บทที่ 291 รู้สึกอัปยศเถอะ คิดถึงความอัปยศ ยอมรับความอัปยศเถอะ

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 291 รู้สึกอัปยศเถอะ! คิดถึงความอัปยศ! ยอมรับความอัปยศเถอะ!

ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนด้วยความเคียดแค้น น้ำตาคลอเบ้าอยากจะร้องไห้…

โอ้~

มองจนเสิ่นเทียนขนหัวลุกนิดๆ

เขาเบนสายตาออกจากใบหน้าฉีเซ่าเสวียนเงียบๆ อืม ไม่มองหน้ากันแล้วดีขึ้นมากจริงๆ

ฉีเซ่าเสวียนมุมปากกระตุกเล็กน้อย เจ้าสารเลวนี่ไม่แม้แต่จะแยแสมองเขา โอหังอะไรเช่นนี้

ที่แท้นี่คือบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ผู้โอหัง ดูท่าตอนนั้นที่อาจารย์เจอกับจางหลงหยวนกับฉู่หรงเหอก็คงจะเป็นเช่นนี้กระมัง!

ความรู้สึกอัปยศที่ถูกมองข้ามเช่นนี้ แซ่ฉีได้สัมผัสแล้ว!

ตอนนี้ในที่สุดฉีเซ่าเสวียนก็เข้าใจว่าเหตุใดตอนที่อาจารย์ตนเอ่ยถึงเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ถึงได้กำหมัดแค้นจนกัดฟันกรอด

สำหรับโอรสสวรรค์ที่โอหังอย่างยิ่งเช่นพวกเขา การถูกคนอื่นกดขี่เช่นนี้เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยากจริงๆ!

ฉีเซ่าเสวียนกำหมัดแน่น ก่อนจะโค้งตัวต่ำให้เสิ่นเทียน “ก่อนอื่น แซ่ฉีต้องขออภัยบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่บุ่มบ่ามมายอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์ ไปรบกวนการฝึกกระบี่ของสหายเสิ่นโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่คือความผิดของแซ่ฉี หากสหายเสิ่นต้องการให้ชดใช้ก็บอกมาได้เลย”

หืม?

เสิ่นเทียนอึ้งไปแล้ว

เจ้านี่ เหตุใดถึงเกรงใจเช่นนี้

เจ้ามีมารยาทเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกเขินมากเชียว

จากนั้น ฉีเซ่าเสวียนโค้งตัวให้เสิ่นเทียนอีกครั้ง “ข้อสอง แซ่ฉีต้องขอบคุณเจ้า อาจารย์อาจื่อเสวียนเป็นเหมือนญาติพี่น้องของแซ่ฉี ทั้งยังรับกระบี่แทนข้า ขอบคุณที่สหายเสิ่นรักษาแผลกระบี่ให้เขา”

เหงื่อเย็นหยดหนึ่งไหลลงมาจากหน้าผากเสิ่นเทียน มีอะไรให้ขอบคุณกัน คนคนนั้นข้าเป็นคนฟันเอง

ทำไม จะฝืนทำเป็นสนิทสนมเพื่อเพิ่มความรู้สึกดีแก่กันรึ!

ฉีเซ่าเสวียนเริ่มโค้งตัวครั้งที่สาม “ข้อสาม แซ่ฉีต้องขอบคุณสหายเสิ่น เจ้ากระตุ้นจิตวิญญาณในการต่อสู้ของข้าได้แล้ว!”

เสิ่นเทียนงุนงง

ฉีเซ่าเสวียนมองเสิ่นเทียนด้วยแววตาลุกวาว “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน แซ่ฉีไร้พ่ายในรุ่นเยาว์ของดินแดนบูรพามานานมาก ครั้งนี้อยู่ต่อหน้าสหายเสิ่น แซ่ฉีแพ้อย่างหมดใจ แต่นี่ก็แค่ชั่วคราว ข้าจะตามฝีเท้าของเจ้าไปตลอด จนกว่าจะแซงหน้าเจ้า”

เมื่อเห็นฉีเซ่าเสวียนที่จริงจังและเผยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สะท้านฟ้าออกมา เสิ่นเทียนถึงกับตะลึงงัน

จากนั้นเขาก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “สหายฉี พวกเรา…เคยประลองกันหรือ”

เพล้ง!

เพล้ง!

เพล้งๆ!

ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางศีรษะจนนึกสงสัยในชีวิต

สหายฉี เราเคยประลองกันหรือ

คำตอบของเสิ่นเทียนทำให้ฉีเซ่าเสวียนถึงกับทรุด

สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่เจ้าพ่ายแพ้ให้ใคร แต่เป็นคนนั้นที่เอาชนะเจ้าได้จำไม่ได้ว่าเคยชนะเจ้า

และที่น่าอนาถกว่านั้นคือ คนนั้นที่เอาชนะเจ้าไม่รู้ตัวว่าเคยประลองกับเจ้า

ดังนั้นในสายตาบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แซ่ฉีเป็นเพียงตัวตลกนั่งมองฟ้าในบ่อน้ำ เขาไม่เห็นข้าในสายตาเลยหรือ

บัดซบ บัดซบ บัดซบจริง!

บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ พวกเจ้าจะรังแกกันเกินไปแล้ว!

รู้สึกอัปยศเถอะ คิดถึงความอัปยศ ยอมรับความอัปยศเถอะ เข้าใจความอัปยศเถอะ คนที่ไม่เข้าใจความอัปยศ…จะไม่อาจจุดจิตวิญญาณแห่งต่อสู้อย่างแท้จริงขึ้นมาได้!

ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก มองเสิ่นเทียนตรงๆ “ตอนนี้สหายเสิ่นมีคุณสมบัติมองแซ่ฉีจากเบื้องบนจริงๆ แต่สามสิบปีสายน้ำไปทางตะวันออก สามสิบปีให้หลังสายน้ำไปทางตะวันตก อย่า…”

อะไรนะ พอเห็นฉีเซ่าเสวียนกำลังจะร่ายคำสาปคลาสสิกนั้นแล้ว เสิ่นเทียนพลันขนลุกขึ้นมา

นี่ถ้าให้บุตรแห่งโชคอย่างเจ้าเอ่ยออกมา จะไม่เป็นจริงหรือ

ข้าจะไม่โดนนักเขียนสุนัขเล่นงานจนตายรึ

ล้อเล่นน่า ก็แค่คำพูดโอหังไม่ใช่หรือ! ไม่มีใครทำได้หรอก!

เสิ่นเทียนหมุนตัวกลับมาอย่างเฉยชา เอ่ยขัดคำพูดฉีเซ่าเสวียนว่า “คู่ต่อสู้ของข้ามีเพียงคนเดียว นั่นคือตัวข้าเอง ศัตรูที่แพ้ให้กับข้าไม่เคยถูกข้ามองเป็นคู่ต่อสู้มาก่อน ข้าจะให้เวลาเจ้าไล่ตาม จนกระทั่งไกลเสียจนเจ้ามองไม่เห็น”

เมื่อมองเงาแผ่นหลังเสิ่นเทียนที่ยืดยาวสูงขึ้น ได้ยินคำพูดเฉยชาของเขา ฉีเซ่าเสวียนนิ่งอึ้งไป

ในความคิดเขาเหลือเพียงคำพูดนั้นของเสิ่นเทียนดังก้องสะท้านหู!

‘คู่ต่อสู้ของข้ามีเพียงคนเดียว นั่นคือตัวข้าเอง ศัตรูที่แพ้ให้กับข้าไม่เคยถูกข้ามองเป็นคู่ต่อสู้มาก่อน ข้าจะให้เวลาเจ้าไล่ตาม จนกระทั่งไกลเสียจนเจ้ามองไม่เห็น’

เป็น…เป็นคำพูดที่บ้าอำนาจมาก มั่นใจในตัวเองมาก

นี่สิผู้สูงส่งหนุ่มที่แท้จริง นี่คือหัวใจไร้พ่ายที่ควรมีหรือ

วิถีไร้พ่ายที่ตอนแรกแซ่ฉีเคยภูมิใจ ที่แท้แค่เริ่มก็ผิดพลาดและน่าหัวเราะแล้ว

ผู้ไร้พ่ายที่แท้จริงคือการอาศัยระดับพลังแก่กล้ากวาดล้างสี่ทิศ ท้าประลองกับคนที่สู้กับตนไม่ได้พวกนั้นหรือ

แน่นอนว่าไม่ใช่!

เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนนั้นที่ตนเคยกวาดล้างแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ของดินแดนบูรพา โอรสสวรรค์พวกนั้นมีระดับพลังเทียบตนไม่ได้อย่างชัดเจน แต่กลับถูกเขาบังคับให้ออกมาสู้ สุดท้ายก็พ่ายแพ้

เทียบกับเสิ่นเทียนที่อยู่เงียบๆ ขนาดรายนามเทพสงครามยังเลือกอำพรางนามไว้ ฉีเซ่าเสวียนรู้สึกว่า ‘วิถีไร้พ่าย’ ที่ว่านั่นของตนช่างเลื่อนลอยจนน่าหัวเราะ

เส้นทางไร้พ่าย มองผู้แข็งแกร่งในใต้หล้าเป็นเป้าหมายและทะลวงขีดจำกัดของตัวเองไปเรื่อยๆ!

นี่สิหัวใจไร้พ่ายที่แท้จริง!

…..

เหมือนตระหนักอะไรบางอย่างได้ พลังในตัวฉีเซ่าเสวียนเพิ่มขึ้นมาก

เส้นผมกระเซอะกระเซิงปลิวไสว เกราะนักรบบนตัวเปล่งแสงสว่างจ้า มีเสียงคำรามมังกรสั่นสะท้านดังมาจากในร่างกาย

ไม่อยากเชื่อว่าระดับพลังจะก้าวหน้าไปอีกครั้ง

เสิ่นเทียนย่อมงุนงงกับตรงนี้

การใช้สูตรโกงเช่นนี้น่าโมโหเกินไปแล้วกระมัง!

คนอื่นเขาลำบากฝึกฝนสิบกว่าปีกระทั่งหลายสิบปีก็อาจจะทะลวงพลังไม่ได้ด้วยซ้ำ

แต่ข้าแค่พูดจาโอหัง ฉีเซ่าเสวียนกลับถูกกระตุ้นจนตระหนักรู้และทะลวงพลังรึ

นี่มันอะไรกัน

ล้อเล่นอะไรกัน

จ่ายค่าปรึกษาจิตวิทยามาเลย!

ผู้มีมหาดวงชะตาอย่างพวกเจ้ายังมีเกียรติกันอยู่หรือไม่

“วันนี้คำพูดของสหายเสิ่นทำให้แซ่ฉีตื่นขึ้น แซ่ฉีละอายใจจริงๆ!”

ฉีเซ่าเสวียนป้องมือคารวะเสิ่นเทียนด้วยแววตาเร่าร้อน “นับจากวันนี้ไป ในสายตาแซ่ฉีจะไม่มีโอรสสวรรค์คนอื่นอีก ข้าจะมองสหายเสิ่นเป็นเป้าหมาย ไล่ตามเจ้า จะแซงหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแซงหน้าเจ้าให้ได้~”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก บ่นพึมพำอยู่นั่นว่าจะแซงหน้าข้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นฉีเชาเยวี่ย[1]รึ

เสิ่นเทียนปวดร้าว ปวดร้าวมาก

เห็นๆ อยู่ว่าคำพูดโอหังมาจากปากเขา แต่ทำไมคนที่ทะลวงพลังกลับเป็นฉีเซ่าเสวียน

แม้ฉีเซ่าเสวียนจะแค่เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในด้านจิตใจ แต่ว่า…การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงหรือ

หึ ไม่ได้จะเอาเปรียบกันง่ายขนาดนั้นนะ!

เสิ่นเทียนมองฉีเซ่าเสวียนพลางพูดอย่างเฉยชา “สหายฉี เจ้าคิดจะไล่ตามข้า จะแซงข้าจริงๆ รึ”

แววตาฉีเซ่าเสวียนเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ใช่ แซ่ฉีจะไล่ตามเจ้า ขอแค่ตามเงาแผ่นหลังของสหายเสิ่นทัน กระทั่งแซงหน้าสหายเสิ่น ให้ข้าจ่ายอะไรก็ยอม!”

คิดจะไล่ตามข้า ทั้งยังคิดจะแซงหน้าข้าอีกหรือ แถมยังพูดต่อหน้าข้าอีกรึ

สหาย จะมั่นใจเกินไปหน่อยกระมัง!

เสิ่นเทียนยิ้ม “ถ้าเช่นนั้น แซ่เสิ่นจะชี้ทางสว่างให้กับสหายฉี ระดับพลังของแซ่เสิ่นมีรากฐานมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ แต่วิถีแห่งการต่อสู้ที่แกร่งที่สุดกลับมาจากหอคอยเทพสงคราม”

ไม่ผิด

เคล็ดเทพสงครามคบเพลิง หัตถ์ปฐมกาลทลายเวหา รวมถึงเคล็ดกระบี่เซียนเหินฟ้าที่เรียนมาใหม่ ทุกอย่างเยี่ยฉิงชางเป็นคนมอบให้ ไม่มีอะไรผิด!

ส่วนฉีเซ่าเสวียนจะเรียนวิชาพวกนี้มาจากหอคอยเทพสงครามได้หรือไม่ เช่นนั้นก็ต้องดูที่อารมณ์ของเยี่ยฉิงชาง

ถึงอย่างไรข้าเสิ่นเทียนก็ไม่ได้ร่วมกิจการกับหอคอยเทพสงคราม ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

….

หัตถ์ทลายเวหา และยังมีเคล็ดกระบี่ที่แกร่งจนน่าสะพรึงนั่น มาจากหอคอยเทพสงครามจริงๆ หรือ

ฉีเซ่าเสวียนสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาพลันเร่าร้อนขึ้นมา

อยากจะแกร่งขึ้นก็ต้องต่อสู้จริง

แซ่ฉีต้องเติมเงินต่อ!

………………………………………

[1]ฉีเชาเยวี่ย เป็นนักร้องคนหนึ่ง ความหมายชื่อแปลตรงตัวได้ว่า ฉีแซงหน้า