ตอนที่116 ถ้าไม่มีเงินก็แก้ปัญหาไม่ได้

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่116 ถ้าไม่มีเงินก็แก้ปัญหาไม่ได้

ผู้จัดการร้านเอ่ยถามจ้าวเฉียนพร้อมท่าทางสุดเย่อหยิ่งว่า

“พ่อหนุ่ม ยังมีไม้ไหนอีก? ลองเพิ่มเงินดูไหม! ฮ่าฮ่า…ผมอยากรู้จริงๆ ว่าหน้าอย่างคุณจะเพิ่มได้อีกสักเท่าไหร่เชียว!”

ที่จริงแล้ว เสี่ยวหงเองก็เก็บงำความไม่พอใจต่อวิธีการของผู้จัดการร้านฝังใจใช่เล่น และเธอก็ต้องการเงินหนึ่งล้านก้อนนี้มาก แต่เธอก็กังวลว่า ในอนาคตตนจะเป็นดั่ง ‘ดอกไม้ไร้ชีวิต’ ที่ไม่สามารถมีความสุขกับเงินตรงหน้าได้ และสักวันก็ต้องหมดไป ส่วนบรรดาพนักงานสาวคนอื่นๆ ต่างแอบโล่งใจอยู่ลึกๆ เพราะถ้าหากเสี่ยวหงไม่ย้ายฝังกลับมาแบบนี้ พวกเธอเองก็จะตกที่นั่งลำบากเช่นกัน

จ้าวเฉียนไม่พูดไม่จาหรือแสดงสีหน้าใดๆ ออกมาแม้สักนิด พร้อมเซ็นเช็คมูลค่าหนึ่งล้านอีกหนึ่งใบมาวางทับ เท่ากับมีเช็คราคาสองล้านวางไว้อยู่บนเคาน์เตอร์

“ใครก็ตามที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของแม่ผมได้ และให้การณ์กับตำรวจได้ เอาไปเลยสองล้านหยวน ด้วยเงินก้อนนี้พวกเธอสามารถหอบกลับยังบ้านเกิด ปลูกบ้านหลังโตและใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับครัวครอบไปทั้งชีวิต โดยไม่ต้องทำงานทำการด้วยซ้ำ หรือถ้าใครกลัวว่านี่เป็นเช็คปลอม ผมให้โอกาสพวกคุณโทรตรวจสอบกับธนาคารได้เลย”

ทันทีที่เห็นเงินสองล้านวางไว้อยู่ตรงหน้า ทุกคนรวมไปถึงผู้จัดการร้านแทบเสียศูนย์ และเป็นเสี่ยวหงเช่นเคยที่วิ่งไปคว้าเช็คทั้งสองใบนั้นไว้ในกำมือได้ก่อน

“ฉัน…ฉันพิสูจน์ได้ว่าเขามีความผิด! คุณรีบโทรแจ้งตำรวจเลย แล้วฉันจะพูดทุกอย่าง! ฉันมีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าผู้จัดการทำสิ่งผิดกฎหมาย!”

ผู้จัดการที่ได้ยินแบบนั้นก็กรนด่าสาปแช่งด้วยความโกรธ

“นังสารเลว! มึงต้องให้กูจัดการจริงๆ ใช่ไหม?! รีบกลับมานี่ กลับมาหากูก่อนจะไม่ให้โอกาสเป็นครั้งที่สอง! ถ้าไม่มึงจบไม่สวยแน่!”

เสี่ยวหงใจสั่นระรัวด้วยความหวาดกลัว แต่พอมองไปที่เช็คมูลค่าสองล้านภายในมือ เธอจึงกัดฟันแน่นยอมเผชิญหน้ากับสิ่งตรงหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้วตอนนี้

“เชิงเซี่ยง คุณอย่ามาขู่ฉันให้กลัวเลย ยอมรับมันเถอะว่าคุณไม่เคยซื่อสัตย์กับลูกค้าเลยสักครั้ง ต่อให้ลูกพี่ลูกน้องคุณจะใหญ่โตแค่นั้น ก็ไม่มีทางใหญ่ไปกว่ากฎหมายได้! แม้แต่ตำรวจก็ช่วยคุณไม่ได้เช่นกัน!”

ผู้จัดการหนุ่มแว่นคนนี้ชื่อว่า เชิงเชี่ยง เขาตะโกนลั่นด่าสาปส่งไม่หยุด และเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขานามว่าเซียวลี่ที่กล่าวขึ้นว่า

“เสี่ยวหง เธอรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่? ร้านนี้ฉันเองก็มีหุ้นส่วนนะอย่าลืม ทั้งฉันทั้งเชิงเชี่ยงสามารถเอาผิดเธอได้หลังจากนี้ เธอได้ติดคุกหัวโตแน่ข้อหาใส่ความให้ร้านของพวกฉันเสียหาย! กับอีกแค่เงินสองล้าน ฉันขอดูหน่อยว่ามันจะช่วยเธอได้ไหม!?”

จ้าวเฉียนขี้เกียจเสวนากับสองพี่น้องคู่นี้แล้ว จึงต่อสายโทรแจ้งตำรวจต่อทันที

เสี่ยวหงก้มศีรษะครุ่นวิตกอย่างหรัก จับจ้องเช็คสองใบในมือ ภายในใจของเธอรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมด ไม่รู้แล้วว่าเธอควรทำยังไงต่อไป

ท่าทางการแสดงออกของเซียวลี่ยังคงนิ่งสงบอย่างยิ่ง เขาดูไม่เกรงกลัวเลยสักนิดที่จ้าวเฉียนโทรแจ้งตำรวจ

เขาหยิบมือถือออกมาเช่นกันและโทรไปหาหวันเจี้ยนที่เป็นรองผู้จัดการทั่วไปของห้างแห่งนี้ เพื่อรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยขอให้อีกฝ่ายช่วยประสานงานกับทางตำรวจเช่นกัน

หวันเจี้ยนตอบตกลงทันที

“ไม่มีปัญหา ฉันช่วยแกแน่นอน เดี๋ยวจะประสานงานกับตำรวจที่บูธหน้าห้างให้ เรื่องนี้จัดการได้สบายมาก”

“ขอบคุณมากครับคุณหวัน เดี๋ยวเดือนนี้ผมจ่ายเงินปันผลไปให้เพิ่ม! อิอิ…”

“ฮ่าฮ่าๆ … ดีมากน้องชาย ดีมากน้องชาย…”

เซียวลี่วางสายโทรศัพท์เดินกลับเข้ามาอย่างมีชัย เขายกมือส่งสัญญาณโอเคให้กับทางผู้จัดการร้าน เพื่อแสดงให้รู้ว่า ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องมากังวลอะไรอีกแล้ว

ด้วยความเชื่อมั่นในตัวลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เชิงเซี่ยงยิ่งหยิ่งผยองเป็นเท่าตัว เขาหันมาตะคอกใส่เสี่ยวหงด้วยน้ำเสียงดุดันว่า

“มึงเตรียมตัวตายได้เลย! กูจะทำให้มึงหางานไม่ได้ไปตลอดชีวิต! กล้าทรยศกูต้องสั่งสอนให้รู้ซะบ้างว่าผลที่ได้จะเป็นยังไง!”

เสี่ยวหงวิตกกังวลจนเกินจะทานทน เธอระเบิดน้ำตาร้องไห้ออกมาทันที รีบขอโทษขอโผยเชิงเซี่ยงว่า

“บอส หนูขอโทษ หนูขอโทษจริงๆ คุณเองก็น่าจะรู้ว่าค่ารักษาพยาบาลของพ่อแม่หนูมันเยอะขนาดไหน เงินสองล้านก้อนนี้มันสำคัญต่อชีวิตพวกท่านมาก อย่างน้อยที่สุดไม่พ่อก็แม่ คนใดคนหนึ่งอาจได้รับโอกาสปลูกถ่ายไตใหม่ เห็นแก่หนูที่ทำงานหนักมาตลอดห้าปีเถอะค่ะ ปล่อยหนูไปเถอะ ฮือ..ฮือ….”

เชิงเซี่ยงยิ้มเยาะและตอกกลับไปว่า เขาจะเหยียบเธอลงดินไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีกตลอดไปเลย ซึ่งในเวลานั้นเอง ก็มีนายตำรวจแก่นายหนึ่งวิ่งเข้ามา ดูจากยศแล้วน่าจะเป็นสารวัตรของสถานที่ตำรวจแห่งนี้ อายุเกือบห้าสิบปีแล้ว เขาเอ่ยถามทันทีว่า

“ใครกันที่โทรหาตำรวจ?”

จ้าวเฉียนยกมือขึ้นเพื่อระบุว่าเป็นตน จากนั้นก็เริ่มอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นให้แก่ตำรวจนายนั้นได้ฟัง เชิงเซี่ยงไม่รอช้า กล่าวแทรกขึ้นทันทีพร้อมตำหนิว่าจ้าวเฉียนและพวกของมันขโมยของ แล้วยังใช้เงินฟาดหัวพนักงานของเขาอีก

นายตำรวจแก่คนนั้นหันมาถามจ้าวเฉียนว่า เขามีหลักฐานอะไรเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์หรือไม่ จะได้พ้นข้อกล่าวหาของอีกฝ่าย ถ้าขโมยของจริงคงต้องนำตัวไปสอบปากคำต่อที่สถานีตำรวจ

จ้าวเฉียนหันไปมองเสี่ยวหงและถามขึ้นว่า

“ตอนนี้ถึงหน้าที่เธอแล้ว พูดทุกอย่างที่รู้ให้ตำรวจฟังและเป็นอิสระจากวงจรอุบาทว์นี่ หรือจะปิดปากเงียบแล้วทนอยู่ที่นี่ต่อไป?”

เสี่ยวหงดูลังเลใจอย่างมาก แถมยังมีเชิงเซี่ยงยืนพูดข่มขู่อยู่เคียงข้างไม่ห่าง

“เสี่ยวหง เธอคิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรออกไปนะ ตอนนี้มีตำรวจอยู่ตรงหน้า ถ้าพูดอะไรไร้สาระออกไป เธอจะต้องแบกรับผลที่ตามมา!”

เสี่ยวหงมองไปที่เช็คในมือเธอ คิดถึงตอนที่พ่อแม่ต้องนั่งฟอกไตอย่างทุกข์ทรมาน เธอต้องเห็นภาพเหตุการณ์สะเทือนใจแบบนี้แทบทุกวัน และเธอไม่สามารถทนเห็นพ่อแม่เจ็บปวดได้อีกต่อไปแล้ว

คิดได้ดังนั้น เธอกำมือแน่นเงยหน้ากล่าวกบัตำรวจทันทีว่า

“คุณตำรวจค่ะ ฉันสามารถเป็นพยานได้ค่ะ เชิงเซี่ยงหลอกขายของปลอมและชอบใส่ร้ายลูกค้าเพื่อเรียกค่าชดเชยในราคาที่สูง รายนี้เองก็เช่นกัน พอเห็นว่าคุณป้าแต่งตัวดูมีภูมิฐาน เขาจึงสั่งให้รองผู้จัดการร้านแอบยัดผ้าพันคอลงในกระเป๋า และใส่ร้ายว่าคุณป้าเป็นคนขโมยไปค่ะ!”

เชิงเซี่ยงโมโหอย่างมากเมื่อได้ยิน เขาพุ่งตัวไปหวังที่จะกระชากร่างของเสี่ยวหงกลับมาทันที แต่คิดหรือว่านี่จะสามารถหลบสายตาประดุจเหยี่ยวของจ้าวเฉียนได้ทัน เขาใช้มือรวบเอวเสี่ยวหงและดึงเธอมากอดในอ้อมแขนโดยตรง พร้อมใช้มืออีกข้างผลักเชิงเซี่ยงจนกระเด็นออกไป

จ้าวเฉียนกล่าวตำหนิขึ้นทันที

“คิดทำร้ายพยานต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยเหรอ? กล้าดีหนิ! คิดว่าตัวเองใหญ่โตจนกฎหมายทำอะไรไม่ได้เลยรึไง?”

เชิงเซี่ยงโต้กลับไปว่า

“นี่มันพนักงานร้านฉัน มึงเกี่ยวอะไรด้วย? กูแค่จะสั่งสอนพนักงานของกู! สัญญาว่าจ้างของเธอยังมีอายุอีกสองปี ดังนั้นกูที่เป็นเจ้านายย่อมมีสิทธิ์ในตัวลูกจ้าง! มึงนั่นแหละมาเสือกอะไรด้วยวะ?”

เสี่ยวหงเพิ่งนึกได้ว่า เธอยังเหลือสัญญาว่าจ้างกับเชิงเซี่ยง และถ้าหากเธอฉีกสัญญาลาออกอยู่ฝ่ายเดียว ทางเชิงเซี่ยงเองก็มีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหาย ได้สูงสุดไม่เกิน200,000หยวน แล้วเธอเองก็ไม่เต็มใจเท่าไหร่นักที่ต้องจ่ายเงินให้อีกฝ่ายไปฟรีๆ

พอเห็นว่าเสี่ยวหงเริ่มวิตกจริตอีกครั้ง จ้าวเฉียนก็รีบปลอบประโลมเธอทันที

“อย่าไปกลัวคนพวกนี้เลย ถ้าเธอมั่นใจว่า อีกฝ่ายทำสิ่งผิดกฎหมายแน่นอน สัญญาว่าจ้างงานก็จะกลายมาเป็นโมฆะเช่นกัน ตราบเท่าที่เธอมีหลักฐานเพียงพอ มันจะไม่สามารถเอาอะไรจากเธอไปได้ แม้กระทั่งอนาคตอันสดใสของเธอเช่นกัน!”

เสี่ยวหงพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาทันที

“ฉันมีคลิปวีดีโอหลายอันเลยที่จะเอาผิดเขาได้ ลองเปิดดูเลยค่ะคุณตำรวจ”

ตำรวจนายนั้นหยิบมือถือของเธอขึ้นมาละเปิดดูทีละคลิปอย่างละเอียด

คลิปวีดีโอเหล่านั้นมีทั้งคลิปแสดงสต็อกสินค้าของปลอม รวมไปถึงคลิปตอนที่เชิงเซี่ยวสั่งลูกน้องให้แอบเอาสินค้าในร้านไปยัดให้ลูกค้า เพื่อเรียกค่าเสียหาย รวมไปถึงบัญชีรายรับรายจ่ายปลอมเวลายื่นส่งภาษี และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งนี่มันก็มากเกินพอแล้วที่จะเอาผิดเชิงเซี่ยง พอตำรวจแก่นายนั่นดูจบก็ส่งสัญญาให้ตำรวจนายอื่นๆ เข้าจับกุมเชิงเซี่ยงทันที

“เชิงเซี่ยง คุณมีความผิดหลายข้อหาเลยนะ เราจะนำตัวไปสอบสวนอีกครั้งที่โรงพัก และส่งคนมาตรวจสอบร้านค้าของคุณอีกที มีอะไรค่อยไปสู้กันในชั้นศาลแล้วกัน พวกนาย! รีบกุมตัวเขาออกไป!”

เซียวลี่เห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว เขาจึงรีบโทรไปหารองผู้จัดการทั่วไปของห้างทันที

“คุณหวัน นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตำรวจจับตัวลูกพี่ไปแล้ว! แถมยังโดนคดีร้ายแรง ร้านโดนสั่งปิดแน่นอนถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป!”

“อะไรนะ? ไอ้พวกตำรวจโง่มันทำบ้าอะไรของมัน! รอฉันอยู่ตรงนั้นแหละ! เดี๋ยวฉันจะโทรหาผู้กำกับของพวกมันเอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

ตำรวจแก่คนนั้นและที่เหลือนำตัวเชิงเซี่ยงออกมา และสั่งปิดร้านชั่วคราวทันที ขณะที่กำลังจะไปโรงพัก หวันเจี้ยงก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามาและถามขึ้นว่า

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมต้องนำตัวอีกฝ่ายไปด้วย?”

ตำรวจแก่นายนั่นอธิบายกับหวันเจี้ยงทันที ทั้งยังเตือนไปอีกว่า ถามมีข้อสงสัยใดๆ ค่อยไปว่ากันที่โรงพักเขต

“เหอะ เหอะ ฉันรู้จักกับผู้กำกับเฉิน หัวหน้านาย ทำไมถึงยังทำตัวมีปัญหาอีกห่ะ?”

นายตำรวจแก่คนนั้นแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาทันที เขาตอบน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า

“ผมเป็นตำรวจมีหน้าที่ปกป้องประชาชน ผมจะใช้อำนาจที่มีมอบความยุติธรรมแก่ทุกคนที่บริสุทธิ์ แล้วสิ่งที่คุณกล่าวไปมันหมายความว่ายังไง? รู้จักกับผู้กำกับเฉินของเรามันหมายความว่าคุณสามารถทำผิดกฎหมายได้อย่างงั้นเหรอ? หวันเจี้ยน คุณรู้จักอายตัวเองซะบ้าง ตำแหน่งก็ไม่ใช่น้อยๆ แต่กลับทำตัวน่าอับอาย ทุกคนกำลังเฝ้ามองนายอยู่ นี่จะไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ห้างเลยรึไง? คุณควรคำนึงถึงเรื่องนี้บ้าง”

“นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของนาย! ถ้ายังกล้าจับเขาไปโรงพักก็เชิญ แต่เตรียมตัวโดนทัณฑ์บนได้เลย!”

ตำรวจแก่เค้นเสียงเย็นคำโตอัดหน้าหวันเจี้ยน และยกมือส่งสัญญาญให้ลูกน้องตำรวจคนอื่นๆ คุมตัวเชิงเซี่ยงออกไป

เชิงเซี่ยงในเวลานี้รู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่ง เขาตะโกนร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากลูกพี่ลูกน้องทั้งหลาย

“น้องเซียว พี่หวัน…ช่วยผมด้วย…ช่วยผมด้วย…”

เซียวลี่รีบกล่วาปลอบทันที

“ลูกพี่ไม่ต้องกลัว พี่บริสุทธิ์อยู่แล้ว ตำรวจจะต้องมอบความยุติธรรมแก่พี่แน่นอน!”

เชิงเซี่ยงที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดออกไปแบบนั้น แทบจะด่าสวนกลับไป บริสุทธิ์ห่าอะไรล่ะ? หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้!

ทันทีที่ตำรวจจากออกไป เซียวลี่ก็ปั้นหน้ามืดขรึม และเดินตรงไปหาจ้าวเฉียนด้วยความโกรธจัด