บทที่ 525 ไล่ออกจากตระกูล
หยางซู่อวิ๋นมองท่าทางที่เต็มไปด้วยโทสะของคนทั้งตระกูล ในใจนางรู้แล้วว่าเรื่องไม่ได้ดำเนินไปตามที่คิดเอาไว้ “ท่านพ่อ ข้า… ข้าแค่…”
“แค่อะไร แค่ทนเห็นลูกคนอื่นมีชีวิตที่ดีกว่าไม่ได้หรือ หรือแค่ทนไม่ได้ที่จะเห็นเล่อเล่อมีชีวิตที่ดีกว่าเจ้า” เหล่าหยางมองบุตรสาวของตนด้วยสีหน้านิ่งสงบ
สีหน้าเช่นนั้นทำเอาหยางซู่อวิ๋นยิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นกว่าเดิม
นางคงไม่รู้สึกอะไรหากเหล่าหยางระบายความโกรธของตนออกหรือทุบตีนางโดยตรง แต่สายตาอันเยือกเย็นที่เหล่าหยางใช้มองนั่นต่างหากที่ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัว
“ท่านพ่อ ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ไม่ใช่หรือ เจ้าอิจฉาเพราะเจ้าได้ยินว่าเหลยอันเป็นขุนนางฝ่ายทหาร และเล่อเล่อเป็นภรรยาของขุนนาง ดังนั้นเจ้าก็เลยหาทางที่จะทำลายพวกเขาใช่ไหม” เหล่าหยางรู้จักบุตรสาวของตนดี รู้จักนางดีกว่าที่นางรู้จักตัวเองเสียอีก
“ข้า…”
“พี่ใหญ่ เหตุใดเจ้าจึงยังพูดจามากความกับนางอยู่อีก ขนาดคนนอกยังไม่กล้าพูดเช่นนั้นออกมาเลย แต่นางเป็นถึงญาติผู้พี่ของเล่อเล่อเชียวนะ” แม่เฒ่าหยางเอ่ยขึ้นอย่างมีน้ำโห
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของเล่อเล่อ ตอนที่เหลยอันกลับมา เขาต้องเอาความโกรธมาลงที่ตระกูลของพวกตนแน่
เหล่าหยางถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะมองหยางซู่อวิ๋น “ซู่อวิ๋น ออกไป ไปที่ที่เจ้าอยากไปเสีย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก”
เหล่าหยางไม่เคยคิดจะไล่หยางซู่อวิ๋นมาก่อน แม้ว่าในอดีตหยางซู่อวิ๋นจะเคยก่อเรื่องน่าอับอายเช่นนั้นขึ้น
แต่สิ่งที่หยางซู่อวิ๋นทำลงไปในวันนี้นั้นทำให้พวกเขาต่างผิดหวังกันยิ่งนัก พวกเขาคิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งแล้วหยางซู่อวิ๋นจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่นางก็ยังเป็นเช่นในอดีต ซ้ำร้ายพวกเขาคาดไม่ถึงเลยว่านางจะทำตัวแย่ลง
หยางซู่อวิ๋นกัดริมฝีปากตนแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “ท่านพ่อ ท่านไล่ข้าออกจากบ้านเพราะหยางเล่อเล่อหรือ”
“ครั้งนี้เจ้าทำเกินไป” เหล่าหยางเอ่ยขึ้นพลางส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง
หยางซู่อวิ๋นมองพวกเขาอย่างดูถูก “ไม่ใช่เพราะท่านยังจำเป็นต้องพึ่งพวกเขาอยู่หรือ หยางเซินทำงานอยู่ที่โรงงานของหนิงเมิ่งเหยา พวกท่านเลยกลัวว่าหยางเล่อเล่อจะไปว่าร้ายพวกท่านต่อหน้าหนิงเมิ่งเหยาแล้วนางจะไม่ยอมให้หยางเซินทำงานที่นั่นต่อ เพราะอย่างนั้นพวกท่านเลยไล่ข้าออกใช่หรือไม่ ยังไงพวกท่านก็สนใจหยางเซินมากกว่าอยู่แล้ว”
เหล่าหยางเห็นว่าหยางซู่อวิ๋นยังไม่สำนึกเสียใจ และในเวลานี้นางยังระบายความคิดที่คั่งค้างอยู่ภายในหัวใจออกมาอีก
เขาส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “ฮูหยิน เอาเงินสิบตำลึงที่นางให้เจ้าตอนที่นางกลับมาคืนนางไป แล้วไล่นางออกไปเสีย จากนี้ไปพวกเราจะทำเหมือนเราไม่เคยมีลูกสาวเช่นนี้มาก่อน”
นางเฉิงเดินเข้าไปในบ้านเงียบๆ แล้วนำเงินออกมา นางวางมันลงในมือของหยางซู่อวิ๋น แล้วจึงเดินไปยืนอยู่ข้างกายของเหล่าหยาง โดยไม่พูดอะไรกับหยางซู่อวิ๋นสักคำตลอดการกระทำของตน
หยางซู่อวิ๋นมองพวกเขา พวกเขาปฏิบัติต่อนางอย่างโหดเหี้ยมไร้หัวใจเหลือเกิน แต่แล้วนางก็ยิ้มออกมาในทันที “ข้าจะทำให้พวกท่านทุกคนต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป”
“ออกไปเสีย”
หยางซู่อวิ๋นกลับไปยังห้องของตน นางเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดก่อนออกไป ตอนที่นางเดินออกจากบ้านนั้นนางไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองเลยสักครั้ง
ในเวลานั้นหยางซู่อวิ๋นคงเกลียดหยางเล่อเล่อและตระกูลของเหล่าหยางอย่างสุดใจ
แม่เฒ่าหยางขมวดคิ้วหลังเห็นนางเดินจากไป “ข้าต้องไปดูอาการของหยางเล่อเล่อ พี่ใหญ่ เตรียมของเล็กๆ น้อยๆ เสีย เราจะมุ่งหน้าไปบ้านของนางพร้อมกัน” เด็กคนนั้นตั้งท้องอยู่ นางจะต้องไปดู
เหล่าหยางพยักหน้า “ท่านแม่ ข้าจะไปเตรียมของเดี๋ยวนี้ขอรับ”
นางเฉิงมองแม่เฒ่าหยางด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “ท่านแม่ เราไปกันตอนนี้จะดีหรือ” หากต้องไปพบพวกเขาอีกทั้งที่เพิ่งมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นมาหมาดๆ นางคงรู้สึกประหม่ายิ่งนัก
แม่เฒ่าหยางมองนางเฉิง “เราไปกันตอนนี้สิดี”
ผู้เฒ่าหยางพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใด เราจะแตกหักกับตระกูลของเล่อเล่อเพราะยายหนูซู่อวิ๋นไม่ได้” เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะหลานสาวของตน แน่นอนว่าเขาก็มีส่วนผิดอยู่ด้วย
เมื่อก่อนเขาเองก็รักหลานสาวคนนี้มาก แต่เขารู้สึกว่าหลานสาวของเขาเริ่มไม่อยู่กับร่องกับรอยหลังจากที่กลับมา เวลาที่นางอยู่บ้าน นางมักทำตัวขยะแขยงสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่เรื่อย นางถูกลูกชายคนโตของเขาเอ็ดไปหลายครั้ง แต่ใครจะรู้เล่าว่าลูกชายคนโตของเขาจะไม่เคยสอนบทเรียนให้นางได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้เป็นเช่นนี้ก็ดี นางได้ทำเรื่องที่ผิดลงไปจริงๆ
ตระกูลของเหล่าหยางมุ่งหน้าไปยังบ้านของนางหยาง เมื่อนางหยางเห็นนางเฉิน ภายในใจของนางก็บังเกิดความรู้สึกหลายอย่างซ้อนทับกันอยู่ข้างใน แต่สุดท้ายนางก็ถอนหายใจออกมาและเชิญให้พวกเขาเข้าบ้าน
“ลูกสะใภ้ เล่อเล่ออยู่ไหนเสียล่ะ” แม่เฒ่าหยางคว้ามือนางหยางแล้วถามขึ้น
“นางหลับอยู่”
บทที่ 526 โดนของ
แม่เฒ่าหยางพยักหน้า “นางพักผ่อนอยู่ก็ดีแล้ว”
นางหยางบอกให้หยางอี้ไปซื้อผัก จากนั้นนางจึงพูดเรื่องเหลยอันขึ้นมา “เมิ่งเหยาให้คนส่งจดหมายไปหาอันเอ๋อร์แล้ว”
“ดีจริง เป็นข่าวดียิ่งนัก แน่ล่ะ เจ้าหนุ่มนั่นจะต้องรู้เรื่องนี้” ผู้เฒ่าหยางพยักหน้าเห็นด้วย เขาชอบหลานเขยผู้นี้ยิ่งนัก
นางเฉิงมองนางหยางอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ “น้องสะใภ้ ข้าต้องขอโทษเจ้าเรื่องวันนี้จริงๆ”
สีหน้าของนางหยางบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย เหล่าหยางจึงศอกไปที่นางเฉิงเบาๆ นางไปจี้แผลเก่าของนางหยางเข้าเสียแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก”
แม่เฒ่าหยางยื่นมือออกมาลูบมือของบุตรสาว
“จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกแล้ว”
หนิงเมิ่งเหยาและพวกรู้เรื่องที่หยางซู่อวิ๋นถูกไล่ออกจากบ้านเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่สายตาของเฉียวเทียนช่างพลันค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ในเมื่อนางไม่มีความเกี่ยวพันกับตระกูลหยางแล้ว นางก็ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้างว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด”
“อืม จัดการตามที่เจ้าเห็นสมควรได้เลย” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง
“เจ้าส่งจดหมายถึงเหลยอันแล้วหรือ”
“ข้าส่งไปแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เราสามารถออกเดินทางไปยังเมืองหลิงได้ในทันที” เฉียวเทียนช่างเดินมาหยุดอยู่ข้างหนิงเมิ่งเหยา เขาหย่อนกายลงนั่ง หากไม่ใช่เพราะทั้งสองเป็นห่วงว่าบุตรชายยังไม่สามารถเดินทางไกลได้ ป่านนี้พวกเขาคงออกเดินทางไปได้ครึ่งทางแล้ว เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเขาจึงต้องตระเตรียมอะไรหลายอย่าง
“ดีจริง ได้เวลาจัดการเรื่องทางนั้นเสียที” สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาเย็นชาขึ้นทีละน้อย
คืนนั้นหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างมุ่งหน้าไปยังบ้านของนางหยาง ทั้งสองบอกพวกเขาว่ากำลังจะไปเมืองหลิงและน่าจะผ่านสถานที่ที่เหลยอันอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงมาถามว่าทางตระกูลหยางมีอะไรจะฝากให้เหลยอันหรือไม่
หยางเล่อเล่อยื่นเสื้อและรองเท้าที่นางเย็บให้เหลยอันตลอดสองวันที่ผ่านมาให้กับหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเหยา ข้าคงต้องรบกวนเจ้าช่วยเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปให้เขาด้วย”
“ได้สิ เรื่องนี้ข้าช่วยได้อยู่แล้ว”
พวกเขาคุยกันต่ออีกครู่หนึ่ง แล้วหนิงเมิ่งเหยาจึงเรียกหยางเล่อเล่อเข้ามาคุยตามลำพัง “เล่อเล่อ สิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องทำในตอนนี้คือการผ่อนคลาย มีหมออยู่ที่บ้านข้า หากเจ้าหาเขาไม่เจอ เจ้าไปที่โรงงานแทนก็ได้ ที่นั่นก็มีหมออยู่เหมือนกัน เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจแล้ว อย่าห่วงเลย ข้ากับลูกจะรอเขากลับมา” หยางเล่อเล่อมีรอยยิ้มสดใส แม้ลึกๆ ข้างในนางจะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่เมื่อนางนึกถึงคำพูดที่เหลยอันบอกนางไว้ก่อนเขาออกเดินทาง ในหัวใจของนางก็พลันมีคลื่นแห่งความสุขอันแสนอบอุ่นปรากฏขึ้น
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกวางใจเมื่อนางได้ยินเช่นนั้น “นั่นล่ะ ข้าบอกคนที่บ้านไว้แล้วว่าหากมีจดหมายจากเหลยอันส่งมาล่ะก็ ให้นำมันมามอบให้เจ้าในทันที เจ้าอยู่ที่นี่อย่างสบายใจได้เลย ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ”
“เข้าใจแล้ว”
เช้าวันถัดมา หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างพาคนของตนเดินทางออกจากหมู่บ้านไป๋ซาน เฉียวโม่ซางอายุมากกว่าสามเดือนแล้ว แต่ละวันเขาลืมตาตื่นนานขึ้นเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้การเดินทางสู่เมืองหลิงนั้นสะดวกขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าลิงน้อย”
เฉียวทียนช่างที่นั่งอยู่ข้างๆ มองหนิงเมิ่งเหยา เขาไม่ชอบชื่อเล่นเจ้าลิงน้อยนี่เอาเสียเลย ซางเอ๋อร์นั้นเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายยิ่งนัก ส่วนไหนของเขากันหรือที่เหมือนลิง
ระหว่างที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังชายแดน เหลยอันที่อยู่บริเวณชายแดนก็ได้รับจดหมายที่เฉียวเทียนช่างส่งมา
เหลยอันบอกให้ทหารที่นำจดหมายมาออกไป ดูจากลายมือบนนั้นเขาก็รู้ว่าจดหมายฉบับนี้เป็นของหยางเล่อเล่อ
เขารีบเปิดออก แล้วกวาดสายตาอ่านรวดเดียวจบ และสุดท้ายเหลยอันก็ถึงกับตาค้าง
หลินจือโยวก้าวเข้ามาข้างใน เขาเห็นเหลยอันอยู่ในสภาพตกตะลึง
เขาตบศรีษะของเหลยอันเป็นการทักทาย “เจ้าโดนของหรือ”
“เจ้านั่นแหละที่โดนของ” เหลยอันกลับมามีสติอีกครั้งเพราะแรงตบนั้น เขาตะโกนตอบอย่างอารมณ์เสีย
“ในเมื่อเจ้าไม่ได้โดนของ แล้วเป็นอะไรไปเล่า” หลินจือโยวถามอย่างสงสัย
เหลยอันยิ้มอย่างภาคภูมิใจเมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา “ข้ากำลังจะได้เป็นพ่อคน”
หลินจือโยวจับต้นชนปลายไม่ถูก “เจ้าว่าอะไรนะ”
“ภรรยาข้าเขียนจดหมายมาบอกว่านางกำลังตั้งครรภ์ หากดูจากเวลาที่จดหมายฉบับนี้ถูกส่งมา ตอนนี้นางน่าจะท้องได้หนึ่งเดือนแล้วกระมัง” เหลยอันตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตน หากเขาเดินทางออกมาช้ากว่านี้ เขาคงเป็นคนแรกที่รู้ว่านางตั้งครรภ์ และคงไม่ต้องรอนานถึงเพียงนี้แน่
หลินจือโยวตบหลังของเหลยอัน “ยินดีด้วย ตอนนี้เจ้าน่าจะพอใจแล้วล่ะสิ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นท่านที่ปรึกษาช่วยข้าคิดหน่อยสิว่าข้าควรจะส่งอะไรกลับไปให้ภรรยาดี” ที่นี่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ หนำซ้ำอาหารก็ดูเหมือนจะไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์เสียด้วย