ภาคที่ 2 การแข่งขันแพทย์แผนจีน บทที่ 20 ปู่ทวดของหนูชื่อฮัวเหรินเชิง

เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

บทที่ 20 ปู่ทวดของหนูชื่อฮัวเหรินเชิง

10!

9!

8!

……

3!

2!

1!

หมดเวลา! ผู้เล่นคนสุดท้ายถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

หลังจากที่ผู้ชมตะโกนร้องด้วยความยินดี เสียงปรบมือก็ดังขึ้น ซูเย่มีความรู้ความสามารถจริงๆ ใครจะคิดว่าหนึ่งต่อร้อยเขาก็ยังชนะได้ ใครจะคิดว่านักศึกษาแพทย์แผนจีนจะเอาชนะทุกด่านของรายการชุมนุมวิชาการได้?

ไม่เพียงแต่เอาชนะผู้ชนะทั้งแปดเท่านั้น แต่ยังเอาชนะหนึ่งต่อร้อยได้อย่างไม่น่าเชื่อสุดยอด! นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ผู้ชนะทั้งแปดที่อยู่หลังเวทีก็มองหน้ากันไปมาแล้วยิ้มอย่างข่มขืน เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่า?

…แต่พวกเขาก็ปรบมือให้ซูเย่อย่างจริงใจ

จ้าวเหมียนมองฉากที่ปรากฏเบื้องหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา

ซูเย่ชนะ??? บ้าจริง เด็กคนนี้ชนะ!!!

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ฉันเลือกไม่ผิดจริงๆ เขาเป็นอัจฉริยะ!”

“เหล่าเฉิน แกหลอกฉันเองแต่สุดท้ายผลประโยชน์มาตกที่ฉันเต็มๆ!”

ด้านล่างเวที ในตอนที่ทุกคนต่างกำลังโห่ร้องยินดี เฉินหลี่ซ่างยิ่งครุ่นคิดหนักขึ้น ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้า

ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องทำอะไรที่มันบ้ากว่านี้ไปเลยสิ! หากทำสำเร็จ เรตติ้งอาจจะพุ่งทะลุเพดาน! สปอนเซอร์ในซีซันหน้าอาจจะสูงขึ้น และฉันจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งในอนาคต!

แต่ฉันจะผิดต่อเหล่าจ้าว…

เขามองไปที่ผู้ชม แรงกระตุ้นในหัวใจของเขาไม่สามารถยับยั้งได้อีกต่อไป

เหล่าจ้าว ฉันผิดต่อนายไปแล้ว อีกครั้งก็ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม…

เมื่อคิดถึงเสร็จสรรพ เขาก็สั่งพิธีกรอีกครั้ง

พิธีกรยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อได้รับคำสั่งและมองไปที่ผู้กำกับที่อยู่ล่างเวที ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาต้องการจะทำแบบนี้จริงๆ งั้นเหรอ?

เฉินหลี่ซ่างสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยักหน้า ถ้าไม่ทำตอนนี้ ชาตินี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกับคนที่มีความสามารถเช่นนี้อีก และจะไม่มีโอกาสครั้งต่อไป!

พิธีกรทำความเข้าใจคำสั่งที่ได้รับ และเมื่อเสียงปรบมือหยุดลง เธอก็กล่าวต่อพร้อมรอยยิ้มทันที “ยินดีด้วยค่ะ นักศึกษาซูเย่ที่ทำภารกิจสำเร็จ!”

“ทุกคนปรบมืออีกครั้งเพื่อแสดงความยินดี”

แปะแปะแปะ… มีเสียงปรบมือจากผู้ชม ซูเย่ค้อมกายขอบคุณทุกคน

มันควรจะจบลงได้แล้ว ซูเย่กล่าวในใจ

พิธีกรยิ้มแล้วเอ่ยถาม “ทุกคนอยากรู้ไหมคะ ว่าขีดจำกัดของซูเย่อยู่ที่ไหน”

ผู้ชมต่างพาพยักหน้า อยากรู้ อยากรู้ อยากรู้มาก!

“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ! ทุกคนเพิ่งเห็นนักศึกษาซูเย่ชนะคนร้อยคนมา ทุกคนอยากมีส่วนร่วมไหมคะ?”

พิธีกรถามผู้ชม

ผู้ชมต่างพาพยักหน้า อีกครั้ง อยาก! อยาก! อยากเป็นอย่างมาก!

“แล้วทุกคน อยากลองแข่งกับซูเย่ไหมคะ?”

พิธีกรเอ่ยถาม

อะไรนะ? ซูเย่แข่งกับพวกเขา… ไม่สิ! พวกเขาแข่งกับซูเย่?

ดวงตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้นในทันที

“อยาก”

ผู้ชมทั้งหมดตอบเหมือนกัน

เมื่อได้เห็นเช่นนี้ พิธีกรก็มองไปที่ซูเย่แล้วเอ่ยถาม “เอาล่ะ รายการของเราได้เตรียมรายการพิเศษสุดท้ายสำหรับนักศึกษาซูเย่ไว้ คุณหนึ่งคนแข่งขับผู้ชมมากกว่า 500 คนในห้องอัดแห่งนี้!”

เมื่อเธอพูดจบ บรรยากาศในห้องพลันสูงขึ้นทันที พวกเขาคิดว่าพิธีกรแค่ล้อเล่น ไม่คิดว่าจะมีส่วนร่วมในการแข่งได้จริง ชๆ

“เฉินหลี่ซ่าง! %&)(*%$!”

จ้าวเหมียนพ่นคำสบถออกมาทันที

เฉินหลี่ซ่างทำเพื่อรายการของตัวเองจึงไม่รีรอที่จะใช้ผู้แข่งจากรายการของเขาเป็นหินรองเท้า!

ถ้าชนะก็วินวิน!

แต่ถ้าซูเย่แพ้ รายการนี้จะชนะ แต่อนาคตแพทย์แผนจีนของเขาจะแพ้!

เฉินหลี่ซ่างแกกับฉันได้เห็นดีกันแน่!

ยังมีอีก? ซูเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าเขาค่อนข้างขาดทุนสำหรับเงินสองพันหยวน นี่ให้ทำงานเยอะไปไหมเนี่ย?

“ซูเย่ คุณคิดว่าอย่างไร?”

พิธรกรเอ่ยถาม ซูเย่ถอนหายใจ เขาจะพูดอะไรได้อีก ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย

“เยี่ยมยอด ซูเย่ยังคงมั่นใจและสงบนิ่งเช่นเดิม”

พิธีกรยิ้มแล้วพูดต่อ “ผู้ชมในห้องนี้สามารถตอบได้ แข่งกับนักศึกษาซูเย่ กติกาก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ เริ่มจากผู้ชมแถวแรกตอบจากซ้ายไปขวา เพราะมีคนจำนวนมากแต่เวลาของเรามีจำกัด ดังนั้นครั้งนี้กำหนดเวลาห้าวินาที ไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือค่ะ”

“คราวนี้ ให้ทีมผู้เข้าแข่งร้อยคนของรายการเป็นผู้กำหนดตัวอักษร”

ขณะพูด สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ทีมผู้แข่งร้อยคน หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกัน ผู้แข่งขันหมายเลขหนึ่งยืนขึ้นแล้วกล่าว “หลังจากการตัดสินใจร่วมกัน เราตัดสินใจเลือกคำว่า ‘ทำ’ ”

หลังจากพูดแล้ว เขาเหลือบมองที่ซูเย่โดยไม่ตั้งใจ ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ นี่มันชัดเจนเกินไปแล้ว เขากำลังบอกให้พวกเขาจัดการซูเย่

ซูเย่กล่าวขึ้นทันที “จันทราส่องเรือนบ้านปรากฏเงาราตรี ดาวเหนือและดาวใต้อยู่แนวเฉียง”

ผู้ชมคนแรกยืนขึ้น หยิบไมโครโฟนที่เจ้าหน้าที่ส่งมาให้ แล้วเอ่ยตอบ “สิงเทียนร่ายรำอาวุธ เข้าสู้รบไม่หวาดเกรง”

ซูเย่ตอบอีกครั้ง “ตัวไหมสิ้นใจสายไยหมด เปลวเทียนมอดดับน้ำตาเหือดแห้ง”

ผู้ชมคนที่สองรับไมโครโฟนมา คนที่สามรับไมโครโฟนต่อ จนถึงคนที่เจ็ด “ใบหน้านวลนงค์นองน้ำตา กิ่งผกาสาลี่พิรุณโปรย”

ซูเย่ตอบอีกครั้ง “ในเมื่อเอาแต่ผลประโยชน์เข้าตัว แล้วจะเป็นผู้ดำรงซึ่งคุณธรรมได้เยี่ยงไร”

คนที่แปด… เหตุผลหลักคือคำนี้มีกลอนค่อนข้างน้อย และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และทุกคนมีพื้นฐานที่มั่นคงในการเรียนรู้ภาษาจีน แต่ก็ยังไม่เทียบเท่าผู้เข้าแข่งขันของรายการ

หลังจากจบรอบแรก ก็มีคนตกรอบไปแล้วกว่าครึ่ง เหลือเพียง 200 คนเท่านั้น

หรือนั่นก็คือกลอนที่มีคำดังกล่าว 400 ประโยคถูกพูดออกมาแล้ว ในรอบที่สอง ซูเย่เริ่มต้นอีกครั้ง

“อยู่ด้วยกันที่เมืองฉางก้านหลี่ เราสองวัยเยาว์เติบโตไร้พิษสง”

ผู้ชมคนแรกยืนขึ้นแล้วโบกมือสละสิทธิ์ เขาคิดไม่ออกแล้ว คนที่สอง คนที่สาม คนที่สี่…

ไม่มีใครตอบได้จนถึงคนที่สิบ

ซูเย่ “ยืนชมทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าสีครามเมฆาขาว”

คนที่สิบเอ็ด คนที่สิบสอง คนที่สิบสาม… หลังจากจบรอบที่สอง ก็เหลือเพียงสิบคนเท่านั้น

ผู้เข้าแข่งร้อยคนมองไปที่คนที่เหลือ คนที่เหลืออยู่ถือว่ามีความสามารถไม่น้อย เพราะถ้าเป็นพวกเขาก็อาจจะไม่สามารถอยู่ต่อได้แล้วก็ได้

แต่ที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือซูเย่! เขายังคงอยู่ต่อจริงๆ ราวกับว่าเขาสามารถพูดบทกวีออกมาได้ไม่หยุดจริงๆ!!

“จะชนะงั้นเหรอ”

จ้าวเหมียนระงับความโกรธในใจของเขาและมองดูฉากนี้ด้วยความประหลาดใจ ถ้าซูเย่ทำได้ก็ถือว่าวินวิน!

อย่างน้อยก็ไม่เสียหน้า! ถ้าชนะ…

จ้าวเหมียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ถ้าชนะก็เท่ากับมีโชคหล่นทับให้รายการอนาคตแพทย์แผนจีน! โชคก้อนใหญ่เสียด้วย!

รอบที่สาม

ซูเย่ “จักรพรรดิประทับอยู่ที่ตำหนักฮวาชิง หยางกุ้ยเฟยประทับเคียงข้าง”

คนแรกก็คิดไม่ออก คนที่สอง คนที่สาม.. คนที่สิบ!

สามรอบไม่มีใครเหลือแล้ว! ซูเย่ชนะอีกแล้ว!

ทันทีที่เสียงเพลงของผู้ชนะดังขึ้น ทุกคนในกลุ่มผู้ชมก็ลุกขึ้นและปรบมือ ทุกคนมองไปที่ซูเย่ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม!

เขามีความสามารถมากจริงๆ!

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

“สำเร็จ!”

มือของเฉินหลี่ซ่างที่กำแน่นกำลังสั่นเบาๆ ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ คราวนี้เขาเดิมพันถูกต้อง!

เรตติ้งของตอนนี้จะต้องพุ่งทะยานแน่นอน!

ท่ามกลางเสียงเชียร์ของฝูงชน พิธีกรถามประโยคสุดท้าย

“คุณท่องได้เรื่อยๆ จริงหรือคะ?”

“ครับ” ซูเย่พยักหน้า

เพียงหนึ่งประโยค เสียงปรบมือของผู้ชมดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง! ที่พวกเขาไม่เชื่อตอนแรก ในตอนนี้พวกเขาก็… เชื่อเล็กน้อย!

ต่อให้ท่องไปเรื่อยๆ ไม่ได้ แต่มันก็เป็นมากกว่าที่คนทั่วไปสามารถทำได้แล้ว!

“ขอแสดงความยินดีกับซูเย่ด้วยค่ะ และขอเสียงปรบมือให้กับความสามารถของเขา!”

ท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้ชมที่ดังสนั่น การบันทึกทั้งหมดได้สิ้นสุดลง

ทันทีที่ซูเย่เดินลงจากเวทีก็ถูกจ้าวเหมียนพาลากเดินออกไปทันที

“ไปเร็ว ไปเร็ว”

เขากลัวว่าเฉินหลี่ซ่างจะมีความคิดอะไรแปลกๆ มาอีก เมื่อเดินออกมาจากตึกถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วมองไปทางซูเย่

“วันนี้ทำได้ดี! ไม่คิดเลยว่านายจะเก่งขนาดนี้”

ซูเย่ยิ้มอย่างสุภาพ

“ไม่ต้องกังวลไป เธอต้องแข่งหลายรอบในวันนี้ เสียเวลาเพื่อสองสามชั่วโมงในการอัด ค่าแรงจะไม่ใช่แค่ 2000 หยวนแน่เธอรอฉัน ฉันจะไปทวงมาให้ได้!”

จ้าวเหมียนกอดไหล่ของซูเย่และพูดอย่างโกรธแค้นขณะที่เดินออกไป เฉินหลี่ซ่างแกได้เห็นดีแน่เรา!

ดวงตาของซูเย่เป็นประกาย ในที่สุดเขาก็ไม่ถูกใช้งานเพิ่มฟรีๆ

สองวันต่อมา เจ็ดโมงเช้า ผู้เข้าแข่งขัน 50 คนได้รับประกาศจากทีมงานให้มารวมตัวหน้าล็อบบีโรงแรม

ตอนนี้เองซูเย่พลันได้รับแจ้งเตือนจากธนาคารว่ามีเข้าหนึ่งหมื่นหยวน

“คงเป็นค่าเสียเวลาสินะ”

ซูเย่ยกยิ้ม

เวลานี้รถบัสคันใหญ่สองคนได้มาจอดที่หน้าโรงแรม จ้าวเหมียนเดินลงจากรถ โบกมือให้ผู้เข้าแข่งขัน 50 คนที่รออยู่ แล้วเรียกทุกคนให้ขึ้นรถ

เมื่อทุกคนขึ้นรถ ทุกคนต่างก็สงสัยว่าจะไปไหน ทว่าก็ได้แต่มองรถขับมาเรื่อยๆ จนขึ้นทางด่วน

ไม่ใช่ว่าสอบรอบที่สองงั้นเหรอ? นี่จะไปไหน?

ทุกคนได้แวะทานอาหารในจุดรวมตัว แล้วขึ้นรถเดินทางต่อ

ห้าชั่วโมงต่อมา รถได้หยุดจอดที่แห่งหนึ่ง

“ถึงแล้ว ทุกคนลงไปยืดเส้นยืดสายกันก่อน”

เสียงของพิธีกรดังขึ้นปลุกคนที่ยังหลับใหลอยู่ ซูเย่เองก็ลืมตาตื่นขึ้นในขณะนี้

วินาทีที่ลงจากรถ ซูเย่เลิกคิ้วทันที ที่นี่คือเรือนเพาะปลูกสมุนไพรของฮั่วซือฉิงใช่หรือไม่?

“ทำไมรายการถึงพามาที่นี่?”

หรือว่าสถานที่ของการแข่งขันครั้งที่สองก็คือที่นี่?

“โอเค ทุกคนมารวมกันทางนี้ครับ”

พิธีกรโบกมือและตะโกนเรียกทุกคน ผู้เข้าแข่งขัน 50 คนมารวมตัวกันทันที ทีมงานจัดสถานที่เอาไว้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้

“นี่คือสถานที่จัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนรอบที่ 2 ของเรา และจะทำการถ่ายทำที่นี่ด้วย”

ขณะพูด พิธีกรก็ชี้ไปที่เรือนกระจกซึ่งอยู่ไม่ไกล “นี่คือเรือนเพาะปลูกสมุนไพรชั้นนำในประเทศ สมุนไพรทั้งหมดในเรือนกระจกนั้นมีหมายเลข”

“อีกครู่ พวกคุณจะได้รับกระดาษข้อสอบ”

“ทั้งหมดหนึ่งพันรายการ มีหมายเลขหนึ่งพันหมายเลขในกระดาษข้อสอบ สิ่งที่คุณต้องทำคือเขียนชื่อสมุนไพรด้านหลังแต่ละหมายเลข การสอบครั้งนี้คือการวัดระดับความคุ้นเคยที่พวกคุณมีต่อสมุนไพรจีน”

เมื่อพูดจบ ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 50 คนต่างตกตะลึง เดินทางมาไกลขนาดนี้เพื่อเกี่ยวกับสมุนไพรจีน?

ทำไมพวกเขาคิดไม่ถึงว่าการสอบจะออกมาในรูปแบบนี้ โดยปกติแล้วไม่ใช่ว่าสอบเกี่ยวกับสมุนไพรจีนที่แปรรูปเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเป็นการสอบแบบนี้ไปได้?

นี่มันค่อนข้างยากไปนะ!

ทุกคนต่างขมวดคิ้ว แต่หวังจี้เชากลับใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจมองไปที่คนอื่น

โดยเฉพาะซูเย่ มันยากสำหรับพวกแก แต่ไม่ยากสำหรับฉันหรอกนะ ฉันใช้เวลาและแรงกายไม่น้อยในการศึกษา

“เอาล่ะ ทุกคนส่งโทรศัพท์มา พักสักสิบนาที แล้วเตรียมตัวสำหรับการสอบ”

พิธีกรประกาศ

เมื่อทุกคนยื่นโทรศัพท์ให้ มีเด็กน้อยคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วเหลือบมองมาทางนี้ เธอสังเกตเห็นซูเย่ ดวงตาของเธอพลันเป็นประกาย โบกมือพลางวิ่งไปหาซูเย่ แล้วตะโกนร้องเรียกอย่างประหลาดใจ

“อาจารย์ลุงซูเย่!”

คนอื่นหันศีรษะไปมอง เห็นเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูร่าเริงสดใส ยามยิ้มราวกับแสงตะวันทอประกาย

ฮั่วเสี่ยวเหอวิ่งมาเบื้องหน้าซูเย่ ชายหนุ่มที่เห็นท่าทางร่าเริงแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเช่นกัน

…ดูท่าสุขภาพคงฟื้นฟูได้เยอะแล้ว

ฮั่วเสี่ยวเหอหยุดหน้าซูเย่แล้วกล่าวพลางยิ้มอย่างมีความสุข “ขอบคุณอาจารย์ลุงที่รักษาโรคของหนูนะคะ ปู่ทวดกำชับให้หนูมาขอบคุณด้วยตัวเอง แถมยังบอกอีกว่าไม่คิดเลยว่าปู่ทวดรักษาไม่ได้แต่อาจารย์ลุงกลับรักษาได้ อาจารย์ลุงเก่งที่สุดเลยค่ะ”

เมื่อเธอกล่าวจบ สายตาทุกคู่ก็จดจ้องไปที่ซูเย่ในทันที

เธอรู้จักซูเย่?

ที่นี่มีคนที่ซูเย่รู้จัก?

เธอเรียกซูเย่ว่าอาจารย์ลุง?

ซูเย่รักษาโรคของเธอหาย?

“ซูเย่เป็นแค่นักศึกษาไม่ใช่หรือ เขากล้าดียังไงถึงไปรักษาคน?”

ความสงสัยแวบเข้ามาในหัวของทุกคน นอกจากนี้พวกเขายิ่งกังวลอีกเรื่อง ซูเย่เคยมาที่นี่มาก่อน งั้นก็ต้องคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ ถ้างั้นการสอบก็ไม่ยุติธรรมน่ะสิ!

ผู้กำกับจ้าวมองไปชี้ไปทางโปรดิวเซอร์หวัง เขาจึงพาตากล้องไปถ่ายเก็บไว้ กล้องหันไปทางซูเย่และฮั่วเสี่ยวเหอ

“เมื่อกี้หนูบอกว่าซูเย่รักษาโรคให้หนูงั้นเหรอ?” โปรดิวเซอร์เอ่ยถามฮั่วเสี่ยวเหอ

“ใช่แล้วค่ะ” ฮั่วเสี่ยวเหอพยักหน้า

“แถมยังบอกว่าปู่ทวดของหนูรักษาหนูไม่หาย แต่เป็นซูเย่ที่รักษาหาย?” โปรดิวเซอร์เอ่ยถามอีกครั้ง

“ใช่ค่ะ” ฮั่วเสี่ยวเหอพยักหน้าอีกครั้ง

“งั้นหนูบอกได้ไหมจ้ะ ว่าปู่ทวดของหนูคือใคร” โปรดิวเซอร์เอ่ยถาม

“ปู่ทวดของหนูชื่อฮัวเหรินเชิง” ฮั่วเสี่ยวเหอยิ้มยิงฟันขณะกล่าว

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ ทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างตะลึงงัน!!