ตอนที่ 883 ผมมีคนในครอบครัวอยู่ที่นั่น

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

ขณะที่น้ำท่วมสูงขึ้นเรื่อยๆ ชั้นผาด้านข้างเริ่มแตกออกจากกันชวนให้ทุกคนต่างพากันเข่าอ่อน

 

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก เราต้องปีนขึ้นไปอีก” โจวชิงว่าขึ้น ด้วยพลังทำลายล้างของกระแสน้ำหลาก ไม่มีใครรับรองได้ว่าที่ที่พวกเขากำลังยืนอยู่ตอนนี้มั่นคงพอหรือไม่

 

 

“แต่พี่โจว ทางเดินมันสุดแล้วนะครับ”

 

 

“อย่างนั้นก็ทิ้งของที่ไม่จำเป็นแล้วปีนขึ้นไปกันเถอะค่ะ” ซย่าหันโม่ออกปาก เขาทางด้านนี้ปลอดภัยกว่าอย่างเห็นได้ชัดด้วยหินที่มั่นคงและต้นไม้ที่หนาแน่นกว่า

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ทุกคนตัดสินใจทิ้งของรักของหวงลงบนพื้น ในเวลาเช่นนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าชีวิตของพวกเขา

 

 

จากนั้นซย่าหันโม่เอาหลอดมาต่อกันและบิดให้กลายเป็นเชือกที่แข็งแรง ก่อนใช้มัดกลุ่มผู้หญิงไว้ด้วยกันเพื่อจะได้คอยดูแลกันและกันได้

 

 

“หันโม่ ขอบคุณนะ เราขอบคุณจากใจจริงๆ ”

 

 

“หันโม่…เราผิดเองที่ทำตัวกับเธอไม่ดี”

 

 

ในตอนนี้ หญิงสาวทั้งหมดต่างปล่อยโฮออกมาด้วยความหวาดกลัว หากแต่หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ พวกเธอเริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

 

 

อย่างไรก็ตามเชือกนั้นไม่ได้ยาวพอ จึงทำได้เพียงมัดยึดผู้หญิงที่ไม่แข็งแรงที่สุดไว้ด้วยกันเท่านั้น ซย่าหันโม่หันไปพูดกับหลินเฉี่ยนก่อนพยักพเยิดหน้าไปอีกฝ่ายไปด้านหน้า “คุณไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะคอยระวังหลังให้คุณเอง”

 

 

“คุณจะยังไหวเหรอคะ” หลินเฉี่ยนเอ่ย “อย่าทำเหมือนตัวเองหนังเหนียวนักสิคะ”

 

 

ในตอนนี้เองที่โจวชิงซึ่งกำลังเป็นหัวขบวนพลันวิ่งเข้ามาอยู่ด้านหลังซย่าหันโม่ และดันให้เธอไปด้านหน้า “เธอไปข้างหน้า ฉันจะคอยระวังหลังให้เธอ”

 

 

“พี่โจว…”

 

 

“อย่าสบประมาทฉันนะ ยังไงฉันก็เป็นผู้ชาย” เขาตบบ่าเธอเบาๆ

 

 

สุดท้ายทีมงานก็ปีนขึ้นมาบนเขาได้อย่างทุลักทุเล ไม่มีใครมีเวลามาสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเพราะภาพที่ปรากฏให้เห็นเบื้องล่างน่าหวาดกลัวเหลือเกิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าชาวบ้านหลบหนีไปที่ไหน แต่ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัย

 

 

เรี่ยวแรงของทุกคนหมดลงอย่างรวดเร็วไม่นานหลังจากนั้น ทว่าพวกเขายังไปได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น ในขณะที่กลุ่มผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอกว่าฝืนตัวเองไปข้างหน้าด้วยความช่วยเหลือของผู้ชาย

 

 

“ทุกคน พักกันสักหน่อยเถอะ” ทุกคนต่างทิ้งตัวหอบอยู่บนพื้น ทั้งร่างเลอะเทอะไปด้วยดินโคลน

 

 

หากแต่หลังผ่านการวิ่งหนีเอาตัวรอดมา สุดท้ายกลุ่มศิลปินที่เดิมทีเคยดูสะอาดตาและน่ามองก็สามารถละทิ้งอคติของตัวเองและเผชิญหน้ากับซย่าหันโม่

 

 

“ฉันนึกไม่ถึงว่าเธอจะเก่งขนาดนี้เลย”

 

 

“ใช่เลย หันโม่ เธอช่วยชีวิตพวกเราทุกคนเอาไว้”

 

 

“ตอนนี้ทุกคนค่อนข้างปลอดภัยแล้วแต่การติดต่อขอความช่วยเหลือก็ยังไม่ง่าย ดูเหมือนว่าฝนจะยังตกหนักไม่หยุด ดังนั้นทุกคนจะต้องทนอีกนิดนะคะ” ซย่าหันโม่เอ่ยพลางเท้ามือบนสะโพกตัวเอง “ตอนนี้ เราจำเป็นต้องหาที่เหมาะๆ เพื่อจุดกองไฟกันค่ะ”

 

 

“หือ จุดกองไฟเหรอ”

 

 

“ถ้าเรามีไฟเราก็จะมีควัน ซึ่งใช้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้” โจวชิงช่วยเธออธิบาย

 

 

“อย่างนี้นี่เอง”

 

 

“หวังว่าเราทุกคนจะโชคดีนะคะ”

 

 

น่าเสียดายที่ความเป็นจริงได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทุกคนคงโชคไม่ดีนัก เพราะการคาดเดาของซย่าหันโม่ถูกเผงพร้อมๆ กับสายฝนระลอกที่สองซึ่งโหมกระหน่ำลงมาไม่นานหลังจากนั้น ต่อให้พวกเขาจุดไฟได้มันก็คงดับลงในทันตา และหากพวกเขาคิดจะจุดไฟด้วยไม้ทีหลังก็คงจะได้แต่สำลักควัน

 

 

“คืนนี้เราจะต้องนอนที่นี่เหรอเนี่ย” ซย่าหันโม่ถอนหายใจ “ฉันว่าถ้าประสบการณ์ครั้งนี้ถูกบันทึกไว้และกลายเป็นรายการทีวีมันจะต้องได้รับความนิยมล้นหลามแน่ๆ ”

 

 

“ตอนนี้เธอยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอีกเหรอเนี่ย” โจวชิงหลุดขำออกมา

 

 

เธอหันไปมองหลินเฉี่ยนโดยไม่รู้ตัวและเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายซีดจนน่าเป็นห่วง

 

 

ซย่าหันโม่แตะหน้าผากของเธอและเริ่มเป็นกังวล “คุณไข้ขึ้นค่ะ”

 

 

“เราจะทำยังไงกันดีล่ะ เราทิ้งของทุกอย่างไปแล้วและก็ไม่มียาติดตัวมาเลย” ทีมงานคนหนึ่งถามขึ้น ดูท่าแล้วคงกลัวติดไข้จากหลินเฉี่ยน

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ พวกคุณไปนั่งอีกด้าน เดี๋ยวฉันจะเป็นคนดูแลเธอเอง” ซย่าหันโม่ส่งท่าทางบอกให้ทุกคนขยับไปอีกด้าน

 

 

“คุณช่วยอะไรฉันไม่ได้หรอกค่ะ” หลินเฉี่ยนว่าขึ้นขณะพิงตัวกับต้นไม้ “ฉันทนได้ค่ะ”

 

 

“ถ้าคุณไข้ขึ้นจนปอดบวมที่นี่ขึ้นมา ใครจะช่วยคุณได้กันละคะ” ซย่าหันโม่ดึงหลินเฉี่ยนมาอยู่ด้านข้างและประคองให้เธอนั่งลง จากนั้นจึงฉีกเสื้อของตัวเองก่อนทำให้เปียกด้วยน้ำฝน และพยายามช่วยลดอุณหภูมิร่างกายของหลินเฉี่ยน “ถ้าเป็นแค่ไข้หวัดคุณน่าจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่ถ้าติดเชื้อขึ้นมาคุณจำเป็นต้องได้รับการฉีดยาค่ะ”

 

 

“ดูเหมือนคุณจะรู้เรื่องพวกนี้เยอะเลยนะคะ” หลินเฉี่ยนเผยยิ้มอย่างอ่อนแรง

 

 

ในเวลานี้ บางคนที่ได้ยินคำพูดของซย่าหันโม่พากันคิดไปว่าเชื้อที่ว่าคือเชื้อไวรัส ไวรัสที่เหมือนกับที่ติดต่อมาจากแอฟริกา เธอจึงบอกกับคนข้างๆ ว่าเธอกลัวเกินกว่าจะพูดเรื่องความกังวลของเธอกับโจวชิงโดยตรง

 

 

“พี่โจวคะ เราจะปีนขึ้นไปต่อนะคะ”

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงเราค่ะ เราจะไปต่อ ฉันไม่อยากติดเชื้อไวรัสน่ะค่ะ”

 

 

เขาถึงกับงุนงงไป มันเปล่าประโยชน์ที่จะอธิบายเรื่องนี้

 

 

ตอนนี้เองที่ซย่าหันโม่เดินเข้ามาหาและเอ่ยกับโจวชิง “พี่โจวคะ พี่ไปข้างหน้าต่อกับพวกเขาและคอยดูแลพวกเขาเถอะค่ะ พวกเขาแค่อยากแยกจากพวกเราเท่านั้น”

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจัดการเรื่องนี้ได้”

 

 

เขาจ้องมองเธอด้วยความเชื่อมั่นและไปข้างหน้าต่อกับกลุ่มคนที่หวาดระแวง

 

 

ขณะเดียวกัน ซย่าหันโม่ยังคงอยู่เคียงข้างหลินเฉี่ยน หากแต่เธอกลับอาการไม่ดีขึ้นเลย…

 

 

“คุยกับฉันหน่อยสิคะ” หลินเฉี่ยนโพล่งขึ้นมา

 

 

“คุณอยากคุยเรื่องอะไรล่ะคะ” เธอถามกลับขณะที่อีกคนพิงตัวกับเธออยู่

 

 

“จริงๆ แล้วฉันไม่มีพ่อแม่ ฉันไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ…” อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “แต่คุณไม่ใช่ คุณยังมีพี่ชายอยู่นะคะ”

 

 

 

 

ถังหนิงเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ในปักกิ่ง ข่าวที่เธอได้รับจึงไม่ได้เป็นจริงมากนัก

 

 

หลังจากน้ำไหลหลากครั้งใหญ่ มีคนถูกส่งเข้าไปค้นหาและช่วยเหลือแล้วหรือยังนะ ถังหนิงเป็นห่วงจนถึงกับต่อสายถามข่าวจากลู่เช่อชั่วโมงละสามครั้งได้ ในที่สุดก็ได้รับคำตอบจากทีมกู้ภัย เหมือนว่าทีมงานจะมุ่งหน้าขึ้นไปบนเขาและดูจากเวลาแล้วน่าจะยังปลอดภัยอยู่

 

 

แต่จนกว่าเธอจะได้เห็นหน้าหลินเฉี่ยนและซย่าหันโม่อีกครั้ง ความกังวลของถังหนิงคงจะไม่จางหายไปไหน

 

 

“อย่ากังวลไปเลยนะครับ” โม่ถิงเอ่ยปลอบใจหญิงสาวในอ้อมแขน “ตอนนี้เราเข้าไปช่วยพวกเขาไม่ได้ ยิ่งคุณตั้งท้องอยู่แบบนี้ด้วย ทันทีที่ทีมกู้ภัยรู้ตำแหน่งของพวกเธอ ไห่รุ่ยจะส่งเครื่องบินไปรับพวกเขา”

 

 

ถังหนิงนิ่งเงียบและพยักหน้ารับ

 

 

“พวกเขาจะไม่เป็นไร เชื่อผมสิ”

 

 

ไม่ว่ามนุษย์จะแข็งแกร่งเพียงไหน แต่ก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ เมื่อเผชิญหน้ากับธรรมชาติ

 

 

“เราไปที่ที่ปลอดภัยใกล้ๆ พวกเธอได้ไหมคะ ฉันอยากเจอพวกเธอทันทีที่พบตัวน่ะค่ะ”

 

 

โม่ถิงรู้ว่าตัวเองไม่อาจบอกให้เธอเลิกคิดเรื่องนี้ได้ เขาจึงรีบจัดการให้เธอทันที

 

 

 

 

ในเวลาเดียวกัน อยู่ๆ บุคคลพิเศษก็ได้ปรากฏตัวขึ้นแนวหน้าของทีมกู้ภัย หลี่จิ่น พลอากาศตรีประจำกองทัพอากาศ เดิมทีเขากำลังเดินทางมารับหลินเฉี่ยน แต่เมื่อได้ยินว่าเกิดเหตุน้ำไหลหลากและหลินเฉี่ยนติดอยู่บนเขา เขาจึงซื้อยาจากคลินิกใกล้ๆ ถอดเสื้อคลุมก่อนเริ่มมุ่งหน้าขึ้นไปบนเขา

 

 

“เฮ้ คุณจะทำอะไรน่ะ ไม่รู้เหรอว่ามันอันตราย” นายทหารคนหนึ่งรั้งเขาไม่ให้เอาตัวไปเสี่ยง

 

 

หากแต่หลี่จิ่นดึงเครื่องหมายยศทหารของเขาออกมาและพูดกับชายคนนั้น “ผมมีคนในครอบครัวอยู่ที่นั่น”