ตอนที่ 525

Elixir Supplier

525 หญ้าแห้งในหน้าหนาว เสียงแมลงร้องในฤดูใบไม้ร่วง

 

สภาพของเขาดูเลวร้ายไม่ต่างจากหญ้าแห้งกลางฤดูหนาวเลย

 

เสียงของเขายังฟังดูแหบแห้ง คล้ายกับเสียงร้องของแมลงในฤดูใบไม้ร่วง

 

ในตอนที่หวังเย้าได้รับเอกสารการรักษาของชายชรามาก่อนหน้านี้ เขาก็รู้อยู่แล้วว่า อาการป่วยของชายชรานั้นเกินเยียวยาแล้ว

 

ในขณะที่หวังเย้ามองดูชายชรา คนอื่นๆที่อยู่ภายในห้องก็กำลังมองดูเขาอยู่เช่นกัน

 

พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของเขามานานแล้ว แต่การได้ฟังกับการได้มาเห็นกับตานั้นต่างกัน เมื่อได้มาเห็นเขาจริงๆ ความเยาว์วัยของเขาก็ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจยิ่งกว่าเดิม มันเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่า ชายหนุ่มอายุน้อยแบบเขาจะมีฝีมือการรักษาที่เก่งกาจและสามารถผลิตยาที่มีสรรพคุณสุดวิเศษออกมาได้

 

“หมอหวัง คุณคิดว่ายังไงครับ?” หวูถงิช่งถามเสียงเบา

 

ผู้คนที่ยืนอยู่ภายในห้อง ล้วนมีตำแหน่งสูงในราชการหรือไม่ก็เป็นนักธุรกิจใหญ่ พวกเขาคือลูกๆที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพพ่อของพวกเขา

 

นี่คือตระกูลร่ำรวยที่มีชื่อเสียงค่อนข้างดี พวกเขามีมรดกตกทอดและขนบธรรมเนียมของตนเอง ตระกูลของพวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องของความกตัญญูอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เกิด ความสำเร็จคือสิ่งที่เกิดจากโชคและความบังเอิญ ตระกูลใหญ่และร่ำรวยไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ด้วยคนรุ่นเดียว

 

“อย่าเพิ่งรีบร้อนครับ” หวังเย้าเดินตรงเข้าไปหาชายชรา

 

ชายชราที่กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง “สวัสดี” เขาอยากจะหัวเราะ แต่เขาก็ทำไม่ได้

 

“สวัสดีครับ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ” หวังเย้าพูด

 

ไม่ว่าครั้งหนึ่งชายชราจะเคยยิ่งใหญ่สักแค่ไหน ตอนนี้ เขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่ต่างไปจากผู้ป่วยขั้นวิกฤตคนอื่นเลยสักนิด ความจริงแล้ว ความตายล้วนเท่าเทียมเสมอ

 

หวังเย้าจับดูชีพจรของเขา มันอ่อนแรงจนแทบไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้ อันตรายของชีพจรนี้คล้ายกับของซูเสี่ยวซวี ในช่วงที่อาการของเธอวิกฤตที่สุด มันเป็นสัญญาณที่ใกล้ดับลง

 

ก่อนที่เขาจะมา เขาได้คิดเอาไว้ว่า สิ่งแรกคือฉันต้องช่วยให้เขาทีชีวิตรอดได้ชั่วคราว จากนั้น ก็หาวิธีที่จะรักษาเขา

 

เขาไม่ใช่พระเจ้า และในเวลานี้ เขาก็ไม่ได้เก่งกาจไปซะทุกอย่าง โรคร้ายนั้นค่อนข้างสร้างความยุ่งยากให้แก่เขา และเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง

 

“ผมจะจ่ายยาให้คุณนะครับ” หวังเย้าพูด “พวกคุณต้องเป็นคนเตรียมสมุนไพรให้ผมด้วยนะครับ ผมยังต้องการห้องเงียบๆและอุปกรณ์สำหรับใช้ต้มยาด้วย ฟืนที่ใช้ก็ต้องเป็นฟืนไร้น้ำมันที่เก็บจากบนเขา”

 

“ได้ครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

หลังจากที่ได้รับรายการจากหวังเย้ามาแล้ว ทุกคนต่างก็ลงมือจัดการทุกอย่างในทันที

 

“ห้องเตรียมไว้พร้อมแล้ว จะไปเลยไหมคะ?” สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลหวูถาม

 

“ช่วยรอผมสักครู่นะครับ” หวังเย้าพูด

 

จากนั้น หวังเย้าก็แกะกระดุมเสื้อของชายชราออก เผยให้เห็นช่วงหน้าอกที่ผอมแห้ง ทุกคนที่อยู่ภายในห้องพากันเงียบกริบในทันที ราวกับว่า พวกเขากลายเป็นเพียงเงามืดที่กำลังจับจ้องดูการกระทำของหวังเย้าอยู่

 

หวังเย้ากดเบาๆไปที่บริเวณหัวใจและปอดของชายชรา คนเหล่านั้นรีบพุ่งตัวเข้าไป แต่ก็ถูกหวูถงชิ่งหยุดเอาไว้ก่อน

 

“โอเค ไปกันเถอะครับ” หลังจากนั้นสักพัก หวังเย้าก็ลุกขึ้นและเดินออกไป

 

“เร็วเข้า รีบพาหมอหวังไปที่ห้องได้แล้ว” หวูถงชิ่งพูด

 

ห้องที่พวกเขาจัดเตรียมเอาไว้ให้นั้น เป็นบ้านเก่าหลังหนึ่งที่ปลูกแยกออกไปจากตัวบ้านใหญ่ หวูถงชิ่งเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเฉินหยิงมาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงพอจะรู้ว่า หวังเย้านั้นชื่นชอบที่จะอยู่ในบ้านหลังเล็กๆที่เงียบสงบ เขาชอบที่จะมองดูท้องฟ้าในยามค่ำคืน สิ่งที่ตระกูลซูสามารถทำได้ พวกเขาก็ทำได้ไม่ต่างกัน

 

ทุกคนที่อยู่ภายในห้องยังไม่จากไปไหน พวกเขาเฝ้ามองชายชรา ที่พล่อยหลับไปอย่างช้าๆ

 

“หมอหวูครับ?” ผู้ที่เป็นใหญ่ในบ้านกระซิบถามกับหมอชราประจำตระกูล

 

“ตอนนี้ เขาปลอดภัยดี” หมอหวูพูด

 

ในเวลานี้เอง ก็มีชายชราคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง

 

“ หมอหลี่ ขอโทษที่ต้องรบกวนนะครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

“หมอหวังมาถึงที่นี่รึยัง?” หมอหลี่ถาม

 

“มาแล้วครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

“แล้วเขาได้ให้ยาอะไรไหม?” หมอหลี่ถาม

 

“ไม่ครับ เขาแค่กดที่หน้าอกของพ่อเท่านั้น” หวูถงชิ่งพูด

 

“กดเหรอ?” ชายชราเดินเข้าไปที่เตียงอย่างรีบร้อน แล้วจับดูชีพจรของคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง “เอ๋? เธอแน่ใจนะ ว่าเขาไม่ได้ให้ยาหรือฝังเข็มน่ะ?”

 

“เขาไม่ได้ให้ยาอะไรแน่นอนครับ แล้วเราก็ไม่เห็นเขาหยิบเข็มขึ้นมาเลยด้วย” หวูถงชิ่งพูด

 

“มหัศจรรย์จริงๆ!” หมอหลี่พูด

 

“มีอะไรเหรอครับ หมอหลี่?” หวูถงชิ่งถาม

 

“ชีพจรของเขาเต้นอ่อนมาก ซึ่งก็หมายความมันอันตรายมากเช่นกัน แต่ตอนนี้ มันกับแข็งแรงกว่าก่อนหน้านั้นมาก” หมอหลี่พูด

 

หรือจะเป็นเพราะการกดลงไปเบาๆนั่น? มันจะต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่นอน!

 

“เขาอยู่ที่ไหนเหรอ?” หมอหลี่ถาม

 

“เขาให้รายการยาเรามาด้วยครับ” หวูถงชิ่งพูด “เขาไปเตรียมของสำหรับทำยาอยู่”

 

“ฉันขอดูรายการสมุนไพรหน่อยได้ไหม?” หมอหลี่ถาม

 

โสม, หลินจือ, โชวู, เสวียนเชิน, ฉูตี้, เฉาเย้า…

 

ส่วนหนึ่งเป็นสมุนไพรที่มีหน้าที่เสริม ที่เหลือคือสมุนไพรที่มีส่วนช่วยในการบำรุงธาตุหยินและล้างปอด ไม่มีส่วนใหญ่ที่ต่างไปจากปกติเลย

 

“ทั้งหมดมีแค่นี้เหรอ?” หมอหลี่ถาม

 

“ครับ มีแค่นี้”

 

หมอหลี่อยู่ภายในห้องประมาณ 20 นาที แล้วจากนั้นเขาก็ออกไป ในตอนที่กำลังคิดจะกลับบ้านอยู่นั้น เขาก็หยุดคิดเล็กน้อย แล้วก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังบ้านเพื่อนของเขาแทน

 

“เฉินเหล่า?” หมอหลี่ร้องเรียก

 

“มันเย็นมากแล้วนะ” เฉินเหล่าพูด “มีอะไรเหรอ?”

 

“ลูกชายคนโตของตระกูลหวูเพิ่งจะขอให้ฉันมาที่บ้าน เพื่อดูอาการพ่อของพวกเขาน่ะสิ” หมอหลี่พูด

 

“แล้วเป็นยังไงบ้าง?” เฉินเหล่าถาม

 

“อย่างที่รู้ๆกันอยู่ เขาป่วยหนักจนเกินเยียวยาแล้ว” หมอหลี่พูด “พวกเขาเชิญหวังเย้ามาจากหมู่บ้านในเขา”

 

“หา เขามาเหรอ?” เฉินเหล่าถาม

 

“ใช่ แล้วเขาก็รักษาหวูเหล่าไปแล้วด้วย” หมอหลี่พูด “ฉันจับชีพจรของเขาดูแล้ว มันแข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้มาก”

 

“วิเศษไปเลย” เฉินเหล่าพูด

 

“มันยิ่งกว่าวิเศษซะอีก” หมอหลี่พูด “หวูเหล่าไม่ได้กินยาหรือฝังเข็มเลยสักอย่าง หมอหวังทำเพียงแค่กดไปที่หน้าอกของเขาเท่านั้น”

 

“อะไรนะ?” เฉินเหล่าตกตะลึง “จริงเหรอ?”

 

“ลูกชายคนโตของเขาเป็นคนบอกเอง” หมอหลี่พูด “เขาคงจะไม่โกหกด้วยเรื่องแค่นี้หรอก มันไม่สมเหตุสมผลเกินไป”

 

“หรือมันจะเป็นการนวดที่ช่วยกระตุ้นจุดฝังเข็มหรืออะไรแบบนั้นรึเปล่า? โอ้ ฉันรู้แล้ว!” จู่ๆเฉินเหล่าก็นึกถึงกำลังภายในที่อยู่ในร่างกายของซูเสี่ยวซวีได้ “มันจะต้องเป็นเจ้านั่นแน่ๆ!”

 

“อะไรเหรอ?” หมอหลี่ถามขึ้นมาด้วยท่าทีกระสับกระส่าย

 

“ไม่มีอะไรหรอก” เฉินเหล่าพูด

 

“แกจะพูดแค่ครึ่งเดียว แล้วซ่อนอีกครึ่งเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ” หมอหลี่พูด

 

“มันไม่มีอะไรจริงๆ มันถือเป็นเรื่องดีที่เขามา หวังว่าเขาจะสามารถรักษาหลูเหล่าได้” เขาชี้ไปที่กระดานหมาก “มาเล่นกับฉันสักตาดีกว่านะ”

 

“แกเล่นห่วยจะตาย ฉันไม่เล่นด้วยหรอก ฉันจะกลับแล้ว!” หลังจากนั้น ชายชราร่างอ้วนก็จากไป เขามาเร็วไปเร็ว ไม่เหมือนกับคนอายุ 70 กว่าปีเลยสักนิด

 

“มันจะวิเศษเหมือนอย่างในตำนานรึเปล่านะ? แล้วเขาสามารถปกป้องหัวใจได้ด้วยการส่งพลังฉีเข้าไปได้ด้วยไหม?” เฉินเหล่าพูดออกมาด้วยความสงสัย

 

ส่วนเรื่องความลึกลับของกำลังภายในนั้น ชายชราก็สงสัยเป็นอย่างมาก เขาเคยได้เห็นมันมาก่อน แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจ เพราะเขาไม่เคยได้สัมผัสมันด้วยตัวเองเลยสักครั้ง

 

เขายังอายุน้อยอยู่มาก ยังไม่ถึง 30 เลยด้วยซ้ำ เขาไปเรียนความสามารถพวกนี้มาจากที่ไหนกัน? เฉินเหล่าถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

 

ภายในลานบ้านนั้นเงียบสนิท หม้อที่ใช้สำหรับต้มยานั้นเป็นของเก่า ในที่สุด ฟืนก็ถูกส่งมาถึง

 

ตระกูลหวูได้จัดเตรียมสมุนไพรทั้งหมดที่หวังเย้าต้องการมาจนครบภายในเวลาแค่ไม่นาน เวลาสำหรับต้มยาคือช่วงกลางดึก กลิ่นของตัวยาลอยอวลอยู่ทั่วทั้งบริเวณ

 

หวังเย้ากำลังเตรียมยาไว้สองขนาน ตัวแรกคือ ซุปเป่ยหยวน ซึ่งสามารถเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกาย ตัวยาอีกตัวหนึ่งมีไว้สำหรับรักษาเนื้องอกและปลอบประโลมอวัยวะสำคัญทั้งห้า เขาได้คิดเอาไว้แล้ว ตั้งแต่ที่อยู่บนเนินเขาหนานชาน

 

โสม, เก๋ากี่, ซิลเวิร์ธ, เชียนชื่อ, หลินจือ, ชานจิง, และกุยหยวน

 

สมุนไพรรากสองชนิดสุดท้ายนั้น หวังเย้าได้เก็บมันมาจากแปลงสมุนไพรของเขาเอง หลังจากที่ได้รับสารอาหารมาอย่างเต็มเปี่ยม ก็ทำให้พวกมันมีสรรพคุณที่สูงกว่าสมุนไพรที่ขึ้นในป่าลึกมาก

 

เขาคุ้นเคยกับซุปเป่ยหยวนดี ก็เหมือนกับที่คนพูดกันว่า การฝึกฝันทำให้เราชำนาญ เขาหยิบสมุนไพรที่ได้มาต้มเป็นยาโดยไม่นึกเสียดาย แล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยตอนห้าทุ่ม

 

เขามองดูสีสันและดมกลิ่นของยา จากนั้น เขาก็เทยาลงไปในถ้วยใบเล็กเพื่อชิมมัน

 

“หืม มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” หวังเย้าพูดกับตัวเอง

 

อะไรกันนะ? มันจะต้องเป็นเพราะขาดพลังวิญญาณในค่ายกลบนเนินเขาหนานชานแน่ๆ

 

มีบางคนพูดกันว่า ในปักกิ่งนั้นมีความเข้มข้นของพลังฟ้าดิน มันก็ถูก แต่มันกลับเต็มไปด้วยฝุ่นควัน ถึงแม้ว่ามันจะน้อยกว่าเมืองเล็กๆบางเมืองก็ตามที หากแต่ก็สามารถมองเห็นได้ในอากาศ

 

พลังวิญญาณนั้นต้องการความบริสุทธิ์สูงและแก่นแท้ของฟ้าดิน แต่ที่แห่งนี้คือมหานครอันยิ่งใหญ่ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาด้วยคอนกรีต ถึงแม้ว่าจะมีสีเขียวและภูเขาอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าน้อยมาก ทั้งยังมีโรงงานอุตสาหกรรมและมลพิษมากมาย

 

แต่ตอนนี้หมดเวลาที่สามารถต้มยาได้แล้ว หากพูดให้ชัดเจนก็คือ จุดประสงค์ของยาตัวนี้ก็เพื่อสร้างสมดุลของหยินหยางในร่างกาย ซึ่งเน้นไปที่การชดเชยหยางที่หายไป ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หยางอ่อนแอ แต่หยินแข็งแกร่ง มันคงจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหากว่าเขายังอยู่ที่เนินเขาหนานชาน แต่ที่นี่คือปักกิ่ง

 

ยาถูกทำเสร็จไปหนึ่งชุด เศษสมุนไพรที่เหลือถูกเททิ้งลงไปในโถส้วม ต่อจากนั้น ก็ได้เวลาทำยาตัวที่สองต่อ

 

หวงฉี, ตานเซิน, หลินจือ, ป๋ายฟู่หลิง, หญ้าหลี่, จื้อชาน, ชางหยาง, กุยหยวน…

 

ตัวยานั้นจำเป็นต้องใช้สมุนไพรรากถึงสี่ชนิดด้วยกัน หญ้าหลี่มีหน้าที่ในการรักษาเนื้อที่เน่าเสีย จื้อชานขับความร้อน ล้างพิษ และรักษาเนื้อร้าย ชางหยางขยายหลอดเลือดหัวใจ, เสริมพลังให้อวัยวะภายในทั้งห้า, และขับสิ่งอุดตันที่คั่งค้างอยู่ในร่างกาย กุยหยวนเป็นตัวประสานสรรพคุณทั้งหมดของสมุนไพรเข้าด้วยกัน

 

สมุนไพรรากที่ถูกนำมาทำเป็นยาตัวนี้ มีสรรพคุณเป็นรองแค่เม็ดยาอายุวัฒนะเท่านั้น