ตอนที่ 524

Elixir Supplier

524 เดินทางไปไกลบ้าน

 

“ผมขอตรวจดูหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้สิ” ชายชราพูด

 

หวังเย้าตรวจดูชายชราอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างปกติดี

 

“พอคุณป้ากลับมา ผมจะฝังเข็มรักษาให้คุณลุงนะครับ” หวังเย้าพูด

 

ไม่นาน ภรรยาของชายชราก็กลับมาจากด้านนอก ในมือของเธอมีซอสถั่วเหลืองอยู่ขวดหนึ่ง ดูเหมือนว่าเธอจะออกไปซื้อของใช้ที่ร้านสะดวกซื้อมา

 

“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” หญิงชราพูด

 

“สวัสดีครับ คุณป้า สบายดีขึ้นบ้างรึยังครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ดีขึ้นมาแล้วล่ะจ๊ะ ตอนนี้ ป้าก็ไม่รู้สึกเจ็บที่ขาแล้ว” หญิงชราตอบกลับอย่างมีความสุข

 

“ดีครับ ผมเพิ่งจะตรวจคุณลุงไปเมื่อกี้นี้เอง ที่นี่ดูเหมือนจะเย็นไปหน่อยนะครับ” หวังเย้าพูด เขาไม่ได้รู้สึกหนาวอะไร ถ้าหาชายชราต้องถอดเสื้อเพื่อทำการฝังเข็ม มันก็จะทำให้เขารู้สึกหนาวได้

 

“ป้าจะไปจุดไฟให้เดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ” เธอพูด ไม่นานเตียงคังก็อุ่นขึ้น และอุณหภูมิภายในห้องก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นตามลำดับ

 

“คุณลุงครับ ช่วยถอดเสื้อออกหน่อยได้ไหมครับ?” หวังเย้าถาม

 

ชายชราถอดเสื้อของเขาออก เผยให้เห็นร่างกายที่ผอมแห้งของเขา

 

หวังเย้าเริ่มลงมือฝังเข็ม เขาแทงเข็มไปตามส่วนต่างๆของร่างกายชายชราและปรับเข็มให้เข้าที่ จากนั้น เขาก็คลุมร่างกายของชายชราด้วยผ้าห่มผืนบาง เมื่อจบการฝังเข็ม หวังเย้าก็ต่อด้วยการนวด

 

หลังจากจบการรักษาแล้ว ชายชราก็รู้สึกได้ถึงความสบายและอบอุ่น ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีแขกอยู่ที่บ้าน เขาก็คงจะหลับไปแล้ว

 

“เรียบร้อยแล้วครับ” หวังเย้าพูด

 

“อยู่ทานข้าวด้วยกันที่นี่นะจ๊ะ” หญิงชราพูด

 

“คงไม่ดีกว่า ขอบคุณนะครับ พอดีพ่อแม่เตรียมอาหารรอไว้แล้วน่ะครับ” หวังเย้าตอบ

 

“หมอไม่เห็นจะต้องเอาของมาให้พวกเราเลย แค่คุณมาหาเราถึงที่นี่ เราก็ดีใจมากแล้ว” หญิงชราพูด

 

คนชราทั้งสองต่างก็รู้สึกว่า หวังเย้าดีต่อพวกเขามากจนเกินไป พวกเขาไม่ยอมปล่อยหวังเย้ากลับ จนกว่าเขาจะยอมเอาไข่ไก่ที่เลี้ยงไว้กับไข่เป็ดดองเค็มกลับไปด้วย

 

“เขาช่างเป็นคนดีจริงๆเลยนะ” ชายชราพูด

 

หวังเย้ารักษาคนไข้ไปแล้วทั้งหมดแปดคน อีกเพียงแค่สองคนเท่านั้น เขาก็จะสามารถทำภารกิจรักษาคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคที่รักษาได้ยากได้สำเร็จ และภารกิจนี้ก็ต้องทำให้สำเร็จภายในสามวันนี้

 

หรือฉันจะทำภารกิจไม่สำเร็จ? หวังเย้ารู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แต่ถึงกังวลไปก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

 

เมื่อเขาขับรถเข้าสู่หมู่บ้าน เขาก็เห็นซุนหยุนเชิงกำลังเดินมาจากคลินิก

 

“สวัสดี หยุนเชิง” หวังเย้าหยุดรถ และโผล่หน้าออกมาทักทายซุนหยุนเชิง

 

“ผมได้ผลวิเคราะห์ของตัวอย่างดินที่คุณให้มาแล้ว นี่ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด “ถ้าคุณต้องการทำการวิเคราะห์เพิ่มเติม ก็บอกผมได้เลยนะครับ ผมสามารถติดต่อกับแล็ปที่ต่างประเทศให้ได้”

 

“โอเค ขอฉันอ่านดูก่อนนะ” หวังเย้าพูด “แล้วนายจะกลับบ้านเมื่อไหร่เหรอ?”

 

“บ่ายนี้ครับ” ซุนหยุนเชิงพูด

 

“สนใจไปกินข้าวกลางวันด้วยกันไหม? ฉันเลี้ยงเอง” หวังเย้าพูด

 

“เอาสิครับ แต่ผมขอเลี้ยงเองนะ” ซุนหยุนเชิงรู้สึกเป็นปลื้ม

 

“ไม่ได้ๆ ฉันเลี้ยงเอง” หวังเย้ายืนยัน

 

พวกเขาไม่ได้ทานอาหารกันที่บ้าน แต่กลับไปทานที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านแทน ซึ่งเจ้าของร้านก็เกือบจะปิดร้านแล้ว

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง” เจ้าของร้านพูด

 

“สวัสดีครับ มาสองคน ของอาหารจานหลักสี่ ซุปหนึ่ง เหมือนทุกทีนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้เลยครับ” เจ้าของร้านพูด

 

หวังเย้ายังได้นำไวน์ติดมือมาจากที่บ้านด้วยขวดหนึ่ง

 

ทั้งสองพูดคุยไปด้วยในระหว่างที่ทานอาหารกันอยู่ ซุนหยุนเชิงอาศัยอยู่ในหมู่บ้านของหวังเย้ามาได้สองเดือนแล้ว และหวังเย้าก็พบว่า เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง เขาไม่ใช่เด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ เขาเป็นคนที่มีจิตใจดี หรืออาจจะเพิ่งเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ หลังจากที่หายจากโรคร้ายก็เป็นได้ แต่โดยสรุปแล้ว หวังเย้าคิดว่า ซุนหยุนเชิงเป็นคนที่น่าคบหาคนหนึ่ง

 

ถึงแม้ว่า ศัตรูเก่าของซุนเจิ้งหรงจะสร้างความเสียหายให้กับหมู่บ้านนี้อย่างหนัก แต่เขาและลูกชายก็ได้จัดการชดเชยให้ทั้งหมดแล้ว แล้วหวังเย้าก็เพิ่งจะได้ข่าวสำคัญจากพันจวินเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า เขาถูกเลือกให้อยู่ในรายชื่อของหมอที่มีชื่อเสียงของจังหวัด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้ตัดสิน ที่เหลือก็ถูกจัดการไปตามพิธีการ ในเมื่อหวังเย้าได้เคยเอ่ยเรื่องนี้กับซุนหยุนเชิงเอาไว้ เขาจึงรู้ว่า จะต้องเป็นซุนหยุนเชิงและพ่อของเขาที่ช่วยให้หวังเย้าได้ตำแหน่งนี้มาอย่างแน่นอน มันถือเป็นความดีความชอบที่ใหญ่หลวง หวังเย้าจึงอยากจะขอบคุณซุนหยุนเชิงในเรื่องนี้ด้วย

 

“แล้วจะกลับมาที่นี่เมื่อไหร่เหรอ?” หวังเย้าถาม

 

“ผมยังไม่แน่ใจเหมือนกัน” ซุนหยุนเชิงพูด

 

พ่อของเขาได้บอกให้เขาเตรียมสืบทอดธุรกิจ หลังจากที่ผ่านตรุษจีนนี้ไป เขามีหลายอย่างที่ต้องเตรียม และไม่คิดว่า ในอนาคตจะมีเวลาว่างมากเหมือนตอนนี้อีกแล้ว

 

“หมอหวัง ขอบคุณที่รักษาผมและช่วยเหลือครอบครัวของผมนะครับ ดื่มครับ!” ซุนหยุนเชิงชูแก้วไวน์ขึ้นมา

 

“ด้วยความยินดี” หวังเย้าพูด ในระหว่างมื้ออาหาร เขาดื่มไวน์ไปหลายแก้ว

 

ซุนหยุนเชิงเดินทางกลับไปพร้อมกับคนของเขา ทิ้งบ้านที่ว่างเปล่าเอาไว้ด้านหลัง เขาเอากุญแจบ้านไว้ให้หวังเย้าชุดหนึ่ง และบอกกับหวังเย้าว่า เขาสามารถไปอยู่ที่บ้านของตัวเองได้ตลอดเวลา หวังเย้าไม่ได้รับกุญแจมา เพราะเขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน

 

“ลูกไม่ไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ของถงเวยเหรอ?” จางซิวหยิงถามเสียงเบา ในตอนที่พวกเขากำลังทานอาหารเย็นกันอยู่

 

“ผมรู้ว่าต้องทำอะไรครับ” หวังเย้าพูด

 

 

ที่ปักกิ่ง ชายชราคนหนึ่งได้ไอออกมาอย่างรุนแรง

 

“เกิดอะไรขึ้น? อาการของพ่อเพิ่งจะดีขึ้นเอง แล้วทำไมเขาถึงติดหวัดแบบนี้ได้กัน?” พี่ชายของหวูถงชิ่งถาม

 

“อย่าโทษเสี่ยวกวนเลย มันเป็นฉันเอง ฉันอยากจะออกไปเดินข้างนอกน่ะ” ชายชราพูดอย่างอ่อนแรง

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรครับ” พี่ชายของหวูถงชิ่งพูด

 

“ยาเม็ดที่ถงชิ่งเอากลับมาวันนั้นด้วยอยู่ที่ไหน? เอามาให้พ่อกินสิ” เสี่ยวกวนพูด

 

“จริงด้วย ฉันก็เกือบจะลืมไปแล้ว” พี่ชายของหวูถงชิ่งพูด

 

ชายชรากินเม็ดยาจิ่วเฉาเข้าไปหนึ่งเม็ด แล้วเขาก็หยุดไอในเวลาไม่นาน

 

“พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” พี่ชายของหวูถงชิ่งถาม

 

“อืมมม ยาได้ผล ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย” ชายชราพูด มันวิเศษมากจริงๆ!

 

“ถงชิ่งอยู่ไหนเหรอ?” พี่ชายของหวูถงชิ่งถาม

 

“เขาขึ้นเครื่องไปเหลียนชาน เพื่อเชิญหมอหวังให้มาที่นี่ก่อนถึงวันตรุษจีน” เสี่ยวกวนพูด

 

 

“เก้าคน?” หวังเย้ารู้สึกประหลาดใจ เมื่อเขาเปิดหน้าจอระบบขึ้นมา แล้วเขาก็ได้พบว่า ภารกิจของเขาสำเร็จไปแล้วอีกขั้น เขาต้องรักษาคนไข้อีกแค่คนเดียวเท่านั้น

 

ฉันเพิ่งจะรักษาใครไปกัน? เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าใครที่เขารักษาให้จนหาย เขาจึงเลิกคิดเกี่ยวกับมัน เพราะถึงยังไงมันก็ถือเป็นข่าวสำหรับเขาอยู่แล้ว

 

หลังจากไหว้เทพแห่งครัวเสร็จแล้ว ก็ใกล้จะถึงวันฉลองตรุษจีนแล้ว

 

ในตอนเช้า หวังเย้ามีแขกมาหาหลายคน ทั้งหลี่เม่าชวง, ผู้ช่วยของหยางห่ายชวน, และซุนฉางเฟิง ทุกคนล้วนมาพร้อมกับของขวัญในมือ

 

“วันนี้ ยังจะมีใครมาเยี่ยมอีกไหม?” จางซิวหยิงถามตอนที่กำลังทานอาหารกลางวันกันอยู่ “ชาวบ้านอาจจะคิดไปแล้วก็ได้ว่า ลูกมีตำแหน่งใหญ่โตอยู่ในรัฐบาล”

 

“วันนี้ ผมคิดว่าคงจะไม่มีใครมาแล้วล่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีแขกอีกคนเดินทางมาถึง

 

“สวัสดีครับ คุณหวู” หวังเย้าพูดด้วยความประหลาดใจ หวูถงชิ่งเดินทางมาพบหวังเย้าเป็นครั้งที่ห้าของเดือนนี้แล้ว

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง ขอโทษที่ต้องมารบกวนในช่วงเวลานี้ของปีนะครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

เขาได้นำของขวัญติดมือมาด้วย จางซิวหยิงมองหน้าลูกชายด้วยความสับสน

 

“เชิญเข้ามาข้างในก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด

 

ในเมื่อหวูถงชิ่งมาถึงที่นี่แล้ว หวังเย้าก็ไม่สามารถไล่เขาไปได้

 

“หมอหวัง ช่วงนี้คุณยุ่งไหมครับ?” หวูถงชิ่งถาม

 

“ไม่ค่อยครับ ตอนนี้ก็ใกล้ตรุษจีนแล้ว ผมก็เลยไม่ค่อยมีคนไข้เยอะเท่าไหร่” หวังเย้าพูด

 

“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยไปรักษาพ่อของผมที่ปักกิ่งจะได้ไหมครับ?” หวูถงชิ่งถาม

 

“อาการของเขาแย่ลงเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“หลังจากที่ได้กินยาเม็ดที่คุณให้ผมมา อาการของเขาก็ดีขึ้นครับ แต่มันก็ยังไม่คงที่ แล้วตอนนี้เขาก็เป็นหวัดอีกด้วย” หวูถงชิ่งพูด

 

หวังเย้าไม่ได้รีบพูดอะไรออกมา เขามองออกไปที่นอกหน้าต่าง

 

หวูถงชิ่งกำลังรอคอยคำตอบจากหวังเย้าอยู่ เขามองไปที่หวังเย้าด้วยความหวังว่า หวังเย้าจะยอมไปรักษาพ่อของเขาที่ปักกิ่ง มันวันตรุษจีนก็ใกล้เข้ามาแล้ว การเชิญหมอให้ไปรักษาคนไข้ที่บ้านในช่วงเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเลย หวูถงชิ่งคงจะต้องผิดหวังกลับไปแล้ว

 

“เราจะออกเดินทางกันวันพรุ่งนี้” หลังจากที่เงียบไปนาน หวังเย้าก็พูดขึ้นมา “ผมต้องกลับมาที่บ้านภายในสามวัน ช่วยจัดการเรื่องการเดินทางให้ผมด้วยนะครับ”

 

“ได้ครับ” หวูถงชิ่งพูดออกมาด้วยความยินดี “ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ!”

 

“อย่าเพิ่งขอบคุณผมเลยครับ เพราะผมก็ไม่รับประกันว่าจะรักษาพ่อของคุณได้ไหม” หวังเย้าพูด

 

หวูถงชิ่งจากไปอย่างมีความสุข

 

“ลูกจะเดินทางเหรอจ๊ะ?” จางซิวหยิงถาม มันใกล้จะถึงวันตรุษจีนแล้ว เธอจึงไม่อยากจะให้ลูกชายเดินทางไปที่ไหนไกล

 

“ผมต้องไปปักกิ่งครับแม่ แต่แค่สามวันผมก็จะกลับมาแล้ว แล้วก็จะได้แวะไปเยี่ยมน้าที่ปักกิ่งด้วย” หวังเย้าพูด

 

“ลูกจะไปพรุ่งนี้เลยเหรอ?” จางซิวหยิงถาม

 

“ครับ” หวังเย้าตอบ

 

“ก็ได้ แม่จะเตรียมของให้ลูกเอาไปให้น้าด้วย แล้วก่อนจะไปหา ก็โทรบอกน้าเขาไว้ก่อนด้วยล่ะ” จางซิวหยิงพูด

 

“แน่นอนครับ” หวังเย้าพูด

 

วันต่อมา หวูถงชิ่งมารออยู่ด้านนอกตั้งแต่เช้าตรู่ หวังเย้าเดินทางไปพร้อมกับของฝากจากทางบ้าน

 

“หมอหวัง คุณมีญาติอยู่ที่ปักกิ่งด้วยเหรอ?” หวูถงชิ่งถาม

 

“ครับ น้องสาวของแม่ผมทำงานอยู่ที่นั่น” หวังเย้าตอบ

 

“อ่อ” หวูถงชิ่งพูด เขาจดจำข้อมูลที่ล้ำค่านี้เอาไว้ในใจ

 

พวกเขานั่งรถบัสเพื่อเดินทางไปยังเมืองเต๋า จากนั้นก็เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบิน พวกเขาบินตรงไปปักกิ่งจากสนามบินเมืองเต๋า ซึ่งไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่องเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อรู้ว่า เครื่องบินลำนี้ถูกเตรียมเอาไว้เพื่อเขาเป็นพิเศษ หวังเย้าก็รู้สึกประหลาดใจมาก และทำให้เขาได้รู้ว่า หวูถงชิ่งมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเลย

 

เครื่องบินลงจอดที่ปักกิ่งในตอนบ่ายของวันนั้น

 

“หมอหวัง คุณอยากจะกินอะไรก่อนไหมครับ?” หวูถงชิ่งถาม

 

“ไม่ครับ ขอบคุณ เราไปหาพ่อขอคุณกันเลยดีกว่าครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

รถได้ขับพาพวกเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา

 

หวังเย้าเห็นคนไข้ที่นอนอยู่ตรงหน้าเขา เขาเป็นชายชราร่างผอมบาง เขามองไม่เห็นอำนาจบารมีที่ชายแก่เคยมีเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ เขาเห็นแค่เพียงชายชราที่อ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็ดูไม่ต่างไปจากคนเฒ่าคนแก่ที่หมู่บ้านของเขาเลยสักนิด ต่างกันก็เพียงสถานที่ที่ชายชราอาศัยอยู่พิเศษกว่าก็เท่านั้น

 

“พ่อ นี่คือหมอหวัง คนที่ผมเคยเล่าให้พ่อฟังก่อนหน้านี้ครับ” หวูถงชิ่งพูด

 

“สวัสดี หมอหวัง” ชายชราพูด

 

“สวัสดีครับท่าน” หวังเย้าพูด

 

อาการของชายชราอยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว