ตอนที่ 41 นำแป้งทอดกลับไปบ้านแม่

หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขาก็เล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาฟังไปหนึ่งรอบ

 

ไม่มีใครไม่รู้ในเรื่องของเย่หมิงเป่ยและภรรยาปัญญาชนคนนั้น โดยพื้นฐานก็พอจะเดาได้ว่าภรรยาของเขาคงไม่กลับมาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะเขียนจดหมายกลับมา

นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริง ๆ แน่นอนว่าต้องเล่าให้ภรรยาของเขาฟัง

 

เย่ฉูฉู่ย่อมรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่แล้ว จากความประทับใจที่มีต่อพี่สะใภ้สามคนนี้ หล่อนถือเป็นคนที่ไม่เลวเลย แต่ก็เป็นอย่างที่แม่ของเธอพูดไว้ ว่าในเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว หล่อนยังยินดีที่จะกลับมายังชนบทอีกเหรอ?

โดยเฉพาะหลังจากได้เห็นภูมิทัศน์ภายนอก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนึกดูถูกชนบทอยู่แล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเขียนจดหมายกลับมา

 

“คุณไปบอกกับคุณแม่สักหน่อยเถอะ ไม่รู้ว่าในบ้านจะรู้เรื่องนี้รึยัง แล้วก็ถามด้วยนะ อย่าให้พี่สามถูกอีกฝ่ายหลอกเข้าล่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่พยักหน้า “งั้นหลังกินข้าวเที่ยงเสร็จฉันจะกลับไปนะคะ”

เธอปรุงมันเทศเป็นอาหารมื้อเที่ยง ซึ่งเป็นมันเทศที่เพิ่งจะงอกในปีนี้ มีรสชาติหวานมาก ตลอดทั้งปีมีช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่มันเทศอร่อยที่สุดแล้ว

หลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จทั้งสองคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระของตนเอง

จ้าวเหวินเทาหยิบสวิงออกไปจับปลาแล้ว

ส่วนเย่ฉูฉู่ก็ทำการนวดแป้ง จากนั้นเทน้ำมันลงไปในกระทะเพื่อทอดขนมแป้งทอด แป้งทอดนี้หอมมาก ทำให้ทุกคนทั้งผู้ใหญ่และเด็กต่างพากันชะโงกหน้าเข้ามาในห้องครัว

“น้องสะใภ้ เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวเดินเข้ามา ซานหยากับซื่อหยาก็เดินตามเข้ามาด้วยและต่างพากันเขย่งปลายเท้ามองไปที่ด้านในกระทะ

“ขนมแป้งทอดค่ะ” เย่ฉูฉู่สอดไส้ขนมด้วยน้ำตาล เพราะภายในบ้านเหลือน้ำตาลนิด ๆ หน่อย ๆ

ส่วนอย่างอื่นเตรียมไม่ทันแล้ว ดังนั้นทอดด้วยไส้น้ำตาลก็กำลังดี

 

“อาสะใภ้หก หอมมากเลยค่ะ” ซานหยาจ้องตาเป็นมัน

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าต้องหอม เธอดูสิว่าอาใส่น้ำมันถั่วเหลืองที่แบ่งจากในบ้านเทลงไปทอดในหม้อ จะไม่หอมได้ยังไงล่ะจ๊ะ?”

เธอเองก็พอจะรู้ดีว่าฐานะทางบ้านมีจำกัด ทำสิ่งนี้ดูจะฟุ่มเฟือยเกินไปหน่อยจริง ๆ แต่หลังจากที่เธอแต่งงาน นอกจากวันที่สามีภรรยากลับบ้านฝ่ายหญิงเพื่อคารวะพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับไปอีกเลย

เมื่อวานแม่ของเธอยังนำไข่ไก่มาให้ถึงที่บ้าน วันนี้ก็จะกลับไปนั่งคุยที่บ้านอีก เธอจะกลับไปมือเปล่าได้อย่างไรกัน? ในบ้านไม่มีของอย่างอื่นเลย ทำขนมแป้งทอดสักหน่อยก็ดีมากแล้ว

 

หลังจากยุ่งจนถึงช่วงบ่ายสองโมงกว่า ๆ ขนมแป้งทอดก็เพิ่งจะทำเสร็จ เธอเทน้ำมันที่เหลือออกมา ส่วนกระทะก็ไม่ได้ล้าง เก็บไว้ผัดกับข้าวตอนค่ำคงหอมฉุยไม่น้อย

 

เธอทอดขนมแป้งทอดทั้งหมด 8 ชิ้น แบ่งให้คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าว 2 ชิ้น ส่วนที่เหลือเย่ฉูฉู่นำกลับไปให้ที่บ้าน

“คุณปู่ คุณย่า ขนมแป้งทอดอร่อยไหมครับ?” หม่าต้านลูกชายของพี่สามจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวมานั่งยอง ๆ อยู่บนธรณีประตูห้องของชายหญิงชราทั้งสอง ทั้งยังจ้องขนมแป้งทอดสองชิ้นที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ

ไม่ได้มีแค่เขา เถี่ยต้านและหลูต้านก็เหมือนกัน

  

ช่วยไม่ได้ ขนมแป้งทอดที่อาสะใภ้หกทำหอมเกินไปแล้ว ดึงดูดให้พวกเขาไม่ยอมเดินออกไปแม้แต่คนเดียว แต่ยังคงรออยู่อย่างนั้น

แต่เห็นได้ชัดว่าอาสะใภ้หกไม่ได้ให้พวกเขารับประทาน เพราะแยกบ้านกันแล้ว อีกอย่างเธอก็จะนำไปให้ที่บ้านด้วย แต่คุณปู่และคุณย่าได้คนละ 1 ชิ้น

“นี่เป็นของที่อาสะใภ้หกของพวกเธอทำ ย่าแบ่งให้พวกเธอกินหนึ่งชิ้น แต่ต้องจำความดีของอาสะใภ้หกของพวกเธอไว้ด้วยนะ!” คุณแม่จ้าวเห็นพวกหลาน ๆ จ้องตาเป็นมัน จึงเอ่ยปากพูด

ทั้งสามต้านย่อมพยักหน้าหงึก ๆ อยู่แล้ว

คุณแม่จ้าวแบ่งขนมแป้งทอดออกเป็น 7 ส่วน สามต้านได้รับประทาน สี่หยาก็ได้รับประทานเหมือนกัน

ทั้งสามต้านไม่ต้องพูดถึงหรอก ต่างก็กินด้วยใบหน้าพึงพอใจ แถมยังหมดในคำเดียวด้วย พวกเขารู้สึกได้ถึงความหอมหวานและอร่อยมาก!

ซานหยาและซื่อหยารับมาและรีบรับประทานทันที พี่สะใภ้สี่จ้าวที่ดูอยู่ก็แอบด่าพวกเด็ก ๆ ว่าไม่นึกถึงแม่ของตัวเองแม้แต่น้อย แม้แต่กลิ่นก็ยังไม่ได้ดมเลย!

ส่วนต้าหยากับเอ้อร์หยากลับรู้สึกเหนือความคาดหมาย คิดไม่ถึงว่าคุณย่าจะแบ่งให้พวกเธอ เช่นเดียวกับเถี่ยต้านและหม่าต้าน

“แม่คะ…” ต้าหยาหันไปมองแม่ของเธอ

คุณแม่จ้าวเหล่ตามอง สีหน้าของพี่สะใภ้รองพลันแข็งค้างไปครู่หนึ่ง “นี่เป็นของที่อาสะใภ้หกทอดไว้ ลูกกินเถอะจ้ะ”

ต้าหยาจึงยอมรับประทานเข้าไป รสชาติอร่อยมากจริง ๆ เธอเติบโตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้รับประทานขนมแป้งทอดที่อร่อยขนาดนี้

เอ้อร์หยาก็รับประทานส่วนของตัวเองเช่นกัน เธอรับประทานหมดภายในคำเดียว

จนกระทั่งพวกเด็ก ๆ รับประทานเสร็จแล้ว พี่สะใภ้รองจ้าวจึงพูดว่า “น้องสะใภ้หกก็ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว ทอดสิ่งนี้ออกมาโดยไม่เสียดาย ทั้งยังใส่น้ำตาลและน้ำมันด้วย”

น้ำมันขวดนั้นเพิ่งได้มาในปีนี้ ต้องใช้ไปจนถึงปีหน้าเลยนะ แต่น้องสะใภ้หกคนนี้กลับเทมันลงไปเพื่อทอดขนมแป้งทอด

ใช้ชีวิตไม่เป็นเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?

  

“โอ๊ย ใครจะไปเหมือนกับพี่สะใภ้รองกันล่ะคะ เพิ่งจะกินเข้าปากก็เริ่มพูดถึงน้องสะใภ้หกไม่ดีซะแล้ว” พี่สะใภ้สี่จ้าวโพล่งออกมาโดยพลัน

 

พี่สะใภ้รองจ้าวมีสีหน้าตึงไป “เธอพูดอะไรของเธอ ฉันก็แค่เป็นกังวล ใช้ชีวิตแบบบนี้ได้ที่ไหนกัน?”

“จะใช้ชีวิตแบบไหนมันก็เป็นเรื่องของพวกน้องสามี ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาพูดมากหรอกค่ะ!” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจบแล้วก็เดินกลับไป

พี่สะใภ้รองจ้าวมีสีหน้าไม่สู้ดี หล่อนจึงพูดกับพี่สะใภ้สามจ้าว “ตอนนี้น้องสะใภ้สี่เป็นอะไรเนี่ย พูดจากลับตาลปัตรไปหมด!”

พี่สะใภ้สามจ้าวเบ้ปาก หล่อนจะไปทราบได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องสะใภ้คนนี้ หลังจากที่แยกบ้านแล้วหล่อนก็พูดแบบนี้มาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ไม่กล้าแม้แต่จะพูดเสียงดังเลยด้วยซ้ำ มาวันนี้กลับรู้สึกราวกับพวกหล่อนสองคนเป็นหนี้อีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น ป่วยแล้วกระมังเนี่ย

 

อันที่จริงคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวก็รู้สึกว่าทำขนมแป้งทอดก็ค่อนข้างฟุ่มเฟือยไปหน่อย แต่เธอต้องกลับไปหาตระกูลเย่เชียวนะ ต่อให้ฟุ่มเฟือยก็ต้องทำ ถึงอย่างไรนี่ก็นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้กลับไป?

 

อีกอย่างเมื่อวานนี้คุณแม่เย่ก็นำของมาให้มากมายขนาดนั้น ลูกสะใภ้บ้านนู้นจะไม่คิดได้อย่างไรกัน? ลูกสะใภ้นางกลับไปบ้านคราวนี้ถ้าหากไม่นำของดี ๆ กลับไปสักหน่อย คงได้ถูกพวกพี่สะใภ้ที่บ้านเธอกระซิบกระซาบแย่

นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไปแล้ว สถานะย่อมแตกต่างจากตอนที่เป็นน้องสามีในบ้านอยู่แล้ว

ก่อนหน้านี้เป็นคนในบ้านตัวเอง ตอนนี้แม้ว่าจะยังเป็นคนในบ้านแต่ก็เป็นแขก ไม่ได้กลับบ้านไปนานแต่ยังกลับไปมือเปล่าอีก แบบนั้นจะให้คนอื่นมองอย่างไรล่ะ?

แต่เย่ฉูฉู่คงไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก

เธอใช้กระดาษไขห่อขนมแป้งทอดจำนวนหกชิ้นมาให้ แค่นั้นก็ได้รับการต้อนรับอย่างมากแล้ว

พี่ใหญ่เย่หมิงตงมีลูกห้าคน พี่สองเย่หมิงหนานมีลูกสี่คน ส่วนพี่สามเย่หมิงเป่ยไม่มีลูกแม้แต่คนเดียว

ขนมแป้งทอดทั้งหกชิ้นนี้ไม่สามารถแบ่งให้พวกเขาคนละชิ้นได้ ในเมื่อไม่พอแบ่ง ก็ต้องรับประทานคนละครึ่ง แต่ก็รับประทานจนปากชุ่มด้วยน้ำมัน หอมสุด ๆ ไปเลย!

สีหน้าของพี่สะใภ้ใหญ่เย่และพี่สะใภ้รองเย่ดูดีไม่น้อย ในเวลาเดียวกันก็ประหลาดใจนิดหน่อย

น้องเขยน่ะช่างเถอะ เพราะเขาเป็นคนอยู่เป็น ปลาที่เอามาให้ก็ตัวอวบอ้วนเชียว

ส่วนน้องสาวสามีคนนี้ไม่ได้เป็นมิตรเลย ทว่าคิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ดูราศีบนตัวเธอสิ ถ้าไม่รู้จักกันเกรงว่าคงจำไม่ได้เลยกระมัง

“เปลี่ยนไปเยอะเลยจริง ๆ” พี่สะใภ้รองเย่กล่าว

พี่สะใภ้ใหญ่เย่พยักหน้าเห็นด้วย “สุดท้ายก็แต่งงานออกไปแล้ว ทั้งยังเป็นภรรยาของสามีแล้วด้วย”

“พี่ว่าเรื่องที่น้องสะใภ้สามจะกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านปีนี้ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? ทำไมฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลยล่ะ?” พี่สะใภ้รองเย่กล่าว

เย่หมิงเป่ยไม่ได้ปิดบังกับที่บ้าน ดังนั้นภายในบ้านก็ทราบแล้วเช่นกัน

พี่สะใภ้ใหญ่เย่ส่ายหน้า “อย่าไปพูดถึงเลย”

แม้หล่อนจะรู้สึกประหลาดใจมาก แต่น้องสามีสามก็เฝ้ารอน้องสะใภ้สามกลับมาจนตาแดงเถือกหมดแล้ว จะพูดจาบั่นทอนกำลังใจไม่ได้หรอก

…………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

กินก็กินของเขา ยังจะพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขาอีก เขาจะใช้น้ำมันเปลืองหรือเปล่าก็เรื่องของเขาไหม ในเมื่อแยกบ้านกันแล้ว

เดี๋ยวต้องลองทำขนมแป้งทอดนี่บ้างแล้วล่ะค่ะ ให้อารมณ์เหมือนโดนัทไส้น้ำตาลเลย

ไหหม่า(海馬)