บทที่ 263 มอบของย้ำเตือนใจ
บทที่ 263 มอบของย้ำเตือนใจ
“ไม่นะ ไม่นะ!!!”
หลี่จิงเทียนสติแตกไปเหมือนกันเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายต้องการชีวิตของเขา
ก่อนหน้านี้กัวหย่งซินยังคุยกับเขาดี ๆ อยู่เลย ไหงตอนนี้กลับส่งคนมาฆ่าเขาอย่างเลือดเย็นขนาดนี้?
ในขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานที่รู้สึกเริ่มเบื่อแล้วจึงเอ่ยขัดขึ้น
“โอ้ พวกแกต้องการปิดปากพยานของฉันงั้นเหรอ? พวกแกนี่โง่ยิ่งกว่าจริง ๆ”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็ส่ายหัวพร้อมกับยิ้มอย่างขบขันให้กับอีกฝ่าย
“ถ้าใช่แล้วยังไง? แกคิดว่าแกจะทำอะไรได้งั้นหรือไงวะ? ถุย! ยิ้มไปเถอะ หลังจากนี้แกได้ไปยิ้มต่อในนรกแน่!”
อู๋เฟิงเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นสบถก่อน
“เอาแม่งเลย! หักแขนหักขาไอ้ลูกหมานี่ให้ฉัน อย่าเพิ่งให้มันตาย ฉันอยากจะเล่นสนุกกับมันหลังจากนี้!”
จากนั้น หวางเว่ยก็ตะโกนสั่งขึ้นทันที เขาเบื่อที่จะเปลืองน้ำลายกับอวี้ฮ่าวหรานเช่นกัน
เมื่อได้รับคำสั่ง นักเลงเกือบ 70 คน ต่างควงมีดวิ่งเข้าไปหาอวี้ฮ่าวหรานกันอย่างพร้อมเพรียง!
หากเป็นในสายตาของคนธรรมดา เมื่อเผชิญกับสถานการณ์นี้ย่อมเข่าอ่อนจนทรุดตัวลงไปที่พื้นรอรับความตายแน่นอน
แต่ในทางกลับกัน สำหรับอวี้ฮ่าวหรานแล้ว สถานการณ์นี้มันไม่ต่างอะไรกับการมีมด 70 ตัววิ่งกรูกันเข้ามาหาเขา ซึ่งแค่ไล่เหยียบพวกมันไม่กี่ทีก็ตายหมดแล้ว
“ไอ้ลูกหมา วันนี้แกไม่รอดแน่ แกต้องชดใช้ที่ทำให้ลูกพี่ของฉันเสียหน้า!”
นักเลงคนที่วิ่งไวที่สุดควงมีดเข้ามาหาพร้อมกับตะโกนเยาะเย้ยดังลั่น
แต่แล้ว ในวินาทีที่มีดกำลังจะสับไปที่แขนของอวี้ฮ่าวหราน จู่ ๆ กลับมีมือข้างหนึ่งกำใบมีดเอาไว้แน่นหยุดการฟันได้อย่างง่ายดาย!
มือที่กำใบมีดนั้นไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากอวี้ฮ่าวหราน!
บรรดานักเลงที่เห็นภาพนี้ ตาของพวกเขาแทบจะถลนออกจากเบ้า
คนบ้าอะไรรับมีดได้ด้วยมือเปล่าแบบนี้!
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง อวี้ฮ่าวหรานก็โคจรพลังวิญญาณในร่างกาย และปลดปล่อยคลื่นพลังกวาดไปทางด้านหน้าที่พวกนักเลงกำลังวิ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน
“บรึ้ม!!”
ด้วยความรุนแรงของคลื่นพลังและการคำนวณของอวี้ฮ่าวหราน นักเลงกว่า 70 คนก็กลิ้งล้มระเนระนาดไปตาม ๆ กัน พวกนักเลงทุกคนต่างกระอักเลือดออกมาทันทีซึ่งมันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าอวัยวะภายในของพวกเขาทุกคนล้วนเสียหาย!
แค่การโจมตีครั้งเดียว คน 70 คนถึงกับสิ้นสภาพ!
แค่ครั้งเดียวเท่านั้น!
“อ๊ากกกกกกก”
“ส…สัตว์ประหลาดชัด ๆ!”
“ม..ไม่เอาแล้ว ฉันไม่อยากตาย ฉันไม่เอาด้วยแล้ววว”
บรรดาพวกนักเลงที่ยังพอลุกไหวต่างกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและพยายามตะเกียกตะกายหนีอย่างทุลักทุเล
พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับอวี้ฮ่าวหรานอีกต่อไปแล้ว
“นี่มัน นี่มัน!”
อู๋เฟิงที่ดูเหตุการณ์อยู่รู้สึกกลัวจนขนลุกซู่เมื่อเห็นว่าอวี้ฮ่าวหราน แข็งแกร่งแค่ไหน
ศัตรูของพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาแน่ ๆ!
หวางเว่ยนั้นตกตะลึงยิ่งกว่า เพราะเขาเคยเผชิญกับอวี้ฮ่าวหรานมาก่อนในบ่อน
ในตอนนั้นถึงแม้ว่าเขาจะเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขนาดล้มคน 70 คนได้ในพริบตาแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าตอนอยู่ที่บ่อน อีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่!
ไอ้หนุ่มนี่มันบ่มเพาะตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ของมันหรือไง ทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!?
ความแข็งแกร่งระดับนี้มันน่าจะพอ ๆ กับหัวหน้าแก๊งของพวกเขาเลยด้วยซ้ำ!
ในขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานก็โยนมีดที่กำเอาไว้เมื่อครู่ทิ้งและเบนสายตาไปมองอู๋เฟิงและหวางเว่ยที่ยังเหลืออยู่สองคน
“ไหนว่าอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่เหรอ? มาสิ ถึงตาที่พวกแกจะต้องลงมือเองแล้ว”
แต่แล้วหลังจากพูดจบ ร่างของอวี้ฮ่าวหรานก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่และไปโผล่ยืนคั่นกลางระหว่างอู๋เฟิงและหวางเว่ยอย่างฉับพลันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“เอาสิ ฉันอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้ว พวกแกลงมือได้แล้ว!”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อู๋เฟิงและหวางเว่ยจะทันได้ขยับตัว อวี้ฮ่าวหรานก็กุมคอของทั้งสองเอาไว้เรียบร้อย!
แน่นอนว่าเมื่อคอของตัวเองถูกกุมเอาไว้ ทั้งสองคนก็รีบโคจรพลังและใช้กำลังทั้งหมดในการต่อต้าน แต่น่าเสียดายที่พลังของพวกเขานั้นไม่ต่างอะไรจากมดเมื่ออยู่ต่อหน้าของอวี้ฮ่าวหราน ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนทุบแขนแกะมือของอวี้ฮ่าวหรานยังไง มันก็ไม่มีประโยชน์เลย
มือของอวี้ฮ่าวหรานยังคงกุมคอของพวกเขาเอาไว้ไม่ไหวติงราวกับเป็นคีมที่ถูกล็อคตายเอาไว้แล้ว
เมื่อดิ้นรนไปได้สักพัก และรู้ว่าตัวเองไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลย ทั้ง อู๋เฟิงและหวางเว่ยก็เริ่มหวาดกลัวจับใจ
“ด..ได้โปรด ละเว้นฉันเถอะ อย่าฆ่าฉันเลย!”
“ช…ใช่ พ..พวกเราแค่ทำตามคำสั่งของหัวหน้าแก๊งเท่านั้น พวกเราไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย!”
สีหน้าของทั้งคู่กลายเป็นซีดเซียวเมื่อคิดว่าตอนนี้ขาของพวกเขาก้าวไปอยู่ในยมโลกแล้วข้างหนึ่ง แค่อวี้ฮ่าวหรานออกแรงเพียงนิดเดียวคอของพวกเขาก็จะหักและตายทันที!
สิ่งที่พวกเขาทำได้ตอนนี้จึงมีเพียงแค่อ้อนวอนขอความเห็นใจ และละทิ้งศักดิ์ศรีทั้งหมดไป
ศักดิ์ศรีจะทำอะไรได้หากพวกเขาตายไปแล้ว?
“โอ้ พวกแกอ้อนวอนเป็นเหมือนกันด้วยเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย ตอนนี้ชายหนุ่มยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่ด้วยซ้ำแต่ไอ้พวกมดปลวกนี่ก็ยอมอ้อนวอนเขาซะแล้ว
พวกมดแมลงนี่มันเล่นด้วยไม่สนุกเลยจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกได้ว่าเขาต้องรีบไปหาเฉิงกัวอันเพื่อจบเรื่องกับสรรพากร ชายหนุ่มก็ขี้เกียจจะพูดมากกับคนพวกนี้อีกต่อไป เขาปล่อยคนทั้งคู่นี้ลงไปที่พูดก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะ ครั้งนี้ฉันจะยังไม่ฆ่าพวกแก แต่ในเมื่อครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ดังนั้นฉันต้องมอบของฝากเอาไว้ช่วยย้ำเตือนใจพวกแกสักหน่อย!”
“ย…ย้ำเตือนใจ?”
“ฉ…ฉันผิดไปแล้ว อย่าทำฉันเลย…”
ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่รู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานจะทำอะไรต่อ แต่พวกเขาก็รีบกราบกรานเพื่อขอความเมตตาอีกรอบ แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าพวกเขาจะขอร้องยังไงมันก็ไร้ผล!
“กร๊อบ กร๊อบ!!”
มือของทั้งคู่ที่กำลังกราบกรานอยู่ที่พื้นโดนอวี้ฮ่าวหรานเหยียบอย่างฉับพลันจนกระดูกแหลกละเอียด!
ทั้งสองคนต่างเจ็บปวดจนแทบคลั่ง แต่ก็ไม่กล้าร้องออกมาเพราะกลัวว่าจะทำให้อวี้ฮ่าวหรานขุ่นเคือง พวกเขาทำได้แต่ก้มหมอบอยู่อย่างนั้นเพื่อรอให้อวี้ฮ่าวหรานจากไปด้วยเหงื่อที่ชุ่มกาย
อวี้ฮ่าวหรานมองไปที่คนทั้งคู่อย่างเย้ยหยันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป
แต่เมื่อเขาเดินไปได้ครึ่งทางก่อนที่จะถึงรถของตัวเอง อวี้ฮ่าวหรานพลันหันกลับมาและตะโกนขึ้น
“ช่วยฉันเอาข้อความนี้ไปบอกกับหัวหน้าของพวกแกที พวกแกทุกคนน่ะไม่ต่างอะไรกับเศษขยะในสายตาของฉัน หากพวกแกบังอาจมาสร้างความรำคาญให้ฉันอีกรอบ คราวหน้าฉันจะไปเหยียบพวกแกถึงที่โดยเฉพาะหัวหน้าของพวกแก!”
หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็เดินกลับไปที่รถต่อ
อู๋เฟิงและหวางเว่ยเมื่อได้ยินเช่นนี้พวกเขาต่างก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ไอ้คน ๆ นี้มันกล้าขู่ว่าจะไปเหยียบหน้าหัวหน้าแก๊งของเราถึงถิ่นเลยงั้นเหรอ?