ” เมื่อกี้พี่ใหญ่เข้าไปในห้องทำงานกับเสี่ยวเชี่ยน ระหว่างที่คุยธุระก็มองกล้องวงจรปิดไปด้วย ซึ่งทั้งสองคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเขาสนับสนุนฟู่กุ้ยเต็มที่—ถึงจะไม่ได้ยินเสียง แต่กล้างัดข้อกับหม่าลุ่ยก็เป็นที่น่าพอใจแล้ว 

 

 

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่ห้องชุดผมซื้อไหว” 

 

 

นาทีนี้ วิญญาณบอสใหญ่เข้าสิงร่างฟู่กุ้ย 

 

 

“พี่ไม่ได้ทำงานเมืองนี้เสียหน่อยจะซื้อบ้านทำไม ซื้อระบายอารมณ์เหรอ” เสี่ยวเชี่ยนถาม 

 

 

“ซื้อทิ้งไว้รอมูลค่าเพิ่ม” ฟู่กุ้ยปฏิเสธข้อเสนอของพี่ใหญ่อย่างอ้อมๆแล้วเดินตามพนักงานเพื่อไปจ่ายเงิน 

 

 

“ตาคนนี้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงานเหลือเกิน นี่ถ้ารับงานนอกนะรวยไปแล้ว”เสี่ยวเชี่ยนพูดตามหลังเลี่ยวฟู่กุ้ย 

 

 

เธอพูดให้พี่ใหญ่ฟัง 

 

 

พี่ใหญ่หัวเราะ “ใจเด็ดจริง” 

 

 

ไม่รู้ว่าการตัดสินใจซื้อบ้านด้วยความโกรธนี้เป็นเพราะอยากประชดหม่าลุ่ยหรือเพราะอยากทุ่มเงินเพื่อผู้หญิง แต่สิ่งที่เขาทำในวันนี้ได้พลิกโฉมภาพลักษณ์ของเขาในสายตาของพี่ใหญ่มากเลยทีเดียว 

 

 

ดี วันนี้ได้ข่าวเม้าท์เพียบ กลับไปมีเรื่องไปเล่าให้เมียฟังแล้ว ละครสนุกๆในวันนี้ถ้าพี่สะใภ้ใหญ่ได้ฟังจะต้องดีใจแน่ๆ 

 

 

“ผู้ชายเก่งๆน้อยคนที่จะใช้อารมณ์กับผู้หญิง ถึงฟู่กุ้ยของเราจะไม่ถึงกับเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ แต่เรื่องรักครอบครัวกับดูแลผู้หญิงทำได้ดีแน่นอน”