บทที่ 262 ฆ่าพยาน
บทที่ 262 ฆ่าพยาน
“ไป พวกเรากลับกันก่อน ฉันให้สัญญาว่าจะปกป้องเธอเอง หากเธอส่งพวกกัวหย่งซินเข้าคุกได้สำเร็จ เธอไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร”
จากนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็พาอดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีของเขาออกจากสนามบินและขับรถจากไป
ในระหว่างที่ขับรถ อวี้ฮ่าวหรานได้รับสายโทรศัพท์จากเฉิงกัวอัน
“ฮัลโหล! ฮ่าวหราน ตอนนี้ฉันได้ความคืบหน้ามาบ้างแล้ว!”
“เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ? แล้วได้เรื่องยังไงบ้าง?”
อวี้ฮ่าวหรานอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
“บังเอิญว่าฉันรู้จักกับหัวหน้าที่ดูแลสำนักงานสรรพากรประจำเมืองของเรา เธอมักจะติดต่อมาหาฉันเพื่อขอซื้อยาอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นฉันเลยติดต่อเธอดู และเธอก็บอกว่าตราบใดที่นายหาตัวคนที่ทำรายการบัญชีปลอมขึ้นมาได้ ทุกอย่างก็จะถือว่าจบ”
เฉิงกัวอันอธิบาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานก็เหลือมองไปที่ผู้หญิงที่เป็นอดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีของเขาด้วยรอยยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ถ้างั้นมันก็ไม่มีปัญหาเลย! ตอนนี้ผมได้ตัวอดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีของผมที่เป็นคนแต่งบัญชีปลอมมาแล้ว และกำลังจะไปพาตัวหลี่จิงเทียนที่มีส่วนรู้เห็นมาด้วย เดี๋ยวผมจะพาพวกเขาไปหาคุณก่อนก็แล้วกัน”
“นายเจอพวกเขาเร็วขนาดนี้เลย?” น้ำเสียงของเฉิงกัวอันเปลี่ยนเป็นตกตะลึงงั้น
“สำหรับผมแล้วมันก็แค่เรื่องง่าย ๆ”
หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย อวี้ฮ่าวหรานจึงวางสายไป
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่อยู่บนรถ ผู้หญิงที่เป็นอดีตหัวหน้าบัญชีของบริษัทอวี้ฮ่าวหรานก็ตัวสั่นด้วยความกลัวไปตลอดทาง เธอไม่คิดเลยว่าการกระทำของเธอมันจะส่งผลร้ายแรงต่อตัวของเธอเองได้ขนาดนี้
ต่อมาไม่นาน อวี้ฮ่าวหรานก็ขับรถไปถึงคฤหาสน์ของหลี่จิงเทียน ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังคงอยู่ในคฤหาสน์ไม่ได้หนีไปไหนเพราะความกลัว
“ป…เป็นเขาด้วย! นายน้อยหลี่ เป็นคนติดต่อกับกัวหย่งซิน และเป็นเขาเองที่เอาเงินให้ฉัน…”
ในทันทีที่อดีตหัวหน้าบัญชีเห็นหน้าหลี่จิงเทียน เธอก็เอ่ยรายละเอียดทุกอย่างออกมาเองโดยที่อวี้ฮ่าวหรานไม่จำเป็นต้องถาม
“ค…คือว่า…พี่เขย ทุกอย่างเป็นเพราะกัวหย่งซิน มันล่อลวงผม น…ในตอนนั้นผมแค่…หน้ามืดตามัวไป…”
หลี่จิงเทียนพยายามปกป้องตัวเองพลางมองไปที่อวี้ฮ่าวหรานด้วยแววตาหวาดกลัว เขาพยายามอธิบายว่าตัวเองไม่ได้อยากจะเป็นพวกเดียวกับกัวหย่งซิน แต่ด้วยสมองอันน้อยนิดที่มี คำแก้ตัวของเขาจึงฟังดูไม่ขึ้นสักเท่าไหร่เลย…
หลังจากนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็นำโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงคำสารภาพทั้งหมดของหลี่จิงเทียนและอดีตหัวหน้าบัญชี จากนั้นจึงส่งไฟล์เสียงไปให้กับตำรวจเพื่อให้ตำรวจไปรวบตัวกัวหย่งซินซึ่งตกเป็นผู้สงสัยก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงหูตำรวจ กัวหย่งซินที่มีเส้นสายมากมายจึงรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ในคฤหาสน์หรูแห่งหนึ่ง
“แม่งเอ๊ย! ไอ้ขยะสองตัวนั่นกล้าดียังไงถึงอัดเสียงเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับตำรวจฟัง! บัดซบ! บัดซบ!”
ในเวลานี้สีหน้าของกัวหย่งซินไม่หลงเหลือความสะใจที่ตัวเองทำให้อวี้ฮ่าวหรานเดือดร้อนได้อีกแล้ว เขามีแต่ความเดือดดาลและร้อนใจ
เขานึกไม่ถึงเลยว่า อวี้ฮ่าวหรานจะสืบเรื่องทั้งหมดได้เร็วขนาดนี้แถมยังไปเอาตัวหลี่จิงเทียนและผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าบัญชีที่ร่วมมือกับเขามาได้อีก
ในขณะเดียวกัน เผิงอิงอิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็แสดงสีหน้าวิตกและเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน…คุณกัว พวกเราจะทำยังไงกันดี! อวี้ฮ่าวหรานมันรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ได้ยังไง และมันทำให้สองคนนั่นสารภาพออกมาได้ยังไง! แบบนี้ไม่ดีแน่ เราจะปล่อยให้พยานสองคนนั่นไปถึงสถานีตำรวจไม่ได้เด็ดขาด!”
“ฉันรู้อยู่แล้วน่า! หุบปากไปซะ!”
กัวหย่งซินตะคอกใส่เมื่อเห็นว่าเผิงอิงอิงเริ่มทำตัวน่ารำคาญ สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงทุกคนคือเครื่องมือหรือไม่ก็เป็นเพียงของเล่น หากพวกเธอทั้งหลายทำตัวน่ารำคาญ เขาก็จะเฆี่ยนตีอย่างไร้ความปราณี
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ในที่สุดกัวหย่งซินก็โทรออกไปหาหัวหน้าแก๊งวาฬยักษ์
“พี่หลิ่ว! ครั้งนี้พี่จะดูอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แล้วนะ! แผนของเราทั้งหมดถูกเปิดเผยหมดแล้ว พี่ต้องฆ่าไอ้พยานสองคนนั่นให้ได้ก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสไปให้ปากคำต่อศาล! ถ้าพี่ทำสำเร็จผมจะจ่ายให้พี่อย่างงามที่สุด!”
หลิ่วอวี้จิงที่อยู่ปลายสายเงียบไปอยู่ครู่หนึ่งเพื่อครุ่นคิดหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของกัวหย่งซิน
กัวหย่งซินยิ่งร้อนใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ตอบสักทีเขาจึงพูดต่อ
“ถ้าคราวนี้พี่ไม่ทำอะไรอีกล่ะก็ ผมจบเห่แน่! แล้วจากนั้นพี่จะจัดการกับไอ้อวี้ฮ่าวหรานได้ยังไง พี่ลองคิดดู!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วอวี้จิงจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตัดสินใจ
“ก็ได้ เอาเป็นว่าคราวนี้ฉันจะช่วยเอง แต่อย่าลืมล่ะว่าค่าจ้างคราวนี้มันจะต้องมากกว่าคราวก่อน ๆ จนฉันยิ้มได้!”
…
อีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานที่กำลังขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัทชิวเฮิง เมื่อขับไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ ถนนข้างหน้าของเขาก็ถูกปิดโดยรถมากกว่าสิบคัน ซึ่งทำให้เขาต้องหยุดรถที่กลางถนน!
ในขณะเดียวกับที่อวี้ฮ่าวหรานหยุดรถ นักเลงร่างล่ำบึ้กหลายสิบก็กรูกันลงจากรถด้วยสีหน้าที่เหี้ยมเกรียม และหนึ่งในนั้นคือชายหัวล้านที่อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งเจอมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
“ฮึ่ม! คราวนี้แกอย่าหวังว่าจะรอดไปโดยไม่เจ็บตัว ฉันรอโอกาสเอาคืนแกมานานแล้ว!”
หวางเว่ยเป็นคนตะโกนขึ้นคนแรก แน่นอนว่าเขาคือคนเดียวกับคนดูแลบ่อนที่อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งไปถล่มมาล่าสุด
แต่วันนี้หวางเว่ยไม่ได้มาแค่คนเดียว แต่มาพร้อมกับอู๋เฟิง ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าสาขาของแก๊งวาฬยักษ์เช่นเดียวกันกับเขา และลูกน้องอีกเกือบ 70 คน!
อวี้ฮ่าวหรานกวาดสายตามองอีกฝ่ายทันที ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นได้อย่างรวดเร็วว่าอีกฝ่ายมีผู้บ่มเพาะระดับกำลังภายในอยู่สองคน สิ่งนี้ทำให้เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างดูถูก
“ฮ่า ๆ พวกแกนี่ดูถูกฉันจริง ๆ ผู้บ่มเพาะกำลังภายในสองคนคิดว่าจะทำอะไรฉันได้เหรอ?”
“โอ้ สายตาของแกนี่ไม่เลวเลยจริง ๆ!”
หวางเว่ยไม่รู้ตัวว่าอีกฝ่ายกำลังดูถูกพวกของตนเอง กลับกันเขารู้สึกภูมิใจที่วันนี้หัวหน้าแก๊งของเขาส่งหัวหน้าสาขาคนอื่นมาช่วยเพิ่มอีก
เขามั่นใจว่าวันนี้ตัวเองจะสามารถล้างความอับอายที่อวี้ฮ่าวหรานเคยทำกับเขาเอาไว้ได้อย่างแน่นอน…
“วันนี้ฉันกำลังรีบไม่มีเวลาเล่นกับพวกแก ถ้าพวกแกยอมถอยไปดี ๆ พวกแกจะไม่เจ็บตัว”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นราวกับว่าคนพวกนี้เป็นแค่แมลงในสายตาของเขา
“ไอ้ลูกหมา! แกไม่เห็นหรือไงว่าวันนี้พวกฉันมีกันกี่คน! มันไม่เหมือนวันนั้นแล้วโว้ยที่แกมีแก๊งพยัคฆ์เวหาคอยหนุนหลัง กว่าพวกแก๊งพยัคฆ์เวหาจะมาช่วยแกทัน ป่านนั้นแกคงกลายเป็นศพไปแล้ว!”
อู๋เฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หวางเว่ยตะโกนขึ้น เมื่อวันที่อวี้ฮ่าวหรานบุกถล่มบ่อนของหวางเว่ย เขาเองก็พยายามจะเข้าไปช่วยในบ่อนเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าแก๊งพยัคฆ์เวหาดันมาขวางเขาเอาไว้ซะก่อน ซึ่งมันทำให้เขาแค้นมาก
อีกด้านหนึ่ง หลี่จิงเทียนและอดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีที่ยังนั่งอยู่ในรถเมื่อเห็นภาพเช่นนี้ พวกเขาต่างก็กลัวจนตัวสั่น
พวกทั้งคู่ต่างค่อย ๆ เดินลงจากรถและชูแขนทั้งสองข้างขึ้นแสดงท่าทียอมจำนนและตะโกน
“ผ…ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วย…เรื่องของพวกพี่ไม่เกี่ยวอะไรกับผม…ย…อย่าทำอะไรผมเลยนะ…”
หลี่จิงเทียนเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน จากนั้นอดีตหัวหน้าบัญชีเอ่ยขึ้นเสริม
“ช…ใช่! พ…พวกเราไม่เกี่ยวอะไรด้วย…”
อย่างไรก็ตาม เมื่ออู๋เฟิงเห็นหน้าของทั้งสองคนนี้ ดวงตาของเขาลุกวาวทันที
“ฮ่า ๆ นั่นไงเป้าหมายของพวกเรา! พวกแกทั้งคู่จะบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวไม่ได้โว้ย! จริง ๆ แล้วเป้าหมายหลักในวันนี้คือพวกแก ถ้าพวกแกตาย กัวหย่งซินก็จะรอด!”
หลี่จิงเทียนแทบจะหยุดหายใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ ส่วนอดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีเข่าอ่อนล้มตัวลงไปนั่งทันที
“ห…ห๊ะ? ม…ไม่นะ ไม่ได้ อย่าฆ่าฉันเลย…ฮือ…”
ก่อนหน้านี้เธอกลัวอยู่แล้ว ดังนั้นในตอนนี้เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อเอาชีวิตเธอโดยเฉพาะ เธอจึงสติแตกร้องไห้ออกมาทันที