ตอนที่ 505 เวลาทั้งหมดของคุณเป็นของผม
เธอเหลือบสายตาไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เห็นข้อมูลเยอะแยะมากมายจนลายตา
สมองรู้สึกปวดตุบๆ ขึ้นมาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงรีบเลื่อนสายตาออกมา
“ทำไมช่วงนี้ถึงได้งานเยอะขนาดนี้” เธอขมวดคิ้วถามเสียงดังกังวาล
ปลายนิ้วเย็นๆ ลงน้ำหนักกำลังดี ป๋อจิ่งชวนเอนพนักพิงด้วยท่าทางเหนื่อยล้าและเกียจคร้าน พลางหลับตาลงช้าๆ เพลิดเพลินไปกับการบริการของเฉินฝานซิง
“ดูเหมือนคุณจะยุ่งกว่าผมอีก”
เฉินฝานซิงยกมุมปากเล็กน้อย พอเถอะ ก็กำลังรออยู่ตรงนี้นี่ไง
“เรื่องของบริษัทน่าจะเรียบร้อยไปได้ระยะหนึ่ง ฉีน่าช่วยดูแลควบคุมผู้จัดการให้จำนวนหนึ่ง เรื่องของจี้อี้ฉันก็ยกให้เป็นหน้าที่เธอแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”
ป๋อจิ่งชวนลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ามือเธอเอาไว้เพื่อดึงให้เธอขยับมาข้างตัว จากนั้นก็ยื่นแขนยาวๆ ออกไปโอบเอวของเฉินฝานซิงแล้วกอดเธอเอาไว้ในอ้อมอก
เฉินฝานซิงนั่งอยู่บนตักของป๋อจิ่งชวนอย่างเชื่อฟังว่าง่าย มือของเธอทาบวางอยู่บนไหล่ของเขา พลางก้มหน้ามองใบหน้างดงามนั้น
ไม่ได้มองเขาให้ชัดๆ แบบนี้มาหลายวัน ตอนนี้ดูเหมือนคงจะต้องหน้าแดงหัวใจเต้นรัวอย่างอดไม่ได้อีกแล้ว
สายตาของเธอเริ่มกลอกไปมาจากความลนลาน ป๋อจิ่งชวนเพียงแต่ยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนที่นัยน์ตาดำสนิทจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ระหว่างนั้นเอง น้ำเสียงนุ่มทุ้มก็ดังตามขึ้นมา
“เพราะงั้น เวลาหลังจากนี้ทั้งหมดเป็นของผมแล้วใช่ไหม”
เฉินฝานซิงนิ่งไปพลางขบคิดอย่างตั้งใจ
ทันใดนั้นเอง เอวที่ถูกโอบไว้ก็รู้สึกถึงความเสียวซ่านที่แผ่เข้ามา เฉินฝานซิงสะดุ้งเล็กน้อย ฝ่ามืออุ่นๆ ของป๋อจิ่งชวนสอดเข้ามาภายใต้เสื้อของเธออย่างกะทันหันจนรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน
“ยังต้องคิดอีกเหรอ”
เฉินฝานซิงส่ายหน้า “เปล่านี่ ฉันก็แค่กำลังคิดว่า ทิ้งให้คุณเหงามานานขนาดนี้ ควรจะชดเชยให้คุณยังไงดี”
ใบหน้าหล่อเหลาของป๋อจิ่งชวนเผยรอยยิ้มบางๆ “เพราะงั้น คิดออกหรือยังว่าจะชดเชยให้ผมยังไง”
เฉินฝานซิงยกมือขึ้นมาลูบไปตามคิ้วหนาเข้มคู่นั้นของป๋อจิ่งชวน ความเหนื่อยล้าที่ปรากฎอยู่บนนั้นชัดเจนเสียยิ่งกว่าสิ่งไหน
“เลิกทำงานได้แล้ว ดีไหม วันนี้นอนเร็วหน่อยเถอะ”
ป๋อจิ่งชวนจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคว้ามือของเธอมาวางไว้บนปลายเรียวปากแล้วบรรจงจูบเบาๆ
“ได้ ผมจะตามใจคุณ”
ท่าทางเฉินฝานซิงผ่อนคลายลงพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย ระหว่างที่กำลังจะลุกออกมาจากอ้อมกอดของเขา ทั้งตัวของเธอก็โดนป๋อจิ่งชวนรัดไว้ในอ้อมแขนก่อนจะอุ้มไปยังหน้าประตูห้องหนังสือทันที
“นี่ คุณวางฉันลงนะ ฉันเดินเองได้”
ป๋อจิ่งชวนทำเป็นหูทวนลมพลันอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอน
จากนั้นก็วางเธอลงบนเตียง เขาก้มหน้าลงทอดมองลึกเข้าไปในดวงตาสีดำคู่นั้นของเฉินฝานซิง สีหน้าของเธอเองก็ดูเหนื่อยล้าไม่แพ้กัน น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นฟังดูระอา
“เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปอาบน้ำ”
เฉินฝานซิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะพยักหน้าแล้วลงจากเตียงไป หลังจากที่หยิบชุดคลุมอาบน้ำออกมาได้ก็เดินเข้าห้องน้ำไปทันที
ครั้นเมื่อเธอกลับออกมาอีกครั้ง ก็เห็นป๋อจิ่งชวนกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่ริมน้ำต่าง
“ไม่จำเป็น ก็ทำเหมือนกับปีก่อนๆ นั่นแหละ ไม่จำเป็นต้องลำบาก เรื่องของผม ไม่มีใครมาควบคุมได้”
คิ้วของเฉินฝานซิงขมวดเล็กน้อย เพียงแค่ฟังจากคำพูดของป๋อจิ่งชวน ดูเหมือนเธอจะเดาออะไรบางอย่างได้
“พอแล้ว”
น้ำเสียงของป๋อจิ่งชวนแสดงถึงความโมโห สุดท้ายก็ตัดสายทิ้งไป
เมื่อหันกลับมา ก็เห็นเฉินฝานซิงยืนอยู่ด้านหลัง ดวงตาสีนิลคู่นั้นสั่นไหวเล็กน้อย
เฉินฝานซิงใจเต้น ก่อนจะส่ายสายตามองไปยังโทรศัพท์ในมือของป๋อจิ่งชวน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มมุมปาก
“ใช่คุณพ่อคุณแม่คุณโทรมาหรือเปล่า”
ป๋อจิ่งชวนเดินเข้าไปใกล้เธอ พลันโยนโทรศัพท์ทิ้งลงบนเตียงแล้วก้มหน้าลงมองเธอ แล้วสูดดมกลิ่นตัวหลังจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จของเธอ ก่อนจะโอบเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอดเบาๆ
ตอนที่ 506 หารือเรื่องงานแต่ง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เพราะฉันฉลาดไง”
“เหอะ”
ป๋อจิ่งชวนลูบผมเธอเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่จูงเธอไปที่ขอบเตียงแล้วอุ้มเธอเข้าไปในผ้าห่ม
ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวนอย่างเดิม เฉินฝานซิงได้แต่ถอนหายใจออกมา
“เกรงว่าต่อไปคงจะชินกับอ้อมกอดของคุณแล้ว ตอนนี้รู้สึกเลยว่าถ้าไม่ได้คุณกอด ไม่ได้กลิ่นของคุณ การนอนหลับช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน คุณว่าต้องทำยังไงดี”
ป๋อจิ่งชวนกระชับกอดให้แน่นขึ้น พลางส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ทำยังไงอะไร แค่ไม่จากผมไปไหนก็พอแล้ว”
“อืม…งั้นคุณก็จะไม่จากฉันไปเหมือนกันใช่ไหม”
ป๋อจิ่งชวนก้มหน้ามองเธอปราดหนึ่ง สบเข้ากับดวงตาสุกใสเป็นประกายของเธอ
ภายในดวงตาคู่นั้นกำลังสะท้อนดวงตาดำขลับของเขา อีกทั้งเขายังเห็นแววตาของตัวเองในดวงตาของเธอได้อย่างชัดเจน
เขาก้มหน้าลงมาจูบลงไปบนปลายจมูกของเธอเบาๆ “ไม่จากคุณไปไหนหรอก เพราะงั้นคุณรีบแต่งงานกับผมให้เร็วขึ้นหน่อยสิ”
เฉินฝานซิงเพียงแค่อมยิ้ม คุณยังไม่เตรียมตัวขอแต่งงานเลย แล้วฉันจะแต่งได้ยังไง
ดวงตากะพริบเบาๆ จากนั้นสายตาของเฉินฝานซิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ก่อนจะซุกหน้าลงไปในอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวน
“ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอน”
เฉินฝานซิงร้องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงงอแงก่อนจะใช้ตัวดันอ้อมอกเขาเบาๆ
“งอแงเหรอ หืม?”
“…” เฉินฝานซิงกระแทกลำตัวอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง มือที่อยู่บนเอวก็รัดแน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างกะทันหัน ป๋อจิ่งชวนยกขาขึ้นมาหนีบขาที่กำลังสะบัดไปมาของเฉินฝานซิงทั้งสองข้าง จากนั้น น้ำเสียงทุ่มต่ำแหบพร่าก็ดังขึ้น
“ไม่เหนื่อยแล้วใช่ไหม”
“…” เฉินฝานซิงแน่นิ่งไปชั่วขณะ
–
เฉินเชียนโหรวและเจียงหรงหรงในตอนนี้กำลังถูกปัญหารุมเร้าจนใกล้จะเสียสติเต็มทนแล้ว คอยเอาแต่เฝ้าหุ้นของบริษัทอยู่ที่บริษัทติดกันเป็นเวลาหลายวัน ถึงนัดเจอผู้ถือหุ้นรายอื่นในบริษัทแต่ก็เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงไม่ได้
สถานการณ์ของหลานอวิ้นตอนนี้กำลังสั่นคลอน ผู้ถือหุ้นรายใหม่รวบรวมหุ้นไว้ในครอบครองได้สามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนในมือของพวกเธอมีอยู่สามสิบห้าเปอร์เซ็นต์ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทไปแล้ว ถ้าหากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกว้านซื้อหุ้นต่อไป หลานอวิ้นก็จะเปลี่ยนมือเจ้าของอย่าสมบูรณ์ในทันที
ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เฉินฝานซิง อย่างนั้นก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเฉินฝานซิงจะถือโอกาสนี้ขายหุ้นในมือที่ตัวเองมีอยู่ออกไป
สิบห้าเปอร์เซ็นต์ อย่างไรเสีย บริษัทก็ต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
หากอำนาจการตัดสินใจไปอยู่ในมือของผู้อื่นแล้ว ถ้าอย่างนั้น หลานอวิ้นในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
ในภาวะสถานการณ์แบบนี้ ฝ่ายตรงข้ามกลับเลือกรับซื้อหุ้น เห็นได้ชัดว่าต้องมีเจตนาร้ายแน่ๆ
เห็นเจียงหรงหรงท่าทางเหนื่อยล้าสีหน้ากังวลในช่วงหลายวันมานี้ เฉินเชียนโหรวเม้มริมฝีปากก่อนจะพูดปลอบใจเบาๆ
“คุณย่า อย่าเพิ่งร้อนรนไป ในมือของคุณปู่ยังมีหุ้นอยู่อีกไม่ใช่เหรอคะ ย่าลองพูดกับท่านดู ท่านน่าจะช่วยพวกเรานะ…”
เจียงหรงหรงส่ายหน้า “เรื่องหุ้นในมือปู่อย่าเพิ่งคิดกังวลกันเลย ย่ากำลังคิดว่า หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในมือพี่สาวแกนั้น กำลังตกอยู่ในอันตรายเกินไป”
ดวงตาเฉินเชียนโหรวเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย “เพราะงั้น คุณย่าหมายความว่า…”
เจียงโหรวโหรวขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด
“ในเมื่อมีซิงเฉินกั๋วจี้อยู่แล้ว ทำไมถึงได้อยากครอบครองหลานอวิ้นอีก...”
เวลานี้ ใบหน้าของเฉินเชียนโหรวไร้ซึ่งรอยยิ้ม เธอยังคงรู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย “แต่ว่าพี่เธอจะยอมวางมือง่ายๆ เหรอคะ”
แววตาของเจียงหรงหรงฉายประกายของความคิดตรึกตรองออกมาครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บสายตานั้นกลับไป แล้วถอนหายใจเบาๆ
“แกอย่ากังวลเรื่องพวกนี้เลย ช่วงนี้แกก็สงบเสงี่ยมไปก่อน งานการกุศลก็ยังต้องทำไปเหมือนเดิม…”
เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปาก สีหน้าสับสนลังเล
“แต่ว่าคุณย่าคะ ตอนนี้คนพวกนั้นไม่ยอมรับหนูเลยด้วยซ้ำ…”
“หากตอนนี้แกหยุดไปเสียก่อน คนอื่นก็จะยิ่งไม่ยอมรับ”
สีหน้าเจียงหรงหรงเอือมระอา เงียบไปครู่หนึ่งก็หันขึ้นมามองทางเฉินเชียนโหรวแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
“ช่วงหลายวันนี้ กับซูเหิง เป็นยังไงบ้าง”
เฉินเชียนโหรวปิดปากแน่นไม่พูดจา หลังจากที่แยกกันคราวก่อน เธอกับซูเหิงก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
เจียงหรงหรงยกมือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
“คืนนี้นัดเจอกับคนสกุลซูที พวกเราจะหารือเรื่องแต่งงานของพวกเธอกันสักหน่อย”