บทที่ 527 ความคิดอันหนักอึ้ง
หลินจือโยวกลอกตาใส่เหลยอัน “ข้าไม่มีเมีย ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
เหลยอันคิดตามและรู้สึกว่าจริงดังนั้น เขาจึงเดินออกไปหาทหารที่มีลูกแล้วและถามพวกเขาว่าหญิงท้องควรทานอะไร
หลินจือโยวยกมือขึ้นกุมหน้าเมื่อเห็นพฤติกรรมอันงี่เง่าของเหลยอัน เขากังวลเหลือเกินว่าเหลยอันจะเอาเรื่องของเขาไปขายโดยไม่ตั้งใจ หากเป็นเช่นนั้นคงจะเป็นปัญหาใหญ่แน่
สิบวันต่อมาพวกหนิงเมิ่งเหยาจึงเดินทางมาถึง เมื่อพวกนางมาถึงชายแดน เหลยอันนั้นเตรียมอาหารสำหรับคนท้องกองใหญ่เอาไว้รอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขายังเขียนจดหมายถึงหยางเล่อเล่อเตรียมไว้ด้วย ในจดหมายบอกให้นางไม่ต้องเป็นห่วง หากเขาจัดการเรื่องทางนี้เสร็จสิ้นเมื่อใด เขาจะรีบกลับไปทันที
หนิงเมิ่งเหยา ฟังวิธีจัดการกับเรื่องนี้ของเหลยอัน ก็รู้สึกพอใจมาก
“หากมีจดหมายจากเจ้าด้วยแล้ว เล่อเล่อเองก็คงสบายใจ” หนิงเมิ่งเหยายิ้มก่อนเอ่ยขึ้น
เหลยอันไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าในคำพูดนั้นมีความหมายอื่นซ่อนอยู่ “พี่สะใภ้ ท่านหมายความว่าอย่างไรขอรับ”
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนางจึงเล่าให้เหลยอันฟังว่าทุกคนรู้ว่าหยางเล่อเล่อท้องได้อย่างไร หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เหลยอันรู้สึกโกรธและโทษตัวเองยิ่งนัก เขาน่าจะเขียนจดหมายบอกนางว่าเขาสบายดีตอนที่เขามาถึงนี่
“พี่สะใภ้ขอรับ เล่อเล่อสบายดีหรือไม่” เหลยอันมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสายตาเป็นกังวล
“อย่าห่วงเลย ข้าสั่งให้หมอจากทั้งที่บ้านและที่โรงงานไปดูอาการนางเป็นครั้งคราวแล้ว ที่นั่นยังมีท่านป้าหยางกับคนอื่นๆ อยู่ด้วย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนางแน่” หนิงเมิ่งเหยามองเหลยอัน นางรู้สึกพอใจกับปฏิกิริยาตอบสนองของเขา
เหลยอันโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาโค้งคำนับหนิงเมิ่งเหยา “ขอบพระคุณขอรับ พี่สะใภ้”
“เอาล่ะ เล่อเล่อเตรียมของสิ่งนี้เอาไว้ให้เจ้า นางฝากข้ามา” นางพูดพลางส่งห่อผ้าให้กับเหลยอัน
เหลยอันเปิดห่อผ้าดู ข้างในนั้นมีเสื้อผ้า รองเท้า และยังมีชุดสำหรับใส่ข้างในด้วย
มือของเขาสั่นเล็กน้อย “พี่สะใภ้ขอรับ…”
“เอาล่ะ หลังจากกลับไปแล้วก็ดูแลนางให้ดีล่ะ”
“รับทราบขอรับ”
เฉียวเทียนช่างมองเหลยอันแล้วจู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “อย่ากังวลไปเลย สงครามนี้คงไม่ยาวนานนัก เจ้าต้องได้กลับไปก่อนลูกจะคลอดแน่”
ดวงตาของเหลยอันเป็นประกายเมื่อได้ยินดังนั้น เขากำลังกังวลว่าตนจะกลับไปไม่ทันวันที่ลูกคลอด
“พวกข้าจะมุ่งตรงไปยังเมืองหลิงในวันพรุ่งนี้ สงครามคงจะเริ่มหลังจากที่พวกข้าไปถึง อย่าคิดอะไรมากเลย เมื่อสิ้นสงครามแล้วเจ้าจะได้รีบกลับ เข้าใจใช่ไหม” เฉียวเทียนช่างไม่ได้พูดเหลวไหล แต่เขาก็ไม่ได้ปลอบใจเหลยอัน
เหลยอันพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าเฉียวเทียนช่างต้องการสื่ออะไร
“นายท่านขอรับ อย่าห่วงเลยขอรับ ข้าจะไม่ไขว้เขวแน่”
“เอาล่ะ เช่นนั้นก็ดี คิดถึงลูกของเจ้าและหยางเล่อเล่อเข้าไว้” เฉียวเทียนตบไหล่เหลยอัน
เขาคงไม่พูดอะไรออกมามากมายถึงเพียงนี้หากเขาไม่สังเกตเห็นความรู้สึกโทษตัวเองที่ปรากฏอยู่ภายในดวงตาของเหลยอัน
เขาเป็นห่วงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้เหลยอันไม่มีสมาธิและสุดท้ายจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บตัวตอนอยู่ในสนามรบ
เหลยอันทำปากยื่นแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา หนิงเมิ่งเหยามองเขา “ถ้าเจ้าไม่อยากให้เล่อเล่อเป็นหม้าย และไม่อยากให้ลูกเจ้าเรียกชายคนอื่นว่าพ่อ เจ้าก็จงลืมความผิดหวังและเจ้าความรู้สึกโทษตัวเองนี่ไปเสีย หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าที่นี่ เจ้าก็คงรู้ว่าเล่อเล่อจะเป็นยังไง”
ผ่านไปไม่กี่วันหลังจากเหลยอันออกเดินทาง เขายังมาไม่ถึงชายแดนเสียด้วยซ้ำ แต่หยางเล่อเล่อกลับเป็นลมเพราะได้ยินหยางซู่อวิ๋นพูดเรื่องพรรค์นั้นออกมา แม้แต่ลูกในท้องก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย เพียงแค่นี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเหลยอันนั้นสำคัญกับนางมากเพียงใด
“เข้าใจแล้วขอรับพี่สะใภ้” แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เหลยอันต้องโทษตัวเองอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้อยู่ข้างกายภรรยาของตนในยามที่นางถูกคนอื่นพูดจาไม่ดีใส่
หนิงเมิ่งเหยาเหลือบตามองเหลยอัน “เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”
เหลยอันหายใจเข้าลึกๆ ปล่อยความรู้สึกแง่ลบทุกอย่างภายในใจออกไป “ข้าเข้าใจแล้วจริงๆ ขอรับ พี่สะใภ้”
เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปตบบ่าเหลยอัน จากนั้นจึงพาหนิงเมิ่งเหยาและลูกของตนไปยังที่พัก
หนิงเมิ่งเหยามองลูกน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง นางส่ายหน้าด้วยท่าทีอับจนหนทาง “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเหลยอันจะเป็นคนที่มีความคิดหนักอึ้งถึงเพียงนั้น” ความคิดของเขาส่งผลมาถึงอารมณ์ของนางด้วย
เฉียวเทียนช่างเอื้อมมือมากอดหนิงเมิ่งเหยาไว้ในอ้อมแขน เขากล่าวเบาๆ ข้างหูนางว่า “ชีวิตในวัยเด็กทำให้เขาปรารถนาที่จะมีครอบครัว เขารู้สึกกลัวเพราะหยางเล่อเล่อเกือบจะเป็นอะไรไปน่ะสิ” นั่นเป็นสาเหตุที่เขาแสดงด้านนั้นออกมา
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็จริง”
บทที่ 528 เยี่ยมจวนผู้สำเร็จราชการครั้งแรก
เฉียวเทียนช่างไม่ปล่อยให้หนิงเมิ่งเหยากังวลเรื่องของเหลยอันมากจนเกินไป เขายื่นมือมากอดนางไว้ในอ้อมแขน “อย่าคิดมากเลย เหลยอันรู้ว่าต้องจัดการกับความคิดพวกนั้นเช่นไร”
“อืม”
“พักผ่อนเสียเถิด พรุ่งนี้เรายังต้องเดินทางต่ออีก” เฉียวเทียนช่างยกมือขึ้นแล้วกดนางลงบนเตียง
“ข้ารู้แล้ว”
หลังจากทั้งสองเอนกายลงบนเตียงได้ไม่นาน หนิงเมิ่งเหยาก็หลับตาลงและเข้าสู่ห้วงนิทรา
แต่ดูท่าว่าลูกของพวกเขาคงจะยังไม่คุ้นเคยกับการนอนในสภาพแวดล้อมแปลกใหม่เช่นนี้ เด็กน้อยลืมตาตื่นขึ้นและมองไปรอบๆ
“ซางเอ๋อร์ อย่าเอะอะ พ่อจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง” เฉียวเทียนช่างอุ้มเฉียวโม่ซางขึ้น เขาเอาของเล่นออกมาและเล่นกับลูกน้อย ไม่อยากให้ลูกไปรบกวนการพักผ่อนของหนิงเมิ่งเหยา
พวกเขาเล่นกันจนถึงช่วงกลางดึก ก่อนเด็กน้อยจะผล็อยหลับไป เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปจิ้มศีรษะของลูกชาย นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยผู้นี้รบกวนคนอื่นเช่นนี้
เฉียวเทียนช่างวางลูกไว้บริเวณด้านในสุดของเตียงก่อนถอดเสื้อแล้วกระโดดขึ้นเตียงบ้าง เขากอดหนิงเมิ่งเหยาแล้วจึงหลับตาลง
วันต่อมา ตอนที่หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นนั้นเฉียวเทียนและลูกยังคงหลับอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกประหลาดใจ
หลังมองเฉียวโม่ซาง ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าเมื่อคืนลูกคงจะพลิกไปพลิกมาจนถึงดึก
เด็กน้อยลืมตาขึ้นในวินาทีที่หนิงเมิ่งเหยาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หนิงเมิ่งเหยารีบอุ้มเขาขึ้นเมื่อเห็นว่าเขาทำปากยื่นและกำลังจะร้องไห้ “เจ้าลิงน้อย อย่ารบกวนตอนที่พ่อนอนสิ เข้าใจไหม” ขณะพูด นางก็อุ้มเด็กชายไปที่ปลายเตียง นางเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เขาแล้วป้อนข้าว หลังจากป้อนข้าวและเปลี่ยนผ้าอ้อมเสร็จ เด็กน้อยจึงหาวออกมาก่อนกลับไปนอนต่อ มือขาวๆ อันนุ่มนิ่มของเขาวางอยู่บนแก้มของตัวเองแล้วลูบมันไปมา เขาช่างน่ารักเสียเหลือเกิน
หนิงเมิ่งเหยาถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นเจ้าลิงน้อยทำท่าเช่นนั้น คงจะดีถ้านางมีกล้องถ่ายรูปหรือโทรศัพท์มือถืออยู่กับตัว นางจะได้บันทึกภาพความน่ารักนี้เอาไว้
บันทึกหรือ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมา หนิงเมิ่งเหยาจึงหยิบเอาสมุดทำมือของตนออกมา ตามด้วยดินสอ นางมองพ่อกับลูกที่นอนอยู่บนเตียงและเริ่มร่างภาพ ในไม่ช้าภาพร่างก็ปรากฏขึ้นบนกระดาษ
นางพยักหน้าด้วยความพอใจแล้วเก็บสมุดกลับไป นี่เป็นความลับของนาง นางจะไม่เอามันออกมาให้ใครเห็นเด็ดขาด
เฉียวเทียนช่างตื่นขึ้นมาในช่วงสาย เขายกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง “เหตุใดเจ้าจึงไม่ปลุกข้า”
“ข้าไม่ปลุกเพราะเห็นว่าเจ้ากำลังหลับสบาย”
“หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้ว เราจะออกเดินทางกันทันที” เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วจึงลุกขึ้นจากเตียง เขาเหลือบมองเฉียวโม่ซาง “ซางเอ๋อร์ยังไม่ตื่นหรือ”
“เขาตื่นขึ้นมารอบหนึ่งแล้ว พอข้าป้อนข้าวเสร็จก็กลับไปนอนต่อ”
“เขาคงง่วงน่าดู เมื่อคืนเล่นกันเสียดึกเชียว” เฉียวเทียนช่างส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจ
หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจในทันที ไม่น่าแปลกใจเลยที่วันนี้ทั้งคู่ตื่นสาย เป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง
เหลยอันรออยู่ก่อนแล้วตอนที่พวกเขาทั้งสองเก็บเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมา หลังจากจัดระเบียบความคิดของตนไปหนึ่งคืน ตอนนี้เขาดูท่าทางดีขึ้นมาก
“พี่สะใภ้ ท่านต้องระวังตัวนะขอรับ”
“อย่าห่วงเลย” หนิงเมิ่งเหยาไม่คิดที่จะเดินเข้าไปโต้งๆ อย่างน้อยนางก็ควรจะปลอมตัวเสียหน่อย
เมื่อเหลยอันเห็นเฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “พี่สะใภ้หรือขอรับ”
“ทำไม เจ้าจำนางไม่ได้หรือ” สายตาของเฉียวเทียนช่างเย็นชา เหลยอันรีบกลับมาทำตัวปกติ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฉียวเทียนช่างเห็นฝีมือการแต่งหน้าของหนิงเมิ่งเหยา ฝีมือของนางสามารถเปลี่ยนคนอัปลักษณ์ให้กลายเป็นคนรูปงามได้เลยทีเดียว และยังใช้การได้ดีกว่าการเปลี่ยนใบหน้าเสียอีก
หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อย เฉียวเทียนช่างและพรรคพวกก็ปลอมตัวเป็นชายผู้ร่ำรวยที่พาลูกและภรรยาเดินทางมาท่องเที่ยว เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขาเป็นท่านแม่ทัพแห่งเมืองเซียวกับภรรยาของท่านแม่ทัพ
พอเข้ามาในเมืองหลิงได้แล้ว กลุ่มของเขามุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของเมืองหลิงอย่างมีจุดประสงค์
เมื่อมาถึงที่แห่งนั้น เฉียวเทียนช่างและคนที่เหลือต่างก็รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นในเมืองหลิงโดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นประชาชนถอนหายใจ หนิงเมิ่งเหยาก็รู้ว่าพวกอวี้เฟิงได้จัดการเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักได้ในไม่ช้า หลังจากปล่อยให้พวกชิงซวงดูแลลูกให้ ทั้งสองจึงเอาป้ายที่หนานกงเยี่ยนมอบไว้ให้ออกมา และมุ่งตรงไปยังจวนผู้สำเร็จราชการ
หากพวกเขามุ่งตรงมาที่นี่แบบเมื่อก่อนและเข้ามาอย่างเปิดเผย พวกเขาคงถูกคนอื่นสังเกตเห็นไปนานแล้ว แต่เมืองหลิงในยามนี้นั้นกำลังเผชิญกับสงครามกลางเมืองและการรุกรานจากนอกเมือง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่หลิงฮ่องเต้คงไม่มีเวลามากพอจะมาใส่ใจจัดการกับจวนของผู้สำเร็จราชการ และนั่นก็เป็นโอกาสให้หนิงเมิ่งเหยาและพรรคพวกเข้าไปได้
หนานกงหมิงมองป้ายในมือหนิงเมิ่งเหยา ดวงตาของเขาเป็นประกาย “ท่านคือองค์หญิงหรือพ่อย่ะค่ะ”
“ใช่”
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”