บทที่ 290 บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่อนาถที่สุดในประวัติศาสตร์คนใหม่

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 290 บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่อนาถที่สุดในประวัติศาสตร์คนใหม่

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนนอนแผ่เหมือนไร้เป้าหมายในชีวิตตรงหน้าตน รวมถึงผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนที่กุมแขนขาดอยู่ข้างๆ เสิ่นเทียนก็ผงะไป

‘เจ้าสองคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดถึงจ้องข้าด้วยความคับแค้นใจเช่นนี้ ดูน่าขนลุกชะมัด

ยังมีอาคนนั้น เจ้าแขนขาดก็ไปรักษาสิ จะมองข้าเพื่ออะไร

อยากจะเรียกค่าเสียหายหรือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสับเจ้าแทน!

หืม ในมือข้ามีกระบี่ตั้งแต่เมื่อไร บนกระบี่ยังมีโลหิตอีก’

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย หยั่งเชิงถามด้วยอาการใจฝ่อนิดๆ “ผู้อาวุโส มือท่าน…ข้าเป็นคนตัดรึ”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนอึ้งไป เหมือนนึกอะไรได้จึงรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่ ตอนฝึกกระบี่ข้าไม่ระวังตัดแขนตัวเอง ไม่เกี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์”

ไม่ระวังตัดแขนตัวเองตอนฝึกกระบี่หรือ

เสิ่นเทียนโมโหแล้ว “ตัวเองไม่ระวังตัดแขนตัวเอง ไฉนถึงเอาโลหิตมาป้ายบนกระบี่ข้า หรือคิดจะขู่กรรโชกกัน”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนตกใจจนงุนงงไปหมด หากไม่ใช่เพราะเขาเป็นคู่กรณี คงจะสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือไม่กันแน่

อะไรคือข้าตัดแขนตัวเองแล้วเอาโลหิตป้ายบนกระบี่เจ้า นี่เจ้ายังมีเกียรติอยู่หรือไม่?

แต่เขาจะกล้าพูดอะไรได้

กระบี่อาบโลหิตนั้นยังชี้เขาอยู่เลย!

มิหนำซ้ำครั้งนี้ฉีเซ่าเสวียนแอบมายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ถือเป็นฝ่ายผิด

ในโลกบำเพ็ญเซียน การแอบดูคนอื่นฝึกวิชากระบี่เป็นสิ่งต้องห้ามร้ายแรงอยู่แล้ว ถูกฟันก็สมควร

ถ้าศักยภาพแกร่งกว่าคนที่ถูกแอบมอง เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไร จะแก้ตัวอย่างไรก็ได้ แต่ปัญหาคือสู้เขาไม่ได้!

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ควักผ้าแพรสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมาส่งให้เสิ่นเทียน “ไม่ระวังทำกระบี่ของบุตรศักดิ์สิทธิ์สกปรก ต้องขอโทษจริงๆ

สิ่งนี้คือผ้าแพรเซียนไหมฟ้า หลอมขึ้นจากใยไหมของไหมเหมันต์ฝันวิญญาณภูเขาหิมะ ข้ายินดีมอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เช็ดกระบี่เซียน”

โอ้ ใจกว้างเช่นนี้เชียวหรือ

“เกรงใจ ผู้อาวุโสท่านเกรงใจไปแล้ว”

เสิ่นเทียนรับผ้าแพรเซียนมาอย่างมีความสุข ก่อนจะเก็บใส่ในกระเป๋า

จากนั้นโคจรพลังฤทธิ์ โลหิตบริสุทธิ์บนกระบี่ฟ้าสังหารพลันพุ่งออกไป

กระบี่ฟ้าสังหารที่เดิมทีเปื้อนโลหิตพลันสะอาดบริสุทธิ์ อืม…ไม่ต้องใช้ผ้าแพรเซียนนี่เลย

“อาจารย์อา แขนท่านเพิ่งขาด น่าจะยังต่อได้”

เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนรับกระบี่แทนตน ฉีเซ่าเสวียนย่อมซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

เขานำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานที่เหลือออกมาจากในแหวนเวหา เริ่มทาบนปากแผลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน

ทว่าไอกระบี่และเจตจำนงกระบี่ที่แนบกับปากแผลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนประหลาดยิ่งนัก ยังคงวนเวียนอยู่ราวกับแผลพุพองใกล้กับกระดูก

แม้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานในมือฉีเซ่าเสวียนจะรักษาได้กระทั่งบาดแผลแห่งมหามรรคแก่นพลังทองแตกร้าว แต่กลับไม่ได้ผลที่แน่ชัดตอนรักษาแขนให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน

….

“ไม่เช่นนั้นก็ให้ข้าลองดูเถอะ”

ตอนนี้เอง มีเสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างๆ

ใช่ เสิ่นเทียนเอง

เมื่อครู่เขาเพิ่งตื่นจากการตระหนักรู้ ยังสะลึมสะลือเหมือนตื่นจากฝันครั้งใหญ่ จึงไม่ได้มองให้ละเอียด

ตอนนี้เขาเริ่มสัมผัสได้นิดๆ ว่า สิ่งที่วนเวียนอยู่บนปากแผลของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน ไม่ใช่ไอกระบี่ฟ้าสังหารของตนหรอกรึ!

นอกจากไอกระบี่ฟ้าสังหารแล้วยังมีเจตจำนงกระบี่ที่พิเศษคลุมเครือและลึกลับ กำลังกู่ร้องลับๆ พร้อมกับมรดกวิชานั้นที่เขาเพิ่งได้มาใหม่

ไอกระบี่เป็นของเขา เจตจำนงกระบี่ก็เป็นของเขา แล้วข้าจะไม่ใช่คนที่ฟันเจ้านี่ได้อย่างไร

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุกนิดๆ แสดงว่าตาแก่นี่…

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ถูกข้าฟันกระบี่เดียวแขนขาด รู้สึกว่ามีหน้าอยู่ต่อไปไม่ได้จึงไม่อยากยอมรับหรือ

จิ๊ๆ คนใหญ่คนโตในโลกบำเพ็ญเซียนพวกนี้ จะตายแล้วยังรักหน้ายอมลำบากอีก เสิ่นเทียนเห็นมาเยอะแล้ว

ทั้งยังมอบผ้าแพรเซียนไหมฟ้าสมบัติระดับวิญญาณขั้นสูงให้เป็นพิเศษอีกชิ้น เป็นค่าปิดปากหรือ จริงๆ เลย คิดว่าข้าเป็นคนอย่างไรกัน

แต่ถึงจะไม่พอใจอย่างไร เขาก็เป็นคนฟันอีกฝ่าย

แม้ในโลกบำเพ็ญเซียน การบุกมาถิ่นฐานคนอื่นรบกวนการฝึกฝน ถูกฟันตายก็สมควรแล้ว แต่เสิ่นเทียนเป็นผู้มีมหาบุญที่มีความเมตตาอย่างยิ่งคนหนึ่ง ประเด็นหลักคือรับของเขามาแล้ว ควรช่วยก็ต้องช่วย

ไม่เช่นนั้น กงล้อทองบุญกุศลข้างหลังเขาคงจะเสียใจน่าดู

เขาเดินมาข้างผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนช้าๆ ก่อนจะเอามือกดตรงปากแผลผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เจตจำนงกระบี่กับไอกระบี่ที่ข้าฟันออกไปยังอยู่!

เสิ่นเทียนโคจรเคล็ดกระบี่เงียบๆ ไล่ไอกระบี่และเจตจำนงกระบี่ที่วนเวียนตรงแขนของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนออกไป

ขณะเดียวกันเขายังพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนไม่ต้องกังวล รอจนไอกระบี่กับเจตจำนงกระบี่สลายไปแล้ว ค่อยเสริมด้วยของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน ก็จะฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ขอให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนวางใจได้เลย แซ่เสิ่นจะไม่บอกใครกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์”

เมื่อเห็นเสิ่นเทียนยิ้มอ่อนโยน แต่ในดวงตามีประกายกระบี่รวดเร็วดุดันขยับวูบวาบ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนยังอดหนาวสั่นมิได้

บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์…กำลังเตือนข้าว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องในวันนี้หรือ

ก็ใช่ ผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองตัวเล็กๆ กลับตัดแขนของผู้สูงศักดิ์สวรรค์ระดับหลอมรวมเทพได้ในกระบี่เดียว กระทั่งสังหารได้ในกระบวนท่าเดียว

พรสวรรค์อันน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ มองไปในโอรสสวรรค์ทั้งหมดตลอดหมื่นปีมานี้ทั้งห้าดินแดน เดาว่าเขาจะต้องเป็นสุดยอดพรสวรรค์กระทั่งเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

หากลัทธิวิญญาณร้ายหรือขุมอำนาจศัตรูของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รู้เข้า คงจะส่งคนระดับผู้อริยะมาจับจ้องเสิ่นเทียนเป็นแน่

ถึงตอนนั้นเสิ่นเทียนจะเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวง

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก เขาคือคนสนิทที่สุดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง

หากไม่เช่นนั้น หน้าที่อารักขาบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงคงไม่มาถึงมือผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนแน่นอน

เดิมทีผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนยังคิดว่าฝ่ายเขามีบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนอยู่ จะเปล่งประกายไปหมื่นปี กระทั่งเป็นเจ้าปกครองดินแดนบูรพา

ทว่าเมื่อได้ประจักษ์พรสวรรค์ของเสิ่นเทียน ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนก็พบเรื่องน่าจำใจอย่างหนึ่ง ขอแค่เสิ่นเทียนไม่ตาย ฉีเซ่าเสวียนจะเป็นน้องชายตลอดไป

ดังนั้นผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนจึงตัดสินใจว่าหลังกลับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงครั้งนี้จะเสนอต่อเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ทันทีว่า

ให้อาศัยจังหวะที่เสิ่นเทียนยังไม่แข็งแกร่งพอนี้ ทำการ…

ยอมจำนน

ใช่ ยอมจำนนทันที

การลงมือสังหารเสิ่นเทียนลับๆ ล่ะ? ไม่มีทางแน่

ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงว่าผู้มีมหาดวงชะตาเยี่ยมยอดเพียงใด

บุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงฉีเซ่าเสวียนของตน ตอนเยาว์วัยรนหาที่ตายยังไม่ตาย แต่ได้พบโชคลิขิต

ตอนนี้พรสวรรค์ของบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนเหนือกว่าฉีเซ่าเสวียน อีกทั้งจากการคาดการณ์ตามข่าวลือ ดวงชะตาเขายังน่ากลัวเกินจริงไปกว่าฉีเซ่าเสวียนอีก

การคงอยู่เช่นนี้ เจ้าคิดจะฉวยโอกาสสังหารเขาตอนที่ยังหนุ่มหรือ เหอะๆ สมองมีปัญหาล่ะสิ!

อย่าว่าแต่โดยพื้นฐานไม่มีทางสำเร็จเลย รังแต่จะกลายเป็นประสบการณ์ล้ำค่าให้อีกฝ่ายด้วย

ต่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงสังหารเสิ่นเทียนได้จริงๆ แล้วอย่างไร รับประกันได้หรือไม่ว่าจะทำได้อย่างแนบเนียนไม่มีใครรู้

หากเรื่องแดงขึ้นมา คนโง่ยังคิดได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะล้างแค้นบ้าคลั่งเพียงใด ถึงอย่างไรนั่นก็คือความหวังอันยิ่งใหญ่

ถึงอย่างไรถ้ามองจากมุมที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงให้ความสำคัญกับฉีเซ่าเสวียนแล้ว หากฉีเซ่าเสวียนถูกแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นกำจัด เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงจะต้องนำอาวุธจักรพรรดิไปสู้ตายอย่างแน่นอน

เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากเสิ่นเทียนเป็นอะไรขึ้นมา แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะต้องระเบิดแน่!

หากสองแดนศักดิ์สิทธิ์สู้ตายกันขึ้นมาจริงๆ อาวุธจักรพรรดิสำแดงพลังทุกที่ สองแดนศักดิ์สิทธิ์จะต่างแตกพ่าย มีแต่จะทำให้ขุมอำนาจอื่นเข้ามาเอาเปรียบ

ผลลัพธ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากเห็นทั้งนั้น

ในเมื่อสังหารไม่ได้สู้ก็ไม่ได้ เช่นนั้นก็ได้แต่ยอมจำนน

เพราะอย่างไรสำหรับขุมอำนาจใหญ่แล้ว บางครั้งเกียรติสิ่งนี้ก็สำคัญอย่างหาที่เปรียบมิได้ บางครั้งก็ไม่มีค่าให้เอ่ยแม้แต่คำเดียว

ร้อยปีนี้โอรสสวรรค์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงข้าสู้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะอยู่เงียบๆ ไปก่อน ซุ่มสั่งสมพลังรอโอกาสใหม่

บุตรศักดิ์สิทธิ์บ้านเจ้าหลงระเริง เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาหลงระเริงไป ปล่อยเขาตามใจไป

หากดวงซวยถูกรุมทุบตีพิการเหมือนกับฉู่หรงเหอ ข้าค่อยออกมาสมน้ำหน้า

หากดวงดี สังหารบนเส้นทางไร้พ่ายเหมือนกับจักรพรรดิฮวงสือ ปกครองใต้หล้าทำให้สี่ทะเลสวามิภักดิ์ เช่นนั้นข้าจะสวามิภักดิ์ด้วยก็ไม่มีอะไรที่ยอมรับไม่ได้

กระทั่งการยอมจำนนก่อน จากนี้เวลาต่อแถวเข้ามาเป็นสุนัขรับใช้ จะได้เข้าไปใกล้ชิดกว่าอีก

แดนศักดิ์สิทธิ์มีที่ใดบ้างที่คงอยู่ตลอดกาล มรดกต่างหากสำคัญที่สุด

เมื่อเจอผู้สูงส่งที่แท้จริง จะยอมจำนนหรือไม่

ต้องอ่อนน้อมเข้าไว้ภายภาคหน้าจะได้สบาย!

อีกทั้งโดยเนื้อแท้แล้ว แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กับแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงเพียงแค่ปะทะกันเฉพาะผู้สืบทอดทุกรุ่นเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นเจ้าตายข้าถึงรอด

ลัทธิวิญญาณร้ายกับวิญญาณร้ายต่างแดนที่อาจจะเกิดใหม่ได้ทุกเมื่อต่างหากคือศัตรูใหญ่ของห้าดินแดนที่แท้จริง

โอรสสวรรค์อย่างเสิ่นเทียน ฉีเซ่าเสวียน และฟางฉาง ความจริงแล้วทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ปกป้องพวกเขา

ถึงอย่างไรมหันตภัยครั้งนั้นเมื่อหมื่นปีก่อนก็ยังส่งผลอยู่ ไม่ได้หายไปทั้งหมด

………

เมื่อคิดได้ดังนั้น ผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ขอให้บุตรศักดิ์สิทธิ์วางใจ จะไม่มีใครรู้เรื่องในวันนี้ อีกอย่าง บุตรศักดิ์สิทธิ์มีความองอาจห้าวหาญ สง่าผ่าเผยไม่ตกอยู่ใต้ใคร วิถีกระบี่เป็นหนึ่ง สติปัญญาโดดเด่น เป็นเอกแห่งยุคไม่เป็นรองใคร ท่วงท่าสง่างาม มีผลงานเลิศล้ำองอาจ…

มีบุคคลเยี่ยงบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กำเนิดในดินแดนบูรพา นับเป็นเรื่องดีของดินแดนบูรพาเราจริงๆ หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่รังเกียจ ภายภาคหน้าก็มาเป็นแขกที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงข้าได้ตลอด

ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ตัวข้ายังมีบุตรสาวที่รักอีกคน ตอนนี้อายุสิบหกงดงามดั่งดอกไม้ ชื่นชมบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาตลอด หากบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่รังเกียจ ข้าจะเปลี่ยนให้นางมาเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ คอยปรนนิบัติอยู่ข้างกายบุตรศักดิ์สิทธิ์”

เมื่อเห็นผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนที่โดนตนฟันแขนขาดไปข้างหนึ่งยังคงพูดคุยสนุกสนาน กระทั่งแนะนำบุตรสาวที่รักให้ตนแล้ว เสิ่นเทียนถึงกับผงะไป

โหดมาก!

จะว่าไปเจ้าแขนขาดแล้ว ยังประจบได้อีกหรือ ไม่เจ็บหรืออย่างไร

เสิ่นเทียนบีบเค้นไอกระบี่สุดท้ายออกจากรอยแขนขาดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียน ก่อนจะทาของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพาน หลังจากสำแดงวิชาเยียวยา แขนขาดของผู้สูงศักดิ์สวรรค์จื่อเสวียนก็ต่อกลับเข้าไปได้อย่างสมบูรณ์

ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนด้วยแววตาซับซ้อน สารภาพตามตรง วันนี้เขาได้รับความกระทบกระเทือนที่จิตใจมาก

เดิมทีตอนเพิ่งมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ เขายังคิดจะทุบตีเสิ่นเทียนกับสามอัจฉริยะเทพสวรรค์ด้วยตัวคนเดียว ต่อมาโดนสามอัจฉริยะเทพสวรรค์กดดัน ฉีเซ่าเสวียนคิดว่าหนึ่งสู้สี่ไม่ไหวแล้ว อย่างน้อยต้องเอาชนะเสิ่นเทียนในการต่อสู้ตัวต่อตัว

ต่อมาถึงเข้าหอคอยเทพสงคราม พ่ายแพ้ให้กับร่างเงาเสิ่นเทียนหลายครั้ง จนมึนงงโง่งมไปหมด คิดแค่ว่าขอแค่เอาชนะเสิ่นเทียนครั้งเดียวก็พอ

จากนั้น เขาโดนหัตถ์ปฐมกาลทลายเวหาของร่างเงาเสิ่นเทียนตบกลิ้งจนสงสัยในความหมายของชีวิต

เขาเชื่อมั่นว่าเสิ่นเทียนไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ทั้งดินแดนบูรพาไม่มีทางมีอัจฉริยะบ้าระห่ำเช่นนั้นได้ เขาจึงมายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ อยากจะพิสูจน์ว่าทุกอย่างคือการจัดฉาก พิสูจน์ว่าเสิ่นเทียนไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ทุกคนคิด

แต่เขาพลาดแล้ว

คนอื่นไม่มีทางคาดคิดถึงความแกร่งของเสิ่นเทียนได้เลย!

เทียบกับเสิ่นเทียนแล้ว ‘โอรสสวรรค์อันดับหนึ่งแห่งดินแดนบูรพา’ อย่างเขา ช่างน่าหัวเราะจริงๆ

…….

ในอดีต ฉีเซ่าเสวียนเคยได้ยินคนพูดถึงอาจารย์ตนใน ‘พงศาวดาร’ ว่าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงที่โดนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กดขี่ได้น่าสังเวชมากที่สุด

ตอนได้ยินครั้งแรก ฉีเซ่าเสวียนยังกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ เพราะก็เคยแอบหัวเราะกับเรื่องน่าอับอายของอาจารย์ในอดีตมาแล้ว

จากนั้นเขาเคยสาบานกับตัวเองว่าจะแขวนบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้วทุบตีให้หนัก เป็นการเชิดหน้าชูตาแทนอาจารย์

แต่วันนี้ เมื่อฉายานี้ลอยขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง ภายในใจฉีเซ่าเสวียนกลับเหลือเพียงความคับแค้นใจรุนแรง

หากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายภาคหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงอย่างเขาจะถูกเสิ่นเทียนกดขี่ได้น่าสงสารยิ่งกว่าอีก

ความคับแค้นใจของอาจารย์ ศิษย์…ได้สัมผัสแล้ว!

……………………………………..