บทที่ 7 ระบบ เราเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กันเถอะ

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

คำถามของฟางหนิงถูกกลั่นกรองมาอย่างดี และยังเป็นกุญแจสำคัญมาก เพราะมันเกี่ยวพันถึงการที่เขาเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน

แต่หลังจากระบบได้ยินคำถามของเขา มันกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลยสักนิด หรือจะตกใจตายไปแล้ว

นั่นทำให้ฟางหนิงเสียความมั่นใจเล็กน้อย ถ้าเขาทำให้เจ้าไอคิวขัดข้อง ตัวเขาที่ถูกมันครองร่างอยู่จะเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิตไหมนะ…

โชคดีที่ระบบนี้ไม่ใช่แอปพลิเคชันเกรดสามที่ฟางหนิงพัฒนาขึ้นซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุง อัปเกรด และบำรุงรักษาอยู่บ่อยครั้ง หลังจากผ่านไปหลายอึดใจมันก็ตอบกลับมา

“ไม่ง่ายแบบนั้น ส่วนเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงกว่านั้นระบบก็ไม่รู้เหมือนกัน ระบบรู้แค่ว่ากฎที่มอบให้ระบบเป็นแบบนี้ มีเพียงแต่ต้องปฏิบัติตามกฎเท่านั้นถึงจะได้รับความแข็งแกร่งทีละขั้นๆ ไม่มีพลังใดที่ได้มาฟรีๆ บอกตามตรง ในสายตาระบบ อนาคตมืดมนมาก อยากมีชีวิตต่อไปก็ต้องทำงานหนักตลอดเวลา ต่อไปนี้เวลาปล่อยตัวที่ให้โฮสต์ก็ต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ จะเสียเวลาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว ไม่อย่างนั้นหากระบบถูกจับได้ ระบบก็จะถูกเก็บกลับไป”

คำพูดของระบบทำให้ฟางหนิงหนักอกหนักใจไม่น้อย อนาคตมืดมนขนาดนั้นจริงเหรอ สิ่งนี้ทำให้เขาตกอยู่ในห้วงความคิดดำดิ่ง

เขากำลังคิด อนาคตจะมืดมิดขนาดนั้นได้อย่างไร

ในอนาคตฉันจะนอนดึก เล่นเกม และอ่านนิยายไม่ได้แล้วจริงๆ เหรอ

อนาคตที่อ่านนิยายไม่ได้ เล่นเกมไม่ได้มันก็มืดมนจริงๆ นั่นแหละ!

ฟางหนิงนิ่งเงียบ จ้องมองร้านตีเหล็กที่เตากำลังเผาไหม้ในพื้นที่ของระบบ

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จู่ๆ เปลวไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ในเตาก็จุดประกายแรงบันดาลใจบางอย่างให้แก่ฟางหนิงทันที

ฟางหนิงมีชีวิตชีวา ใครบอกว่าร่างกายถูกระบบครองร่างแล้วจะเล่นสนุกไม่ได้กัน

ในฐานะผู้ป่วยโรคผัดวันประกันพรุ่งอย่างรุนแรง + มะเร็งขี้เกียจ เวลาว่างของเขาจึงใช้ไปกับเกมและนิยาย

วันชาติเป็นวันที่เขาโปรดปรานที่สุดหลังเลิกงาน เขาสามารถอยู่บ้านตลอดทั้งสัปดาห์เพื่อเล่นเกมและอ่านนิยายโดยไม่ต้องออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวได้ หรือถ้าเขาต้องออกไปจริงๆ นั่นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว คือออกไปเอาอาหารเดลิเวอรี่ที่สั่งมา

“เฮ้ นายท่านระบบ ดูสิ กระผมเพิ่งพยายามช่วยนายท่านวางแผนทั้งสองอย่าง ทั้งทำเงินเพื่อเลี้ยงปากท้อง ทั้งรับค่าประสบการณ์โดยการดึงดูดปีศาจเลยนะ ขอแค่นายท่านใช้มัน มันจะต้องมีประสิทธิภาพกว่าวิธีเก๋ากึ๊กของนายท่านเป็นสิบเท่าเชียวล่ะ ดูจากคำแนะนำทั้งสองด้านแล้ว นายท่านให้รางวัลล่วงหน้าได้ไหมขอรับ”

ระบบเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ

“อยากได้อะไร”

“ในเมื่อพื้นที่ระบบของแกสามารถสร้างร้านตีเหล็กได้ งั้นก็สร้างร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ได้ไหม ไม่ต้องใหญ่มาก แค่ยัดคอมพิวเตอร์เข้าไปได้สักสองเครื่องก็พอ” ฟางหนิงพูดทันที

“ไปให้พ้น!”

ช่างเป็นคำสามคำที่กระชับ หนักแน่น และแสดงความหมายของระบบได้ชัดเจนมาก

“ไม่ ไม่ ฟังให้จบก่อนสิ ฉันไม่ได้จะเอามาเล่น (ซะเมื่อไหร่ล่ะ) ถึงตอนนั้นเราทำงานคู่กันก็ได้ ฉันจะอยู่ข้างในคอยประเมินการต่อสู้ให้แก (เล่นเกม) สรุปประสบการณ์ของอีกฝ่าย (อ่านข่าวนวนิยายออนไลน์) และสุดท้ายก็ออกแบบแผนการ (แค่พูดไปอย่างนั้นแหละ แต่ไม่ทำหรอก) แกอยู่ข้างนอกสามารถใช้ร่างกายของฉันเก็บกวาดปีศาจหาเงิน (วิ่งไปทั่วแบบฟูลไทม์) ส่วนเวลาปล่อยตัวฉันลดให้ครึ่งหนึ่งเลย เทียบกับคนอื่นๆ ที่ทำงานคนเดียว ประสิทธิภาพของเราจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าใช่ไหมล่ะ”

ขณะที่ระบบไอคิวค้างไปแล้ว ฟางหนิงก็เสนอตัวช่วยมันเพิ่มความแข็งแกร่ง และสุดท้ายระบบก็ติดกับ

‘ระบบกำลังพิจารณา…’

ฟางหนิงมั่นใจมากว่าไอคิวของระบบนี้ถูกเขาจับทางได้หมดแล้ว หลังจากรอไม่นาน เขาก็เห็นข้อความแจ้งเตือนของระบบตามที่เขาต้องการ

‘ระบบเห็นด้วยกับคำแนะนำของโฮสต์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ และตัดสินใจเปิดอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในพื้นที่ของระบบให้โฮสต์ คอมพิวเตอร์และพาวเวอร์ซัพพลาย โฮสต์สามารถหาซื้อจากข้างนอกเข้ามาใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม ค่าประสบการณ์ปัจจุบันไม่เพียงพอจึงไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายเรียลไทม์ภายนอกได้’

“งั้นยังจะรออะไรอยู่ล่ะ ไปกันเถอะ คุณลุงระบบ เราไปผดุงคุณธรรมกัน เอาแผนที่เก็บกวาดปีศาจของแกให้ฉันดูก่อน ฉันจะวางแผนเส้นทาง ยังไงก็อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าอีกสองสามชุด เก็บกวาดได้มาก แต่ก็ตกอยู่ในอันตรายได้ง่ายและตกเป็นเป้าได้ง่ายด้วย ยังมีปัญหาเรื่องลายนิ้วมือ เรื่องดีเอ็นเออีก ปัญหาเรื่องตัวตนที่แท้จริงของเราและตัวตนของอัศวิน

“เฮ้ ดูสิ ดูสิ แกละเลยข้อควรระวังไปกี่ข้อแล้ว ฉันยังไม่ได้แนะนำแกเลย ถ้ายังเก็บกวาดต่อ อีกไม่เกินสัปดาห์ แกต้องได้เข้าไปหายใจในห้องขังแน่ ยังคิดจะเพิ่มพลังอีกเหรอ แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้น่ะ ฉันเห็นจากอินเทอร์เน็ตแล้ว ดูสิว่าการเปิดร้านอินเทอร์เน็ตให้ฉันมันจำเป็นแค่ไหน…”

เที่ยงคืนแล้ว เวลานี้ของเมื่อวานฟางหนิงยังคงหลับอุตุ ตลอดช่วงกลางวันผู้ชายคนนี้ก็ยืนดูกระบวนการทั้งหมดโดยไม่พูดอะไรเลย

แต่ตอนนี้เขากลับคิดจะเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ กลับกลายเป็นฝ่ายกระตือรือร้นขึ้นมาเสียอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เขากล่าวถึงดูเหมือนจะถูกต้อง

ระบบครุ่นคิดก็เข้าใจกระจ่าง ชั่วขณะหนึ่งตนรู้สึกเหมือนถูกโฮสต์จอมขี้เกียจล่อหลอก แต่อีกเดี๋ยวก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาพูดสมเหตุสมผลมาก

ท่ามกลางความสงสัยของระบบ ฟางหนิงผู้เล่นผู้ช่ำชองก็ได้แผนที่กระจายปีศาจ (อาชญากร) มาอย่างรวดเร็ว และวางแผนวิธีที่ดีที่สุดที่จะเก็บกวาดปีศาจในคืนนี้ นั่นทำให้คุณลุงระบบสลัดความสงสัยทิ้งไปทันที กลับกันมันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร หรือต้องฆ่าๆๆ ทิ้ง…

………………

จ้าวอิ๋งกลับถึงบ้านเช่าตอนกลางดึกพร้อมท้องร้องโครกคราก แต่เธอไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิด ตอนกลางวันถูกเรียกตัวไปสถานที่มืดมนแห่งนั้นมา แล้วยังต้องเก็บบันทึกต่างๆ ลายเซ็นต่างๆ ปั๊มลายนิ้วมือ เจาะเลือดตรวจดีเอ็นเอ ทำเอาเธอหมดแรงสุดๆ

โชคดีที่ทุกอย่างจบลงแล้ว แต่ทันทีที่เธอหลับตา ภาพศพตายตาไม่หลับนั่น รวมถึงภาพชายที่ช่วยเธอก็พลันปรากฏขึ้นในหัว ร่างทั้งคู่แกว่งไปมา และบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวของที่เกิดเหตุ ก็ทำเอาเธอรู้สึกว่าจะมีฆาตกรอีกคนโผล่ออกมาอย่างไรอย่างนั้น

อีกอย่างตอนนี้ภายในบ้านเช่าก็เงียบสนิท ก่อนหน้านี้เวลากลางดึกเธอมักจะได้ยินเสียงวิดีโอเบาๆ ดังมาจากห้องข้างๆ ตลอด ตอนนั้นผู้ชายคนนั้นคงคิดว่าเธอหลับอยู่จึงไม่คิดจะใส่หูฟัง แต่ตอนนี้ภายในห้องนั้นกลับเงียบสนิท ไม่มีแสงลอดออกมาจากใต้ประตู

ส่วนคู่รักที่อาศัยอยู่อีกห้องก็ดูเหมือนจะไม่อยู่ด้วย ทั้งบ้านเช่าแห่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีใครเลยนอกจากเธอ

เวลานี้เธอคิดถึงผู้ชายคนนั้นจริงๆ อย่างน้อยถ้าเขาอยู่ที่นี่ เธอก็ยังรู้สึกปลอดภัยในบ้านหลังนี้ เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นดี เขาเป็นคนซื่อตรงมาก และแทบไม่เคยคุยกับเธอเลย เช่าบ้านด้วยกันมามากกว่าสองปีแล้วยังไม่เคยเห็นเขาพูดอะไรสักคำ

ช่างเถอะ ก็แค่ลุกขึ้นไปหาของว่างยามดึก ท่องอินเทอร์เน็ตทั้งคืน กินไปดูไอรอนแมนไปก็น่าจะผ่านมันไปได้สิน่า เธอคิดอย่างนั้น จากนั้นจึงเปิดไฟทั้งหมดที่สามารถเปิดได้เพื่อทำให้ห้องสว่างขึ้น นั่นทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย

จ้าวอิ๋งมาที่ห้องครัวและคิดจะทำมื้อดึก แต่เธอกลับได้กลิ่นหอมจางๆ ซึ่งทำให้เธออยากอาหารไม่น้อยเลยทีเดียว

…………

‘ฟางหนิง’ กลับมาที่ห้องเช่าพร้อมความง่วงงุน เขาต่อสู้กับปีศาจมาทั้งคืน ตอนนี้เวลาก็ล่วงเข้าตีสี่แล้ว เขาไขกุญแจเปิดประตู แต่กลับพบว่าห้องนั่งเล่นสว่างไสวและยังมีเสียงระเบิดดังมาจากห้องข้างๆ ด้วย

“กลับมาแล้วเหรอ” จู่ๆ ประตูห้องถัดไปก็เปิดออก สาวสวยที่อาศัยอยู่ร่วมกันยื่นหน้าออกมา พอเห็นว่าเป็นเขา เธอก็ดูโล่งใจ

‘ฟางหนิง’ แค่มองเธอแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร สุดท้ายก็ออกเดินตรงกลับห้องไป

“เฮ้ อาหารนั่นคุณเป็นคนทำมันเองเหรอ ฉันกินหมดแล้ว ของอร่อยขนาดนั้น ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณจะใช้ไข่ หัวหอมหรือกระเทียมของฉันน่ะ” หญิงสาวดูเหมือนกำลังอธิบายบางอย่างให้เขาฟัง แต่ดูเหมือนกำลังหาบทสนทนามาพูดกันมากกว่า

ฟางหนิงหยุดเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ “ถ้าอร่อยขนาดนั้นจริงๆ ผมจะเปิดร้านอาหารเช้า คุณสนใจเข้าร่วมไหม”

จ้าวอิ๋งกำลังจะปฏิเสธกลับไป แต่เมื่อเธอนึกถึงรสชาติสุดโต่งของอาหารเมื่อครู่นี้ น้ำลายก็สออีกครั้ง เธอพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันสนใจ ขอแค่ให้ฉันได้กินอาหารแบบนั้นทุกวันก็พอ”

เธอไม่ใช่คนโง่ เธอเข้าใจถึงคุณค่าของกลิ่นนั้นอย่างถ่องแท้ในเมืองสมัยใหม่แห่งนี้

“งั้นก็เข้านอนเร็วๆ ล่ะ นอนดึกไม่ดีต่อสุขภาพ”

จ้าวอิ๋งได้ยินแบบนั้นก็ซาบซึ้งเล็กน้อย เธอกำลังจะกล่าวขอบคุณ แต่อีกฝ่ายก็พูดต่อ “ถ้าหน้าตาคุณแย่ลง ผมจะพิจารณาเปลี่ยนผู้ร่วมงาน”

ให้ตายเถอะ ที่แท้ก็คิดจะขายหน้าตาฉันเพื่อดึงดูดลูกค้า!

แต่ก็นับว่าตามีแวว มีอาหารดีๆ พร้อมกับสาวสวย ฉันนึกไม่ออกเลยว่าร้านจะเจ๊งได้ยังไง

จ้าวอิ๋งมองฟางหนิง ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายที่แต่งตัวสะอาดสะอ้านดูหล่อจริงๆ

เมื่อคืนวานก่อนจะออกไปตกลูกเศรษฐีนั่น ทั้งสองได้พบหน้ากัน เธอก็รู้สึกแบบนี้ และตอนนี้ยิ่งเธอรู้ว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ในการทำอาหารก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นตัวแก้ขัดที่ไม่เลวเลยทีเดียว

เธอกลอกตา ไล่ความหวาดกลัวในหัวออกไป จากนั้นจึงกลับไปนอนอย่างมีความสุขทันที

………………………………………………………