ตอนที่ 882 เธอมันจอมปลอม

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากมื้อเช้า การถ่ายทำได้เริ่มขึ้น ระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด หลินเฉี่ยนไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งดูเฉยๆ ทว่าขณะที่เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าตัวเองได้รับข้อความจากหลี่จิ่น

 

 

[คุณอยู่ที่ไหนครับ]

 

 

หลินเฉี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่งที่อยู่กลับไปให้เขาอย่างมั่นใจว่าเขาคงไม่มาหาเธอแน่ๆ

 

 

หลังส่งข้อความกลับไป เธอไม่ได้ข่าวคราวจากหลี่จิ่นทั้งไม่ได้พยายามจะติดต่อเขาอีก ด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าความสัมพันธ์ของพวกเขาค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ราวกับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

 

 

หน้าที่การงานสำคัญกับพวกเขาทั้งคู่โดยเฉพาะหลี่จิ่น ด้วยธรรมชาติของอาชีพที่ไม่เหมือนใครของเขาทำให้หลินเฉี่ยนไม่มีทางอยู่เคียงข้างเขาได้ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงนัก

 

 

“ซย่าหันโม่ เธอเป็นอะไรไปเนี่ย เล่นเกมเป็นหรือเปล่า แล้วอย่างนี้แขกรับเชิญจะถ่ายทำต่อยังไง”

 

 

ในจังหวะที่หลินเฉี่ยนอยู่ในอาการงุนงง การถ่ายทำก็ถูกขัดขึ้นมา ซย่าหันโม่ชนแขกรับเชิญล้มลงกับพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่พยายามเล่นเกมๆ หนึ่ง

 

 

เพราะฝนกำลังตกอยู่พวกเขาจึงต้องย้ายเข้ามาถ่ายทำในร่ม ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมีพื้นที่จำกัด

 

 

แน่นอนว่าศิลปินคนอื่นๆ ทำเพียงโยนความผิดให้ซย่าหันโม่ ทว่าหลินเฉี่ยนดูออกว่าไม่ใช่ความผิดของซย่าหันโม่ เพียงแค่เห็นท่าทีไม่รู้เรื่องรู้ราวบนใบหน้าของเธอ

 

 

โดยภาพรวมแล้ว ซย่าหันโม่ใช้เวลาทั้งวันไปกับการโดนศิลปินคนอื่นๆ กล่าวหาและกดขี่ข่มเหง

 

 

เพราะเธอเป็นพิธีกรประจำจึงไม่อาจโกรธเคืองแขกรับเชิญได้ ทำได้เพียงยอมอดทนกับทุกอย่าง

 

 

ทุกคนต่างรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่พวกเขารวมหัวกันไม่ยอมพูดความจริงออกมาสักคน แต่กลับรังแกเธอเหมือนกับว่าเธอไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมผู้ดำเนินรายการ

 

 

โจวชิงเองรู้เห็นทุกอย่างดีแต่เขารู้ว่าความอดทนเป็นกุญแจสำคัญสู่การเป็นพิธีกรที่ดี

 

 

พิธีกรที่มีฝีมือควรรู้จักควบคุมอารมณ์ของตัวเองก่อนที่พวกเขาจะแก้ปัญหา

 

 

ไม่อย่างนั้นยิ่งดึงดันไปจะยิ่งทำให้เหตุการณ์บานปลายและพาให้เรื่องมีแต่จะแย่ลงเท่านั้น

 

 

หลังจากจบวันหลินเฉี่ยนมองไปที่ซย่าหันโม่และส่ายหน้า “คุณจะยอมถูกรังแกต่อไปแบบนี้เหรอคะ”

 

 

“ไม่มีทางค่ะ” ซย่าหันโม่ตอบกลับ “แต่ฉันจำเป็นต้องหาจุดอ่อนของพวกเขาให้เจอก่อนถึงจะทำให้พวกเขาเลิกก่อเรื่องได้”

 

 

“โอ้ ในที่สุดคุณก็เริ่มเหมือนพี่หนิงขึ้นมาทีละนิดแล้วนะคะ” หลินเฉี่ยนยกยิ้ม “แต่ว่าตอนนี้ด้านนนอกฝนตกอยู่อากาศถึงได้ชื้นขนาดนี้ คุณควรเตรียมตัวโดนยุงหามคืนนี้ด้วยนะคะ”

 

 

“มีฉันอยู่ทั้งคนคุณยังกลัวโดนยุงกัดอยู่เหรอคะ” ซย่าหันโม่โคลงศีรษะไปมาขณะที่เธอแอบไปเตรียมการบางอย่าง หลินเฉี่ยนจึงได้หลับสนิทตลอดทั้งคืน

 

 

เช้าวันถัดมา ทุกคนแทบจะโดนยุงกัดไปทั้งตัวยกเว้นซย่าหันโม่และหลินเฉี่ยน

 

 

“ในห้องพวกคุณไม่มียุงเลยเหรอคะ”

 

 

“ไม่นี่คะ” หลินเฉี่ยนยักไหล่ “ดูเหมือนหันโม่จะมีวิธีรับมือกับเรื่องแบบนี้น่ะค่ะ”

 

 

ทุกคนต่างงุนงงพร้อมจ้องมองไปที่หลินเฉี่ยน

 

 

วันนี้พวกเขาคงไม่อาจขอความช่วยเหลือจากซย่าหันโม่หลังจากรังแกเธอไปเมื่อวานได้ใช่ไหม

 

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่เธอเก่งนะคะ เธอเหมือนสารานุกรมเคลื่อนที่เลยล่ะค่ะ” หลินเฉี่ยนเอ่ยเสริมด้วยเสียงตื่นเต้น

 

 

ซย่าหันโม่นิ่งเงียบขณะที่ทุกคนมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

 

 

ในตอนนี้เองที่อยู่ๆ เจ้าของที่พักก็วิ่งออกมาบอกกับทุกคน “พวกคุณควรคิดหาทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้นะครับ ฝนตกหนักมากและที่นี่อาจจะถูกน้ำท่วมได้”

 

 

ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำว่า น้ำท่วม ทุกคนอึ้งไปด้วยความตกใจในขณะที่รอให้ใครบางคนทำอะไรสักอย่าง ในเวลานี้โจวชิงว่าขึ้นกับผู้กำกับ “เราต้องออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ จะปล่อยให้ทุกคนอยู่ด้วยความเสี่ยงไม่ได้”

 

 

“โอเค กลับไปที่ห้องพัก เก็บของแล้วไปเจอกันที่ลานจอดรถตอนทุ่มครึ่ง”

 

 

จากการถ่ายทำที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่เคยมีเรื่องรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ทุกคนเก็บของเพื่อเดินทางออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเจ้าของที่พักกลับได้รับสายจากตำรวจเตือนว่าถนนเส้นที่จะที่เดินทางลงเขาโดนน้ำซัดไปจนพังถล่มลงมาแล้วและในตอนนี้ไม่มีทางออกอื่นอีก

 

 

“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีล่ะ” ทุกคนพลันตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก

 

 

“ขึ้นที่สูงกันเถอะค่ะ” ซย่าหันโม่เอ่ยแนะนำ

 

 

“เธอจะบ้าหรือเปล่า ฝนตกหนักขนาดนี้ ฉันไม่อยากเปียกซกแล้วเลอะเทอะไปทั้งตัวหรอกนะ” ศิลปินคนหนึ่งท้วงขึ้น

 

 

“ใช่ๆ แค่เราออกไปไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าเราจะนั่งรอที่นี่ไม่ได้เสียหน่อย”

 

 

“อีกไม่นานระดับน้ำในแม่น้ำใกล้ๆ ที่พักจะเพิ่มขึ้นและมันจะขึ้นสูงอย่างรวดเร็วจริงๆ นะคะ คุณไม่เคยได้ยินเรื่องน้ำท่วมฉับพลันเหรอคะ ความรุนแรงและการทำลายล้างของมันน่ากลัวมากเลยนะคะ” ซย่าหันโม่ชี้แจง “ผู้กำกับคะ ฉันว่าเราย้ายหนีตอนนี้กันเถอะค่ะ”

 

 

“นี่มัน…”

 

 

“ทำตามที่เธอบอกเถอะครับ” โจวชิงโพล่งขึ้น

 

 

“พี่โจว…มันไม่จำเป็นเลยเลยนะ”

 

 

“ตอนนี้นายอาจจะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ทันทีที่เกิดขึ้นมันก็สายไปแล้ว มีใครเคยอยู่ในป่าหรือดำน้ำไปถ่ายรูปปลาวาฬกันหรือเปล่าล่ะ ซย่าหันโม่เป็นคนเดียวที่เคยทำมัน ดังนั้นตอนนี้นายไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่เธอบอก”

 

 

เพราะคำสั่งเคร่งครัดจากทีมงาน ศิลปินไม่มีหนทางอื่นนอกจากยอมทำตามแม้ว่าจะไม่ได้เต็มใจก็ตาม

 

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาเอาแต่บ่นกระปอดกระแปดอยู่ตลอดทาง และต่อว่าซย่าหันโม่อย่างไม่หยุดหย่อน สุดท้ายหนึ่งในศิลปินจึงเหนื่อยที่จะเดินต่อไปและโวยวายออกมาพร้อมทิ้งตัวนั่งบนพื้น “ฉันจะไม่เดินไปไหนแล้ว ถ้าน้ำท่วมมาถึงก็ให้มันพัดฉันไปเลย”

 

 

“หลินเฉี่ยน” ซย่าหันโม่เหลือบมองหลินเฉี่ยนอย่างขอความช่วยเหลือ หญิงสาวทั้งสองคนจึงเดินเข้ามาพยุงศิลปินคนนั้นให้ลุกขึ้น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโมโหใส่กัน

 

 

ทุกคนปีนต่อไปไม่หยุดขึ้นไปตามชั้นหินที่อยู่ทางด้านหลังเหนือที่พักขึ้นไป เพราะทางค่อนข้างลาดชัน หลายคนจึงไม่อาจทนไหวได้

 

 

“ซย่าหันโม่ เพื่อที่จะได้หน้าเธอต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ…

 

 

…เธอนี่มันจอมปลอมจริงๆ มิน่าล่ะถึงได้มีแต่เรื่องอื้อฉาว ฉันขอให้เธออยู่กับข่าวฉาวโฉ่ไปตลอดชีวิตเลย”

 

 

ตลอดทางที่ปีนขึ้นมา ศิลปินคนนี้เอาแต่ต่อว่าซย่าหันโม่ ทว่าในครั้งนี้เสียงกระหึ่มที่ดังก้องมาจากอีกฝั่งของลำธารก็ดังขึ้นพร้อมกับกระแสน้ำที่ไหลสาดซัดเข้าท่วมพื้นที่ด้านล่างจนมิด

 

 

ทุกคนจ้องมองขณะที่มวลน้ำโคลนสกปรกได้กลืนกินบ้านพักเบื้องล่างพวกเขา ก่อนพวกเขาจะเริ่มเข่าอ่อนกัน

 

 

เสียงบ่นด่าทุกคำพลันเงียบลงทันที

 

 

ในขณะที่พวกเขามองกระแสน้ำที่ไล่ตามขึ้นมาเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มเร่งฝีเท้าปีนขึ้นเขาด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้ชีวิตของพวกเขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

 

 

ไม่นานฝนก็หยุดตก ทว่าทุกคนยังติดอยู่บนเขาในสภาพที่ทั้งเหนื่อยและหิวโหย

 

 

ตอนนี้เองที่ในที่สุดใครบางคนก็เข้ามาหาซย่าหันโม่เพื่อเอ่ยขอโทษ “หันโม่ ขอโทษด้วยนะ… และก็ขอบคุณ”

 

 

“ขอบคุณหรือขอโทษฉันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกค่ะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาทางออกจากที่นี่ให้ได้”

 

 

เป็นครั้งแรกที่หลินเฉี่ยนได้สัมผัสกับสถานการณ์แบบนี้ ในตอนนั้นเองที่อยู่ๆ เธอก็นึกถึงหลี่จิ่นขึ้นมา

 

 

ทุกครั้งที่ประเทศชาติอยู่ในภาวะยากลำบาก ทหารมักถูกส่งไปเป็นแนวหน้าก่อนเสมอ หลี่จิ่นจะมาไหมนะ

 

 

คิดได้ดังนั้นหลินเฉี่ยนจึงอยากจะต่อสายหาหลี่จิ่น โชคร้ายที่เธอรีบจนไม่รู้ว่าตัวเองเก็บโทรศัพท์ไว้ที่ไหน

 

 

เมื่อหันไปมองศิลปินคนอื่นๆ รอบตัว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองไม่เคยเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้มาก่อนเช่นกัน

 

 

“ฉันติดต่อคนด้านนอกแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าเราต้องรออีกนานเท่าไร” โจวชิงเอ่ยขึ้น

 

 

“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ มันอันตรายเกินไป…” ทีมงานบางคนเริ่มร้องไห้ออกมา

 

 

ดูเหมือนว่าเธอจะหวาดกลัวมาก

 

 

ในเวลาเดียวกัน ในปักกิ่งที่ห่างไกลออกไป ลู่เช่อแจ้งให้ถังหนิงรู้ถึงสถานการณ์ของซย่าหันโม่และหลินเฉี่ยน

 

 

เธอจึงต้องคิดหาทางช่วยเหลือพวกเธอ!