ตอนที่ 40 นี่สิถึงจะเรียกว่าการใช้ชีวิต

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

ตอนที่ 40 นี่สิถึงจะเรียกว่าการใช้ชีวิต

แม้ว่าผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ แต่การค้าขายขนาดย่อมของจ้าวเหวินเทาก็เพิ่งจะเริ่มต้นไม่ใช่เหรอ

วันนี้จ้าวเหวินจื้อเพื่อนสมัยเด็กของจ้าวเหวินเทาเพิ่งกลับมาจากในเมือง ย่อมได้ยินเรื่องที่เฮ่อซงจือภรรยาของเขาบอกแล้ว

แต่จ้าวเหวินจื้อไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคุณครูที่สอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาในเมือง โรงเรียนมัธยมศึกษามีหนังสือพิมพ์จำนวนมาก ทุกๆ วันจะมีหนังสือพิมพ์มาส่ง ดังนั้นจ้าวเหวินจื้อจึงรู้เรื่องราวของโลกภายนอกดี

“รู้ดี? รู้ดีอะไรคะ เขาไม่ได้ทำธุรกิจที่ถูกต้อง หลังจากนี้ฉูฉู่จะทำยังไง?” เฮ่อซงจือในฐานะเพื่อน ทั้งยังเข้ากันได้ดีกับเย่ฉูฉู่มาก ไม่สามารถทนดูจ้าวเหวินเทาทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้องได้

เย่ฉูฉู่เป็นคนอ่อนโยนขนาดนั้น โดยเฉพาะยังมีครอบครัวของเธอที่ดีขนาดนั้น จ้าวเหวินเทาจะมารังแกเธอไม่ได้

จ้าวเหวินจื้อกล่าว “ทำไมจะไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกต้อง คุณดูสิ ปีนี้ทางฝั่งพวกเรามีเอกสารออกมาแล้ว เหวินเทาอยากค้าขายก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เขาพูดเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หน้าก็หนา ต้องประสบความสำเร็จอยู่แล้ว”

เฮ่อซงจือกลอกตาใส่จ้าวเหวินจื้อ

แต่จ้าวเหวินจื้อก็ยังมาหาจ้าวเหวินเทาเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อได้ยินจ้าวเหวินจื้อสนับสนุนเป็นอย่างมาก จ้าวเหวินเทาจึงหัวเราะออกมา

“สมกับที่เป็นคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ฉันก็คิดว่าฉันทำได้เหมือนกัน!” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

แต่เมื่อพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จ้าวเหวินจื้อจึงถอนหายใจเล็กน้อยและกล่าวว่า “เกรงว่าฉันคงจะสอบเข้าไม่ได้แล้วล่ะ”

ข้อสอบแต่ละปียากขึ้นเรื่อย ๆ เขายังต้องสอนหนังสืออะไรพวกนั้นอีก พลังงานก็มีอย่างจำกัด ปีนี้เขาเองก็ลองเข้าร่วมการสอบเหมือนกัน แต่ก็ยังสอบไม่ผ่านอยู่ดี

“แล้วยังไงล่ะ? ถึงนายจะสอบไม่ผ่านแต่นายก็เป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมศึกษานะ เงินเดือนแต่ละเดือนได้มา 28 หยวน ไหนจะคูปองอะไรพวกนั้นอีก ผู้คนในหมู่บ้านต่างก็พากันอิจฉา งานสอนหนังสือเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ชามข้าวเหล็กชั่วชีวิตอยู่ในมือแล้ว ยังต้องกังวลอะไรอีก?” จ้าวเหวินเทาพูดปลอบใจ

เมื่อได้ยินเขากล่าวแบบนั้น จิตใจของจ้าวเหวินจื้อจึงดีขึ้นมาก เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซงจือท้องแล้ว เมื่อไหร่ภรรยาของนายจะมีล่ะ?”

“พวกเราเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ตอนนี้แยกบ้านแล้ว รอฐานะทางบ้านดีถึงขั้นที่มีให้กินก็ไม่กินก่อน เด็กถึงจะมีของดี ๆ กินไม่ใช่เหรอ? ฉันได้ยินมาว่าเด็กในเมืองได้กินนมผงตั้งแต่เด็ก ถ้าฐานะทางบ้านไม่ดีสักหน่อยก็ไม่มีปัญญากินแล้ว” จ้าวเหวินเทากล่าว

เขาไม่รีบร้อนจริง ๆ นั่นแหละ นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะเขารู้สึกว่าไม่มีทางที่ตัวเองจะไม่มีลูกชาย

รอให้การใช้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นสักหน่อยแล้วถึงเวลานั้นค่อยตั้งครรภ์มันก็เหมือนกันนั่นแหละ

จ้าวเหวินจื้อไม่กล่าวอะไร เพราะพี่สาวทั้งสองคนของจ้าวเหวินจื้อได้แต่งงานเข้าเมืองไปทั้งคู่ เด็ก ๆ ในเมืองมีนมผงไว้รับประทานก็ไม่ใช่เรื่องที่หาได้ยาก แต่ครอบครัวทั่ว ๆ ไปกลับทำใจไม่ได้กันทั้งนั้น มันแพงเกินไปแล้ว นั่นน่ะค่าใช้จ่ายทั้งนั้นเลย

จ้าวเหวินจื้ออยู่สนทนาครู่หนึ่งก่อนจะกลับไป

ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงกลับห้องไปหาภรรยาของเขา

เย่ฉูฉู่เตรียมตัวนอนแล้ว เมื่อเห็นเขากลับมาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้านะคะ รีบเข้านอนเถอะค่ะ”

จ้าวเหวินเทากอดภรรยาของตัวเองและเข้านอน อากาศหนาวแบบนี้มีภรรยานอนอยู่บนเตียง ไม่มีอะไรสบายไปกว่านี้อีกแล้ว

เขากอดภรรยาอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น และแล้วเขาก็เกิดความคิดขึ้นมา

จากนั้นเขาจึงร่วมรักกับภรรยาของเขาไปหนึ่งยก จนทั้งสองคนต่างรู้สึกสบายตัว

เย่ฉูฉู่ตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขนของเขา ฟังเขาถอนหายใจอย่างพอใจ “ภรรยา สองวันนี้พวกเราได้ใช้ชีวิตที่เรียกว่าการใช้ชีวิตแล้วนะ”

ขอแค่เขาอยู่บ้าน ภรรยาของเขาก็จะให้เขารับประทานของดี ๆ ไม่ต้องรับประทานโจ๊กและมันเทศทุกวันแล้ว

เขากลัวการรับประทานโจ๊กและมันเทศไปแล้ว เพราะเขารับประทานมาตั้งแต่เด็ก

“ยังไม่มีเนื้อให้กินเลยค่ะ หรือว่าพรุ่งนี้คุณเหลือเนื้อหมูกลับมาบ้านสักหน่อยดีไหมคะ?” เย่ฉูฉู่ถาม

อาหารหลักของบ้านมีเพียงไข่ไก่ คืนนี้มีปลาหนึ่งตัว เป็นปลาที่พี่รองจ้าวให้มา เขาตกมาได้สองตัว ตัวหนึ่งเก็บไว้รับประทานเอง ส่วนอีกตัวก็เอามาให้เขา

เย่ฉูฉู่ก็ไม่ยอมได้รับประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว เธอให้พี่สะใภ้รองจ้าวสับปลาทั้งสองตัวด้วยกัน จากนั้นก็ทำปลานึ่งซีอิ๊ว

เธอลงเครื่องปรุงอย่างไม่เสียดาย ทั้งยังส่งกลิ่นหอมมาก ทำให้พี่สะใภ้รองจ้าวมีความสุขมากเลยล่ะ

เย่ฉูฉู่ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น แม้พี่สะใภ้รองจ้าวคนนี้จะมีแผนในใจที่ไม่ได้พูดออกมา แต่ก็ไม่ได้ล้ำเส้นของเธอจริง ๆดังนั้นเมื่ออีกฝ่ายให้ปลา เธอก็ยินดีที่จะทำการแลกหมูไปเอาไก่มาเช่นกัน

หากให้พี่สะใภ้รองจ้าวนึ่งปลาด้วยตัวเอง หล่อนย่อมเสียดายที่จะใส่วัตถุดิบเยอะขนาดนั้น อีกอย่างเธอก็ไม่ได้มีวัตถุดิบมากขนาดนั้นด้วย

ตอนค่ำก็นึ่งหมั่นโถวข้าวโพดอีก อาหารการกินนับว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว

“เนื้อพวกนั้นไม่ค่อยดี ผมดูแล้วก็ธรรมดา พรุ่งนี้ผมจะไปถามพี่ซื่อหู่ให้นะ ว่าสามารถสั่งเนื้อชั้นรองมาให้พวกเรากินได้ไหม”จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่ยิ้มกล่าวว่า “อือ คุณซื้อกลับมาแล้วเดี๋ยวฉันจะทำเกี๊ยวให้คุณกินนะคะ”

“ภรรยา คุณช่างดีจริง ๆ เลย” จ้าวเหวินเทาพึงพอใจอย่างยิ่ง จากนั้นจึงกล่าวว่า “ภรรยา มาต่อกันอีกครั้งเถอะ”

เย่ฉูฉู่หน้าแดงระเรื่อ แต่กลับปล่อยให้เขาทำตามใจปรารถนา

เพราะเมื่อคืนยุ่งทั้งคืน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าเช้าวันนี้เหวินเทาตื่นตอนไหน เพราะเธอกำลังนอนหลับอุตุอยู่

จ้าวเหวินเทานำถั่วไม่กี่ชั่งออกจากบ้านแล้ว ตอนที่เขามาถึงโรงฆ่าสัตว์ทางฝั่งนี้ ก็ยังคงเช้าอยู่

วันนี้ได้เนื้อมาไม่น้อย มีเนื้อทั้งหมด 5 ชั่ง ทำให้จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ซื่อหู่ พอจะมีเนื้อชั้นรองไหมครับ? พรุ่งนี้ผมอยากจะเก็บไว้กินที่บ้านสักหน่อยน่ะ”

ไช่ซื่อหู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “บังเอิญจริง ๆ พี่สะใภ้ของนายก็บอกให้ฉันเอาเนื้อกลับไปกินที่บ้านด้วย งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันแบ่งให้นายครึ่งชั่งก็แล้วกันนะ?”

“ตกลง” จ้าวเหวินเทาตอบด้วยรอยยิ้ม

“จะว่าไปนี่ก็อีกไม่นานแล้ว คาดว่าหิมะก็คงจะตกแล้ว ถึงตอนนั้นนายวางแผนจะทำอะไร?” เมื่อไช่ซื่อหู่เห็นว่าเวลายังเช้าอยู่ และไม่ต้องรีบเข้าเมือง จึงเอ่ยถามออกมา

“อากาศหนาวแบบนี้ผมคงเข้าเมืองทุกวันไม่ได้แน่ ๆ ลมหนาวแรงเกินไปร่างกายอาจจะรับไม่ไหว แต่ผมจะมาเอาเนื้อจากพี่ทุกวันนั่นแหละ จะเก็บสะสมไว้สักวันสองวันแล้วค่อยไปขายในเมืองทีเดียว” จ้าวเหวินเทากล่าว

แน่นอนว่าเขามีแผนไว้แล้ว เมื่อหิมะตกก็ไม่ต้องกลัวว่าเนื้อจะเน่าเสีย ต่อให้เก็บไว้สองสามวันก็ไม่ต้องกังวล

ไช่ซื่อหู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ตกลงตามนี้”

จ้าวเหวินเทาจึงเข้ามาในเมือง เนื้อวันนี้ขายออกได้ไม่ยาก เพียงพริบตาเดียวก็ขายหมดเกลี้ยงแล้ว เขาจึงเดินทางไปที่ตลาดการค้าเสรีเพื่อขายถั่ว ถั่วไม่กี่ชั่งย่อมถูกขายออกไปอย่างง่ายดาย จนจ้าวเหวินเทาแอบรู้สึกเสียดายเล็กน้อย เมื่อวานเขาเห็นแล้วว่าถั่วที่บ้านยังไม่โต ยังต้องใช้เวลาประมาณ 2 วัน ไม่เช่นนั้นคงขายทำเงินได้แล้ว

เขามาซื้อหมั่นโถวสองลูกเพื่อรับประทาน จ้าวเหวินเทาขี่จักรยานไปซื้อซีอิ๊วมาอีกหนึ่งขวดก่อนจะกลับมาที่บ้าน

เขาอยากจะลองดูสักหน่อยว่าตกปลาได้สักสองตัวไหม ปลานึ่งซีอิ๊วที่ภรรยาของเขาทำมันอร่อยจริง ๆ

เดิมทีเขาอยากรีบกลับบ้าน คิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างทางกลับบ้านเขาจะพบกับเย่หมิงเป่ยพี่ชายคนที่สามของภรรยาเขา

“พี่สาม จะไปไหนครับเนี่ย?” จ้าวเหวินเทาหยุดพลางกล่าว

“อ้าว เหวินเทา” เย่หมิงเป่ยหน้าตาเป็นอย่างไรไม่ต้องพูดหรอก พันธุกรรมของตระกูลเย่ถูกเปลี่ยนโดยรุ่นของคุณแม่เย่ไปแล้ว ทุกคนต่างก็สวยหล่อกันหมด เย่หมิงเป่ยยิ้มยิงฟันขาวพลางกล่าวว่า “ฉันจะเข้าเมือง ภรรยาของฉันส่งจดหมายมาหา ฉันต้องส่งจดหมายกลับไปหาหล่อน”

“เป็นเรื่องที่ดีเลยนะ ให้ผมพาพี่ไปส่งไหม?” จ้าวเหวินเทาถาม

“ไม่ต้อง ๆ ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก นายกลับไปก่อนเถอะ” เย่หมิงเป่ยเองก็รู้ว่าน้องเขยของเขาคนนี้เข้าเมืองมาค้าขาย จึงกล่าวออกไป

จ้าวเหวินเทาเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้ไปส่งจริง ๆ คาดว่าก็คงมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ จึงไม่กล่าวอะไรและกลับบ้านไป

………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ็นดูพ่อกระต่ายเหวินเทาจริง ๆ เลยค่ะ ขยันทำการบ้านขนาดนี้ลูกเป็นครอกแน่

กิจการเริ่มรุ่งแล้ว

ไหหม่า(海馬)