ตอนที่ 507 งานเลี้ยงฉลอง?
“คืนนี้นัดเจอกับคนสกุลซูที พวกเราจะหารือเรื่องแต่งงานของพวกเธอกันสักหน่อย”
เฉินเชียนโหรวลอบยินดีอยู่ในใจ ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าก็เผยให้เห็นความกังวลอย่างชัดเจน
“แต่ว่า สถานการณ์ของหนูช่วงนี้ พี่เหิงเขาจะไม่อยาก…แล้วยังมีคุณลุงคุณป้าพวกเขาอีก ตอนนี้จะต้องทำให้หงุดหงิดแน่…”
“สถานการณ์เธอมันทำไม เธอเป็นบุคลลสาธารณะ มีข่าวฉาวนิดหน่อยจะเป็นไรไป ยิ่งไปกว่านั้น สกุลซูยังหวังพึ่งชัยชนะของเธอจากการแข่งขันปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติอยู่นะ พวกเขาจะหงุดหงิดได้ยังไง”
การแข่งขันปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติ?
เฉินเชียนโหรวหรี่ตาลงเล็กน้อย ดวงตาคู่นั้นฉายแววความเคียดแค้นออกมา
จริงสิ ยังมีการแข่งขันปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติอีก
สายตาพลันเหลือบไปเห็นงานแถลงข่าวที่จี้อี้ได้รับเลือกเป็นตัวแทนผลิตภัณฑ์แบรนด์ชื่อดังระดับนานาชาติบนหน้าจอคริสตัล เฉินเชียนโหรวก็กัดฟันกรอดพลางกุมมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันจนแน่น ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยรังสีแห่งความขุ่นเคืองและโกรธแค้น
เป็นเพราะเฉินฝานซิง เป็นเพราะเธอคนเดียว
ถ้าหากไม่มีเธอ จี้อี้ก็คงถูกเธอเหยียบจมดินไปนานแล้ว ไม่มีทางได้กลับขึ้นมาลืมตาดูโลกอีกครั้งได้หรอก
ยังไงเธอก็ยังเป็นจี้อี้คนเดิมที่ทำได้แค่แอบอยู่ในมุมลึก เฝ้าคอยฟังคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ไร้ซึ่งความน่าดึงดูดหรือน่าสนใจใดๆ
ทั้งหมดนี่ควรจะเป็นของฉัน
เป็นเพราะเฉินฝานซิงคนเดียว
ทำไมถึงต้องคอยหาเรื่องฉันด้วย
แย่งความเจิดจรัสทั้งหมดที่เดิมทีควรจะเป็นของฉันไปจนหมด
ฉันจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้ยังไง
ยัยแพศยา
เจียงหรงหรงเหลือบมองเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ
สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหมองหม่น
ช่วงนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทำไมเฉินเชียนโหรวถึงได้อาภัพอดสูขนาดนี้
ทำอะไรไม่ได้เลย
เรื่องทั้งหมดนี้ ถ้าหากจะหาสาเหตุ ทุกครั้งก็ล้วนแต่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเฉินฝานซิงทั้งสิ้น
เมื่อนึกถึงเฉินฝานซิง เจียงหรงหรงก็เม้มริมฝีปาก คิ้วขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม
ใกล้เวลาเลิกงาน อินรุ่ยเจวี๋ยวก็โทรศัพท์หาเฉินฝานซิง
เฉินฝานซิงกำลังประชุม เมื่อเห็นว่ามีสายเรียกเข้าจึงไม่ได้รับ
หลังจากที่ประชุมเสร็จแล้วกลับไปยังห้องทำงาน เมื่อมีเวลาว่างแล้วถึงโทรกลับไปหาอินรุ่ยเจวี๋ย
ปลายทางรับสายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงสดใสฟังดูไม่ทุกข์ร้อนของอินรุ่ยเจวี๋ยดังขึ้น
“ฮัลโหล อาซ้อ งานคอนเสิร์ตของจี้อี้ก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว คุณเป็นเถ้าแก่จะไม่จัดงานเลี้ยงฉลองให้เธอหน่อยเหรอ”
เฉินเชียนโหรวขมวดคิ้วเรียวได้รูปของตัวเอง คิ้วข้างซ้ายของเธอพลันเลิกขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้
“ถ้าฉันจะจัดงานเลี้ยงฉลองก็จัดให้กับพนักงานในซิงเฉินกั๋วจี้ ดูเหมือนว่าจะ…ไม่เกี่ยวกับนายเท่าไหร่สิ”
ข้ออ้างนี้ ทำเอาเฉินฝานซิงไม่มีแม้แต่หนทางที่จะปฏิเสธได้เลย
อินรุ่ยเจวี๋ยหัวเราะหึหึเบาๆ “อาซ้อ คุณไม่ต้องเกรงใจผมหรอกนะ”
“…”
ใครเกรงใจนายกัน
ทว่า ไม่รอให้เฉินฝานซิงเอ่ยปาก อินรุ่ยเจวี๋ยก็พูดต่อขึ้นมาเสียก่อน
“บริษัทก็ส่วนบริษัท เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว ผมบอกจี้อี้แล้วว่าคุณจะจัดงานเลี้ยงให้เธอเป็นการเฉพาะ ลี่ถิงเซิน ผใก็นัดแล้ว…
อ้อ จริงสิ คุณไม่ต้องติดต่อพี่ป๋อหรอกนะ เมื่อกี้คุณไม่รับโทรศัพท์ ผมก็เลยโทรไปหาเขา คืนนี้ที่ปี้หวงอวี๋เล่อ ผมจองห้องส่วนตัวไว้แล้ว เลิกงานแล้วก็มาเลยแล้วกันนะ”
หลังจากที่พูดร่ายยาวมาเป็นชุด อินรุ่ยเจวี๋ยก็ตัดสายไปในทันที
“…”
เฉินฝานซิงถึงกับหมดคำพูด
มีแบบนี้ที่ไหนกัน
นี่เรียกว่างานฉลองที่ฉันจัดให้จี้อี้งั้นเหรอ
ตัดสินใจทำอะไรเองโดยพลการแถมยังเผด็จการขนาดนี้เชียว
สมแล้วที่เป็นคุณชายบ้านรวย ความเผด็จการก็คือสัญลักษณ์ประจำตัว
แม้แต่โอกาสให้โต้แย้งสักนิดก็ไม่มี
แต่ว่า ในเมื่ออินรุ่ยเจวี๋ยจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ป๋อจิ่งชวนก็ตอบตกลงแล้ว ออกไปสังสรรค์สักหน่อยก็ดีเหมือนกัน
อีกอย่าง จี้อี้เองก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง ควรจะเลี้ยงฉลองเพื่อเป็นกำลังใจอยู่เหมือนกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงติดต่อไปหาสวี่ชิงจือ
ตอนที่ 508 รอใครบางคน
เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอจึงติดต่อไปหาสวี่ชิงจือ
“ฮัลโหล ฝานซิง”
น้ำเสียงของสวี่ชิงจือฟังดูอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “อยู่ไหน เธอไม่สบายเหรอ”
สวี่ชิงจือวางปากกาลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงเก้าอี้ ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้น
“อยู่บริษัทน่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าไม่สบายตรงไหน มีอะไรเหรอ”
เฉินฝานซิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ตอนแรกว่าจะชวนเธอออกมาสังสรรค์กันหน่อย แต่ถ้าเธอไม่สบาย…”
สวี่ชิงจือสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่อีกครั้งเพื่อตัดบทเฉินฝานซิง “ไปสิ บางทีไปผ่อนคลายสักหน่อยก็คงดีขึ้น”
สวี่ชิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ก่อนจะยืดตัวตรงขึ้นมาปิดแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะให้เรียบร้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
เฉินฝานซิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะตอบกลับเสียงเบา “ก็ดี งั้นฉันไปรับเธอแล้วกัน”
สวี่ชิงจือหัวร่อต่อกระซิก “คุณผู้ชายคนนั้นของเธอจะหึงฉันเอาอีกนะ”
เฉินฝานซิงยกมือขึ้นนวดขมับอย่างระอา “ยังมีกะจิตกะใจมาแซวฉันอีก ดูแล้ว เธอคงไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
สวี่ชิงจือหัวเราะ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นอยู่ไม่น้อย “ถ้าหากคนนั้นของเธอไม่มีปัญหาอะไรละก็ แน่นอนว่าฉันก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
“ได้ เลิกงานแล้วฉันไปรับเธอ”
หลังจากที่เฉินฝานซิงวางสายก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ตกดึก บรรยากาศค่อนข้างมืดครึ้ม เริ่มมีฝนตกลงมาปรอยๆ
รถหรูคันหนึ่งฝ่าสายฝนมาจอดตรงหน้าประตูช้าๆ
ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว คนขับรถรูปร่างสูงเพรียวในชุดสูทกางร่มออกมายืนรอตรงเบาะนั่งด้านหลังรถ ก่อนจะเปิดประตูด้วยท่าทางนอบน้อม
ร่างสูงตระหง่านร่างหนึ่งโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อก้าวขาลงจากรถ จากนั้นก็เบี่ยงตัวเล็กน้อย มองไปยังประตูรถเงียบๆ ไม่นานนัก ข้อมือเรียวเล็กก็ยื่นออกมาแล้วแตะลงไปบนฝ่ามือที่ชายหนุ่มยื่นไปให้
มือข้างหนึ่งของเฉินเชียนโหรวจับชายกระโปรงขณะที่ก้าวลงจากรถ เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าร่างกายที่สูงโปร่งของซูเหิง ทำให้รูปร่างของเธอดูเพรียวบางและตัวเล็กน่าทะนุถนอมอย่างเห็นได้ชัด
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองทางซูเหิงพลันเผยรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจ “ขอบคุณค่ะพี่เหิง...”
รอยยิ้มที่อ่อนโยนบริสุทธิ์นั้นทำให้ซูเหิงสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปชั่วขณะ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยทำให้เฉินเชียนโหรวรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ ความงดงามปรากฎอยู่บนใบหน้าเรียวเล็กอย่างชัดเจน
ไม่นานนัก ด้านหลังก็มีรถอีกคันขับเข้ามาช้าๆ
เฉินเชียนโหรวเห็นสถานการณ์ก็ส่งเสียงเรียกพึมพำเบาๆ ก่อนจะวิ่งไปด้านหน้าด้วยความรีบร้อน ซูเหิงรีบก้าวตามเฉินเชียนโหรวไปแล้วเอื้อมแขนไปโอบไหล่เธอไว้
“ฝนยังตกอยู่ จะวิ่งไปไหน”
ถึงแม้จะเป็นคำพูดตำหนิ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีความรู้สึกติเตียนอยู่เลยแม้แต่น้อย กลับกัน ยิ่งดูหลงใหลกว่าเดิม
“แต่ว่า คุณลุงคุณป้ามาแล้ว…”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความอ่อนโยนและบอบบางของเฉินเชียนโหรว ซูเหิงไม่เคยมีแรงต้านทานใดๆ ได้เลย
เฉินเชียนโหรวยืนมองดูรถที่ค่อยๆ จอดสนิท ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังคงรีบเดินเข้าไปด้วยความร้อนรนอยู่ดี
ซูเหิงกลัวว่าเธอจะเปียกฝน จึงต้องเดินโอบเธอไปยังหน้ารถ
เฉินเชียนโหรวเปิดประตูรถ จากนั้นก็รับร่มที่คนขับรถส่งมาให้จากด้านข้าง เมื่อกางร่มเสร็จก็ยกขึ้นมา ไช่จิ้งอี๋ก้าวลงมาจากรถพลันหันไปมองเฉินเชียนโหรวด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“เด็กคนนี้นี่ ฝนตกหนักขนาดนี้ พวกเราจัดการเองได้ ดูเธอเข้าสิ เปียกหมดแล้ว”
ใบหน้าของไช่จิ้งอี๋แต้มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ในระหว่างที่พูดก็หันไปมองไหล่ของเฉินเชียนโหรวที่ถูกฝนสาดจนเปียกปอนปราดหนึ่ง
เฉินเชียนโหรวหัวเราะแหยๆ ทำท่าทางป้ำๆ เป๋อๆ กลับชวนให้คนรู้สึกเอ็นดู
จากนั้น พ่อของซูเหิง ซูปิ่งโย่วก็ลงจากรถตามมา ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ ท่าทีที่มีต่อเฉินเชียนโหรวนั้นไม่ยินดียินร้ายใดๆ
หลังจากที่แต่ละคนเดินเข้ามาถึงหน้าประตูแล้ว ซูเหิงและพ่อก็ถูกไช่จิ้งอี๋ไล่ให้เข้าไปในสโมสรเพื่อให้ไปจัดแจงเตรียมสถานที่ให้เรียบร้อย
ส่วนเธอและเฉินเชียนโหรวนั้นรออยู่ข้างนอก เพื่อรอเจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ที่เหลือ