“แอนโธนี่ ตอนที่ถังถังตกจากหน้าผา หลังจากนั้นเธอไปอยู่ที่ไหน นายหาไม่เจอจริงๆ เหรอ?” ซูฉิงถามด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด
“อืม” แอนโธนี่พยักหน้า “พี่เอด้า บางทีถ้าพี่ออกโรงเองอาจจะเจออะไรก็ได้นะ”
ซูฉิงหรี่ตา ฝีมือของแอนโธนี่อยู่ในระดับเดียวกับเธอ เธอเพียงแค่ดีกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
แม้แต่แอนโธนี่ยังหาไม่เจอ เรื่องนี้มันแปลกมาก
แอนโธนี่และซูฉิงเดินออกจากประตูใหญ่ตระกูลฮ่อกรุ๊ป
ชูฉิงส่งแอนโธนี่กลับโรงแรม “แอนโธนี่ วันนี้ขอบคุณนะ”
แอนโธนี่ตบไหล่ซูฉิงและพูดพร้อมรอยยิ้ม “เอด้า ทำไมพี่ถึงสุภาพกับฉันขนาดนั้นล่ะ?”
วินาทีถัดมา แอนโธนี่
สีหน้าของเขาเริ่มจริงจังอีกครั้ง “แต่ว่านะ มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ”
ซูฉิงตกใจ “เรื่องอะไรน่ะ?”
“พี่เอด้า ถ้าพี่รู้ว่าถังรั่วอิงจะเอาแผนเสนอราคาของตระกูลฮ่อกรุ๊ปไปให้ BPL เพื่อใส่ร้ายพี่ จริงๆ แล้วพี่น่าจะบอกฮ่อหยุนเฉิงให้ขึ้นราคานะ
ตอนนี้ทำแบบนี้ ถึงจะล้มถังรั่วอิงได้ แต่ก็จะทำให้ตระกูลฮ่อกรุ๊ปสูญเสียโครงการเป่ยไห่วาน”
“ทำไม นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้ตระกูลฮ่อกรุ๊ปเสียโครงการเป่ยไห่วานไปงั้นเหรอ?” ซูฉิงกล่าวอย่างขบขัน
แอนโธนี่พูดอย่างตื่นเต้น “พี่เอด้า พี่ยังมีไม้ตายอะไรอีกใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ” ซูฉิงพยักหน้านิ่งๆ
แอนโธนี่สงสัย “พี่เอด้า ช่วยกระซิบบอกทีได้ไหม?”
ซูฉิงจงใจปล่อยให้อยากรู้ “อีกไม่กี่วันนายก็รู้แล้ว”
“ผมว่าแล้ว อย่างพี่เอด้าออกโรงทั้งทีไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นหรอก!” แอนโธนี่แซว
ซูฉิงกลับมาถึงเฉิงตงฮวาหยวน ทันทีที่เข้าประตูมาและกำลังจะปิดประตู ทันใดนั้นก็มีร่างแสนคุ้นเคยมาปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ
“เฉินจุนเหยียน?” ซูฉิงผงะไปเล็กน้อย
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาต้องถ่ายละครอยู่เหรอ?
“ซูฉิง ฉันเห็นรายงานข่าวบนอินเทอร์เน็ต เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” น้ำเสียงของเฉินจุนเหยียนพูดด้วยความเป็นกังวล
ซูฉิงยิ้ม “เข้ามาคุยก่อนสิ”
เฉินจุนเหยียนเดินเข้าประตูมา จ้องซูฉิงด้วยสายตาลึกซึ้ง “ทุกคนบนอินเทอร์เน็ตต่างบอกว่าเธอเป็นคนหลุดเรื่องเสนอราคาของตระกูลฮ่อกรุ๊ปจนทำให้ตระกูลฮ่อกรุ๊ปแพ้โครงการเป่ยไห่วาน มากเกินไปจริงๆ!”
“นายเชื่อไหมล่ะ?” ซูฉิงกระตุกมุมปาก
เฉินจุนเหยียนพูดอย่างจริงจัง “แน่นอนว่าไม่เชื่อน่ะสิ!”
ซูฉิงเนี่ยนะเป็นคนเอาเรื่องเสนอราคาไปพูด จะเป็นไปได้ที่ไหนกันล่ะ?!
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระตุกริมฝีปากถาม “ถังรั่วอิงใส่ร้ายเธอใช่ไหม?”
ซูฉิงพยักหน้า “ใช่”
“ให้ฉันช่วยไหม…”
ก่อนที่เฉินจุนเหยียนจะพูดจบ ซูฉิงก็พูดขัดจังหวะ “ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
“ว่าแต่นายมาหาฉันทำไมเหรอ?” ซูฉิงถามอีกครั้ง
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของเฉินจุนเหยียน “คืนพรุ่งนี้เป็นงานประกาศรางวัลแล้วนะ เธอจะไปงานตรงเวลาแน่นอนใช่ไหม?”
“ถ้านายไม่บอก ฉันก็เกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย” ซูฉิงถูขมับและพูดอย่างรู้สึกผิด
ดวงตาของเฉินจุนเหยียนมืดลง พิธีมอบรางวัลในวันพรุ่งนี้จะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และเขาก็ได้เตรียมพร้อมไว้อย่างดีหมดแล้ว
เขาจะสู่ขอซูฉิงต่อหน้าทุกคนในโลกใบนี้
ถ้าถึงตอนนั้นคงจะน่าอายถ้าตัวเอกอย่างซูฉิงไม่มาปรากฏตัว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฉินจุนเหยียนก็มองเข้าไปในนัยน์ตาของซูฉิง และพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก “ซูฉิง พรุ่งนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันเลยนะ เธอต้องไปเข้าร่วมให้ได้นะ ฉันไปรับเธอไหม?”
ซูฉิงยิ้ม “ฉันสัญญาว่าจะไปก็ไม่มีทางผิดสัญญาหรอก”
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ” เฉินจุนเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขามองเวลา “ซูฉิง ทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ มีบางอย่างเกี่ยวกับสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่ฉันอยากคุยกับเธอพอดีเลย”
ซูฉิงพยักหน้า “ได้สิ”
ทั้งสองเดินออกจากคอนโด ซูฉิงกำลังจะเข้าไปในรถของเฉินจุนเหยียน ทว่าอู๋ชิงหร่านก็พุ่งเข้ามาทั้งยังชี้หน้าสาปแช่งซูฉิง “ซูฉิง เธอมันยัยจิ้งจอกไร้ยางอาย!!”
เมื่อเห็นสีหน้าโมโหของอู๋ชิงหร่าน ซูฉิงจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอหันศีรษะเหลือบมองเฉินจุนเหยียนและพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เฉินจุนเหยียน นายไปตกลงกับเขาให้เรียบร้อยไป”
สิ้นเสียง ซูฉิงก็ขึ้นไปนั่งบนรถและไม่สนใจอู๋ชิงหร่านอีก
เธอไม่อยากเสียเวลากับคนไม่สำคัญ
พอเห็นสีหน้าดูถูกของซูฉิงที่ไม่แม้จะมองเธอ อู๋ชิงหร่านจึงทวีความโมโหขึ้น
เฉินจุนเหยียนขวางอู๋ชิงหร่านเอาไว้ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “อู๋ชิงหร่าน หยุดสร้างปัญหาได้แล้ว!”
“ฉันเนี่ยนะสร้างปัญหา?” อู๋ชิงหร่านเม้มริมฝีปาก “เฉินจุนเหยียน ทำไมนายไม่รับสายฉัน ทำไมไม่มาเจอฉันเลย?”
อู๋ชิงหร่านอยากได้คำอธิบายจากเฉินจุนเหยียน แต่เขากลับไม่แคร์อะไรเธอเลย
เธอไม่เจอตัวเฉินจุนเหยียน เธอที่ไม่มีทางเลือกจึงทำได้แค่มาหาซูฉิง
เธอต้องการเตือนซูฉิงว่าให้หล่อนห่างจากเฉินจุนเหยียนซะ!
แต่เธอไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เธอเจอ เฉินจุนเหยียนและซูฉิงนั้นจะอยู่ด้วยกัน
ต้องเป็นเพราะยัยจิ้งจอกไร้ยางอายอย่างซูฉิงแน่ที่คอยมายุ่งกับเฉินจุนเหยียน!
“ฉันบอกเธอไปชัดเจนแล้วนะว่าระหว่างเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน!” เฉินจุนเหยียนหรี่ตาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อู๋ชิงหร่าน วันหลังกรุณาอย่ามายุ่งกับฉันอีก และอย่ามาเรื่องซูฉิงด้วย”
หลังจากหยุดพูดไป ดวงตาของเฉินจุนเหยียนก็เย็นยะเยือกขึ้น “ไม่อย่างนั้นฉันไม่สนหรอกนะเรื่องอื้อฉาวของเธอน่ะ”
“เฉินจุนเหยียน ฟังฉันก่อน…”
อู๋ชิงหร่านยังไม่ทันพูดจบ เฉินจุนเหยียนก็ผลักเธอออกอย่างไม่สบอารมณ์และเดินขึ้นรถไป
ประตูปิดลงอย่างรวดเร็ว
เฉินจุนเหยียนสตาร์ทรถ
ซูฉิงถามเสียงเรียบ “เสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม” เฉินจุนเหยียนพูดอย่างจริงจัง “ซูฉิงเธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเธออีก”
ตราบใดที่เขาประสบความสำเร็จในการขอซูฉิงแต่งงานในพิธีมอบรางวัลในวันพรุ่งนี้ ก็จะไม่มีใครสามารถนินทาพวกเขาได้อีก
เขาตั้งตารอช่วงเวลานั้นมากจริงๆ
เฉินจุนเหยียนรู้จักซูฉิงดี ต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอไม่มีทางปฏิเสธเขาแน่
ซูฉิงเอนตัวพิงเบาะ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาอ่านข่าวอยู่ครู่หนึ่ง
รายงานข่าวเกี่ยวกับการเสนอราคาของตระกูลฮ่อกรุ๊ปที่รั่วไหลของเธอหายไป
ฮ่อหยุนเฉิงหาคนมาลบงั้นเหรอ?
เวลานี้…เขาน่าจะอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?
ซูฉิงขมวดคิ้วก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มของเฉินจุนเหยียน “ถึงแล้วล่ะซูฉิง ลงรถเถอะ”
เฉินจุนเหยียนจอดรถไว้หน้าร้านอาหารเสฉวนร้านหนึ่ง
“ซูฉิง เธอชอบอาหารรสจัดนี่ ร้านนี้รสชาติดีมากเลยนะ” เฉินจุนเหยียนยกยิ้มมุมปากบางๆ
เช่นเคย เขาได้เคลียร์จองร้านอาหารไว้ล่วงหน้าแล้ว
เฉินจุนเหยียนไม่ชอบถูกรบกวนเวลาอยู่กับซูฉิง
ทั้งสองนั่งลง เฉินจุนเหยียนจึงยื่นเมนูให้ซูฉิง “ซูฉิง เธอลองดูนะว่าจะกินอะไร”
ซูฉิงสั่งอาหารมาแบบสุ่ม “เอาเท่านี้แหละ”
ไม่นานอาหารก็ขึ้นโต๊ะ และซูฉิงก็กินอย่างมีความสุข
เหมาะกับรสนิยมของเธอจริงๆ
“จริงสิ นายไม่ได้บอกว่ามีเรื่องบริษัทจะคุยกับฉันหรอกเหรอ?” จู่ๆ ซูฉิงก็นึกขึ้นได้ ก่อนจะเช็ดปากแล้วเอ่ยถาม
เฉินจุนเหยียนพยักหน้า ก่อนจะกระแอมแล้วพูดว่า “คือมันอย่างนี้นะ เดือนหน้าละครต่อสู้ในวังของบริษัทเรื่อง “โห้วกงเฟิงเยว่” ฉันวางแผนที่จะใช้หลิวเสี่ยวหนิงไม่ก็เจียงเสว่ยี๋มาเป็นนางเอก เธอลองออกความเห็นทีสิ?”
ซูฉิงยิ้ม “เรื่องพวกนี้นายตัดสินใจเองก็ได้นี่”
เนื่องจากหลิวเสี่ยวหนิงมาเป็นคนโปรโมท น้ำแข็งและไฟ ของตระกูลฮ่อกรุ๊ป ความนิยมของเธอจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งยังได้รับโฆษณาหลายชิ้น
แต่เจียงเสว่ยี๋เองก็เป็นนักแสดงยอดนิยมภายใต้สตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ทั้งยังได้รับรางวัลรางวัลม้าทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมประจำปีนี้อีกด้วย
อารมณ์นิสัยของหลิวเสี่ยวหนิงนั้นสอดคล้องกับนางเอกมากกว่า แต่ในแง่ของประสบการณ์นั้นเจียงเสว่ยี๋จะเหมาะสมกว่า
“ฉันจะลองคิดดูอีกที” เฉินจุนเหยียนยังลังเลเล็กน้อย