ตอนที่ 523

Elixir Supplier

523 เรื่องไม่สำคัญ

 

“บางครั้ง ฉันก็รู้สึกรำคาญและไม่อยากไปทำงานอีกเลย” พันจวินพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา

 

“พี่รู้สึกกระสับกระส่ายหรือหงุดหงิดด้วยใช่ไหม?” หวังเย้าถาม

 

“ถูกต้อง” พันจวินตอบ

 

“นี่เป็นปัญหาที่เกิดจากร่างกายของพี่นั่นแหละ” หวังเย้าพูด “อวัยวะภายในร่างกายของพี่ไม่ทำงานประสานกัน และทำให้เกิดความร้อนสูงภายในร่างกาย แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร”

 

ความชื่นชอบต่ออาชีพหมอที่พันจวินมีนั้นยังมากเท่าเดิม และเขาหวังว่า ตนเองจะสามารถไต่เต้าขึ้นไปได้มากกว่านี้ในอนาคต ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่มาเรียนและปรึกษาเรื่องการรักษากับหวังเย้า ถึงแม้ว่าหวังเย้าจะมีฝีมือมากแค่ไหนก็ตาม

 

“หา?” พันจวินตกใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตัวเองจะถูกวินิจฉัยว่ามีอาการป่วยแบบนี้ได้ “มันร้ายแรงรึเปล่า?”

 

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ พี่ไม่จำเป็นต้องกินยาอะไร แค่พักผ่อนให้มากกว่านี้ก็พอ” หวังเย้าพูด “งานคือชีวิตของพี่ก็จริง แต่มันก็ไม่ได้หมายถึงชีวิตทั้งหมดของพี่นะครับ”

 

“อาจารย์ งานของนายมันง่ายนี่นา” พันจวินพูด

 

“พี่จะแบ่งเวลามาช่วยที่นี่บ้างก็ได้นะ” หวังเย้าตอบกลับด้วยท่าทีลังเล

 

พันจวินอึ้งไป

 

หวังเย้าคิดถึงคำแนะนำจากพี่สาวของเขา งานที่คลินิกของเขายุ่งมาก เขาจึงต้องหาผู้ช่วยดีดีมาช่วยสักคน และมันจะดีมาก หากคนคนนั้นมีความเข้าใจในเรื่องการรักษาอยู่แล้วด้วย ซึ่งพันจวินดูเหมือนจะตรงตามที่เขาต้องการทุกข้อ

 

“ตกลง” พันจวินพูด เขาต้องการมาทำงานที่คลินิก เพื่อที่จะได้เรียนรู้ทักษะการนวดจากหวังเย้า”เราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ดีล่ะ?”

 

“มันขึ้นอยู่กับพี่นั่นแหละครับ” หวังเย้าพูด “พี่สามารถมาได้ทุกเมื่อ จะเวลาไหนก็ได้”

 

หลังจากที่อยู่คุยกันได้สักพัก พันจวินก็ขอตัวกลับ

 

“นายมีลูกศิษย์ด้วยเหรอ?” หวังรุ่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย โดยเฉพาะลูกศิษย์คนนี้ ดูเหมือนจะเป็นหมอจากโรงพยาบาลรัฐด้วย

 

“ก็ประมาณนั้น” หวังเย้าตอบ

 

“เขาเป็นรองหัวรองแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประจำเขตไม่ใช่เหรอ?” ตู้หมิงหยางถาม

 

“ใช่ครับ พี่รู้จักเขาเหรอ?” หวังเย้าพูด

 

“ฉันเคยเห็นเขาบ่อยๆน่ะ แล้วฉันก็รู้จักเขา แต่เขาไม่รู้จักฉันหรอก” ตู้หมิงหยางยิ้ม เขาจำได้ว่า ตัวเขาเคยติดต่องานกับพันจิวนอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเพียงแค่ผิวเผิน แต่ตู้หมิงหยางก็ยังจำพันจวินได้ พันจวินจะประจำอยู่ที่แผนกฉุกเฉินทุกๆวัน มีคนมากมายเข้ามาติดต่องานกับเขา และเขาก็ได้พบหน้าคนเหล่านั้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่า เขาจะสามารถจดจำได้ทุกคน

 

“แสดงว่านายต้องเก่งมากเลยสินะ” หวังรุ่ยพูด “ขนาดรองหัวหน้าแผนกของโรงพยาบาลยังมาเป็นลูกศิษย์หมอบ้านๆแบบนายได้ เรื่องแบบนี้นอกจากในนิยายกับหนังแล้ว นายถือว่าเป็นคนแรกเลยนะ ที่อยู่ในโลกของความเป็นจริงน่ะ”

 

ก่อนที่หวังเย้าจะทันได้ตอบ ตู้หมิงหยางก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน “เธอหมายความว่ายังไง หมอบ้านๆน่ะ? มันคือหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของเสี่ยวเย้าต่างหาก!”

 

“เอาล่ะๆ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว มาเล่นไพ่กันดีกว่านะ” หวังเย้าพูด “4 2!”

 

“อ้า!”

 

เย็นวันนั้น ตู้หมิงหยางยังไม่ได้กลับ ทุกคนต่างก็ร่วมทานอาหารเย็นกันอย่างอบอุ่น

 

“ถ้าฉันยังกินอยู่แบบนี้ละก็ ฉันต้องอ้วนแน่เลย” ตู้หมิงหยางถอนหายใจออกมา

 

“นายจะกินน้อยลงก็ได้นี่” หวังรุ่ยพูด

 

“เธอพูดแบบนั้นได้ยังไงกัน?” ตู้หมิงหยางถาม

 

หลังมื้ออาหาร ทุกคนต่างพากันไปนั่งรวมกันที่เตียงคัง ซึ่งถูกอุ่นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงสองทุ่มครึ่ง หวังเย้าก็ออกมาจากบ้านและเดินกลับขึ้นบนเนินเขาหนานชาน

 

ภายในหมู่บ้านเงียบสนิท อากาศด้านนอกเย็นเฉียบ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ออกมาเดินนอกบ้าน

 

หวังเย้าเดินไปตามถนนเพื่อขึ้นไปบนเขาอย่างเชื่องช้า เมื่อเขาเดินผ่านทิศใต้สุดของหมู่บ้านไป ทุกอย่างก็มืดลง มันไม่มีแสงสว่างหรือผู้คน ภูเขายังคงตั้งตระหง่านอยู่เงียบๆในจุดเดิม

 

หลังจากนั้นสักพัก ก็มีแสงไฟดวงหนึ่งส่องสว่างอยู่บนเนินเขาหนานชาน เขากำลังเตรียมยาเอาไว้ให้ตู้เฟิง

 

เช้าวันต่อมา พระอาทิตย์ยังคงเกียจคร้าน อุณหภูมิยังคงไม่เพิ่มขึ้น หวังเย้าลงจากเขาแต่เช้า เขายังไม่ได้กลับไปที่บ้าน แต่แวะเข้าไปในคลินิกแทน

 

เวลา 9 โมงเช้า มีแขกเดินทางจากปักกิ่งมายังหมู่บ้านในหุบเขาแห่งนี้ หวังเย้าไม่ได้พบหน้าเขาหนานมากแล้ว เขาก็คือ เหอฉีเชิง เขาเดินทางมาพร้อมกับรถที่เต็มไปด้วยของขวัญมากมาย หลังจากที่จัดการของขวัญทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตรงไปยังคลินิกของหวังเย้า

 

“สวัสดีครับ หมอหวัง” เหอฉีเชิงพูด

 

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” หวังเย้าพูด “เข้ามานั่งข้างในก่อนสิครับ”

 

หวังเย้ามองดูเหอฉีเชิงจนทั่ว เขาดูผอมลงและดูเหมือนจะทั้งเหนื่อยและทุกข์ใจ “ช่วงนี้งานยุ่งเหรอครับ?”

 

“ถือว่าไม่ได้หนักเท่าไหร่ครับ” เหอฉีเชิงดื่มชาเข้าไปถ้วยหนึ่ง

 

ครั้งล่าสุดที่หวังเย้าได้พบเขา เหอฉีเชิงดูเหมือนจะมีอาการตรึงเครียด ด้วยการจัดการจากทางตระกูลกั๋ว ตอนนี้ เขารับหน้าที่รับใช้ลูกชายของตระกูลกั๋ว ผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ที่สุด เขาทำผลงานในวงการข้าราชการได้ค่อนข้างดี เขายังดูเจนโลกยิ่งกว่าผู้มีประสบการณ์หลายๆคนด้วยซ้ำ ในสายตาของใครหลายๆคน คนแบบเขาคือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นข้างราชการโดยแท้จริง แต่เหอฉีเชิงนั้นรู้อีกด้านที่คนอื่นไม่รู้ของชายคนนี้ดี ทุกคนมีหลากหลายสีหน้า คล้ายกับเหรียญที่มีสองด้าน ด้านหนึ่งของเขาเป็นเหมือนกับดวงตะวันที่ส่องแสงเจิดจ้า และอีกด้านที่ดำมืด ในบางเรื่อง เช่นเรื่องที่ไม่สามารถทำอย่างเปิดเผยได้นั้น โดยที่เขาจำเป็นต้องมีคนจัดการให้เขาได้ทั้งในและนอก และเรื่องเหล่านั้นก็มีเหอฉีเชิงเป็นผู้จัดการให้ทั้งหมด

 

คำพูดของเขาดูไร้ความจริงใจ และเขายังเก็บเรื่องมากมายเอาไว้ในหัว แต่หวังเย้าก็ไม่ได้พูดถึงมัน ถึงแม้ว่าเขาจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนก็ตามที

 

“หลังผ่านปีใหม่ไปแล้ว มันก็คงจะถึงเวลาได้พักบ้างแล้วนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“คุณพูดถูก” เหอฉีเชิงอยู่ที่คลินิกครู่ใหญ่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก

 

“ถ้าคุณเอาแต่เก็บเรื่องทุกอย่างไว้ในใจ มันจะไม่ดีต่อสุขภาพได้นะครับ” หวังเย้าพูดขึ้นมา ก่อนที่เหอฉีเชิงจะเดินออกไป

 

“ผมรู้ ขอบคุณนะครับ” เหอฉีเชิงพูด ในจุดนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถแสดงออกได้ตามที่ใจปรารถนา

 

ในช่วงเช้า นอกจากเหอฉีเชิงแล้ว ก็ยังมีหลินซือเทาและอาหาวที่แวะมาอวยพรวันปีใหม่ที่บ้านของหวังเย้า แต่เขาก็ไม่อยู่ที่บ้าน พวกเขาจึงตรงไปที่คลินิก หลินซือเทานั้นดีกว่าหน่อย เขาสามารถเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างอิสระ แต่อาหาวนั้นแย่กว่าเล็กน้อย การเคลื่อนไหวร่างกายยังคงสร้างความลำบากให้กับอยู่เล็กน้อย

 

“พวกคุณยังไม่หายดีกัน ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมาหากันถึงที่นี่เลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“เราจะกลับกันวันนี้แล้วครับ เราเลยมาเพื่อบอกลาด้วย” หลินซือเทาพูด “หลายวันมานี้ เราได้รบกวนคุณอยู่บ่อยๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

 

“อ่อ พวกคุณต้องไปกันแล้วสินะ ตอนนี้ก็เป็นวันขึ้นปีใหม่แล้วด้วย” หวังเย้าพูด

 

“คุณชายยังจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองวัน” หลินซือเทาพูด “ส่วนเราจะกลับกันบ่ายนี้เลย”

 

เมื่อมองย้อนกลับไปในปีเก่า โดยเฉพาะสองเดือนที่ผ่านมานั้น หลินซือเทารู้สึกได้ว่า ชีวิตของเขานั้นขึ้นๆลงๆไม่อยู่กับที่เลย แค่เขาคนเดียวก็โกงความตายมาได้ถึงสองครั้งแล้ว ถ้าหากไม่ได้เจอกับชายหนุ่มตรงหน้า สมาชิกในครอบครัวของเขาในปีใหม่นี้ ก็คงจะลดลงไปคนหนึ่ง เมื่อคิดถึงภรรยา, ลูกๆและหลานๆของเขาแล้ว มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

หวังเย้ารู้สึกขัดเขิน เพราะเขาถือเป็นคนรุ่นเยาว์ มันดูไม่เหมาะ ที่ต้องให้คนอายุหกสิบกว่าเอาของขวัญมาให้ถึงที่แบบนี้

 

“เราได้ของขวัญมาอีกเยอะเลยล่ะ!” เมื่อกลับมาถึงที่บ้าน จางซิวหยิงก็บอกกับหวังเย้า “แม่บอกกับพวกลุงป้าน้าอาของลูกให้มาเอาของที่บ้านไปแล้วนะ”

 

“ดีครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก เขาเพียงเลือกหยิบเอาบุหรี่และแอลกอฮอลมาบางส่วน แล้วเก็บเอาไว้อีกด้านหนึ่งก็เท่านั้น

 

ในตอนกลางวัน น้องชายคนเล็กของแม่และภรรยาก็มาถึงที่บ้าน

 

“พี่ ของพวกนี้มาจากไหนเยอะแยะล่ะ?” น้องชายของจางซิวหยิงถาม

 

ทั้งเหล่าหวูเหลียน, บุหรี่ยี่ห้อดัง ของพวกนี้ล้วนแล้วแต่ราคาแพงทั้งนั้น

 

“มีคนส่งมาให้เป็นของขวัญน่ะ” จางซิวหยิงพูด

 

“ของขวัญเหรอ?” น้องชายของเธอตกใจ ไม่มีใครในครอบครัวของพวกเขาเป็นข้าราชการเลยสักคน แล้วของขวัญนี้ส่งมาให้ใครกันล่ะ? “เสี่ยวเย้าเหรอ?”

 

“ใช่ พวกเขาเอามาให้เขาทั้งหมดนั่นแหละ” จางซิวหยิงตอบ

 

“ให้เขาทั้งหมด?” น้องชายของเธอดูเหมือนจะประหลาดใจมาก

 

พวกเขาไม่ได้มาเยี่ยมที่นี่นานแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้เลยว่า ที่คนมากมายแค่ไหนที่เดินทางมาเพื่อพบกับหวังเย้า และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยว่า คนส่วนใหญ่ที่มาไม่ใช่คนจังหวัดนี้ เพื่อที่จะได้พบหมอ พวกเขายินดีที่จะรอตลอดทั้งเช้า อีกทั้งสามสี่วันมานี้ ก็ยังมีคนที่เดินทางมาจากปักกิ่งด้วย

 

ยังไงก็ตามแต่ การได้ของมาโดยไม่เสียเงินก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว หากพูดกันตามจริงแล้ว พ่อแม่ของหวังเย้าถือเป็นผู้มีอาวุโสที่สุดในครอบครัวของพวกเขา ดังนั้น น้องๆทุกคนควรจะมาเยี่ยมพวกเขา แต่กลับกลายเป็นว่า พ่อแม่ของพวกเขาให้ความสำคัญกับน้องๆมากกว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมา

 

ก่อนที่จะกลับไป พวกเขาได้เอาของไปด้วยและอยู่ที่บ้านของหวังเย้าแค่ครู่เดียวเท่านั้น

 

วันต่อมา หวังเย้าเลือกหยิบของขึ้นมาและขับรถตรงไปยังบ้านตายายของเขา เมื่อเขาออกจากบ้านไป เขาก็ยังพกเงินสดจำนวนหนึ่งติดตัวไปด้วย

 

ที่ที่สองที่เขาแวะไปก็คือบ้านลุงของพันจวิน เขาตั้งใจจะไปตรวจชายชราและนำของขวัญปีใหม่ไปมอบให้ด้วย

 

เมื่อเดินทางไปถึง ก็พบว่าชายชรากำลังเก็บหัวผักกาดอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นหวังเย้า ชายชราก็รีบเชิญหวังเย้าเข้าไปในบ้านทันที

 

ภายในตัวบ้านเย็นเล็กน้อย

 

“คุณป้าล่ะครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ป้าเขาออกไปข้างนอก อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมาแล้วล่ะ” ชายชราพูด

 

“คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ลุงสบายดีมากเลยล่ะ” ชายชราพูดอย่างมีความสุข เวลาที่เคลื่อนไหวร่างกาย เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของเขายืดหยุ่นดีมาก แล้วเขาก็ยังเดินได้เร็วขึ้นด้วย