บทที่ 169 ทำลายขีดจำกัด

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

บทที่ 169 ทำลายขีดจำกัด

 

ในวินาทีที่ใกล้กับความตาย หลัวซิวทำลายขีดจำกัดของตนเอง ใจกลางแห่งวิถียุทธ์ แดนวิชากระบี่ พลังสังหาร ทั้งหมดนี้รวมเป็นหนึ่งรวมเป็นหนึ่งดาบ ได้สรุปข้อคิดอย่างอัศจรรย์

อาฆาตแค้นปลายเป็นดาบ จากนั้นกลายเป็นใช้จิตควบคุมดาบ ใช้ดาบฆ่าห้วงยุทธ์

ห้วงยุทธ์ บอกได้เลยว่าคือเฉพาะของผู้แข็งแกร่งชายุทธ์ ปรมาจารย์ฝึกจิต ส่วนน้อยที่อัจฉริยะก็คิดได้

ส่วนหลัวซิว เป็นเพียงแดนพรสวรรค์ แต่อยู่เหนือแดนนี้ เขาแทบจะจะเท่ากับผู้แข็งแกร่งชายุทธ์มากมายแล้ว

และส่วนราชายุทธ์บางส่วน ต่างก็ตระหนักรู้ถึงห้วงยุทธ์ไม่ได้

พูดตามหลักการแล้วถ้าไม่มีตัวสำนึกก็จะไม่สามารถรู้ห้วงยุทธ์และหลัวซิวเป็นอ แต่กลับทำเรื่องที่ผิดปกติได้สำเร็จ

ในระหว่างที่เสิ่นหยวนหนานตกตะลึงก็รีบเก็บพลังจากรักหังสีเขียวทั้งหมด

หลัวซิวผนึกรวมเป็นดาบห้วงยุทธ์หลังกรีดการควบคุมตัวจากราชายุทธ์ รีบถอยหลังอย่างรวดเร็ว

“ปั้ง!”

สุดท้ายหลัวซิวก็ไม่สามารถหลีกได้ทั้งหมด ถูกระฆังสีเขียวอ่อนเฉียด ทำให้น่างกายแทบจะแตะสลาย ร่างกายกระเด็นออกไป เดือดเต็มไปหมด สลบคาที่

เสิ่นหยวนหนานรีบไปรับตัวหลัวซิวไว้ รีบเช็คอาการของเขา พบว่าเขาไม่ได้ ยังมีลมหายใจอยู่

“แม่มึงสิ คนที่ไม่มีชีวิตคือมึง แต่กูกลับตกใจขนโรงหัวใจจะกำเริบ”

เห็นหลัวซิว พี่อาการหนักแต่ไม่ตาย เสิ่นหยวนหนานถอนหายใจหัวร้อนแล้วด่า

“ไอ้หนุ่มนี้ อายุน้อยๆ ก็ผนึกรวมเป็นความอาฆาตต่างกับคนในระดับเดียวกับตน เห็นได้ชัดว่าฆ่าพรสวรรค์ไปหลายคน ถึงขั้นมีปรมาจารย์ฝึกจิต ไอ้หนุ่มนี้เป็นคนดุร้ายจริงๆ !”

“และไอ้หนุ่มนี้ก็กล้ามาหาฉัน ให้ฉันใช้พลังราชายุทธ์ลงมือจนทำให้เขารู้สึกถึงความตาย ไอ้นี่ก็โหดร้ายกับตนเองนี่หน่า!”

“ตอนที่ดวรจะร้ายก็ร้าย ไม่ว่าจะกับตัวเองหรือศัตรู ถ้าไอ้หนุ่มนี้โตขึ้น เก่งแน่ๆ !” เสิ่นหยวนหนานพูดพึมพำ เอายาออกมาเปิดปากหลัวซิวแล้วยัดเข้าไป

เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งชายุทธ์ ยาที่พบอย่างน้อยก็เป็นยาระดับห้า หนึ่งเม็ดเทียบเท่านับพันก้อนหินพลังจิต ถ้าไม่ใช่เพราะถูกชะตา เขาไม่ให้ใครใช้หรอก

และในตอนนี้ หลินเจียเอ๋อร์กำลังมาทางที่พักของเสิ่นหยวนหนาน พิเปิดประตู ก็รับรู้ถึงพลังจิตที่อยู่ในห้อง

เงยหน้าขึ้น มองไปทางห้องที่รกไปหมด เหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา

“อาจารย์นี่เกิดอะไรขึ้น?” หลินเจียเอ๋อร์ไม่เข้าใจ

“เจียเอ๋อร์มาพอดีเลย ส่งไอ้หนุ่มนี้กลับไปให้อาจารย์หน่อย” เสิ่นหยวนหนานพูด

“ไอ้หนุ่มนี้ ถูกวิชาเฉียนคุนติ่งเจิ้นของอาจารย์ตีเกือบตาย แต่อาจารย์ให้กินยาไปแล้ว คงไม่ตายหรอก”

เสิ่นหยวนหนานพูดอย่างไม่สนใจ แต่ทำให้หลินเจียเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก

อาจารย์เป็นถึงผู้แข็งแกร่งชายุทธ์ คงไม่ตีหลัวซิวอย่างไรเหตุผล อีกอย่างอาจารย์ยังให้ยากับเขาด้วย ยาหนึ่งเม็ดระดับที่ห้า หล่อนรู้ดีว่าเทียบเท่ากับราคาเท่าไหร่

หรือหลัวซิวมาท้าทายอาจารย์ จากนั้นถูกตีเป็นแบบนี้?

ตอนตอนที่สมองมีความคิดนนี้ สิ่งแรกที่หลินเจียเอ๋อร์ไหวตัวคือ มันจะบ้าไปแล้ว!

“ถึงแม้หลัวซิวจะมีความสามารถ แต่ก็ใกล้เคียงกับตัวเอง ถ้ามาท้าทายราชายุทธ์ ไม่รู้ฟ้าไม่รู้ดินจริงๆ เลย”

ในใจของหล่อนแบ่งหลัวซิวไปตามจำพวกที่คิด และในใจก็มีความไม่พอใจที่อาจารย์บอกว่าตนเองสู้เขาไม่ได้บนอยู่

เสิ่นหยวนหนานไม่ได้อธิบายอะไรมาก ไม่รู้ด้วยว่าเพราะคำพูดหนึ่งคำของตนเองทำให้ลูกศิษย์มีความคิดแปลกแปลก

เดินไปตรงหน้า เอาแขนของหลัวซิวไว้ที่ไหล่ของตนเอง หลินเจียเอ๋อร์ เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าบัตรแผลของหลัวซิวหนักแค่ไหน

เอ็นในร่างกายขาดนับไม่ถ้วน พลังในร่างกายใช้จนหมด เสื้อผ้าฉีกขาดแทบจะปิดไม่มิดถ้าไม่ใช่เพราะมียาระดับห้าคอยช่วยรักษา อาการแบบนี้ยากที่จะฟื้นดี

แต่ในใจของหลินเจียเอ๋อร์ก็แอบพูดว่าสมน้ำหน้า ใครให้ไอ้นี่ไม่รู้ฟ้าดินกล้าท้าทายผู้แข็งแกร่งชายุทธ์?

ศักดิ์ศรีของผู้แข็งแกร่งชายุทธ์จะให้ท้าทายได้เช่นไร?

หลินเจียเอ๋อร์เพิ่งพยุงหลัวซิวเดินออกไป เสิ่นหยวนหนานก็มีเลือดออกที่มุมปาก เมื่อกี้ใสตอนสุดท้ายเขาเก็บพลังกลับ ถูกกระทบน้อยนิด

ศักดิ์ศรีของผู้แข็งแกร่งชายุทธ์ ทำให้เขาคอยอดกลั้นไว้ จะให้ลูกศิษย์ที่เข้ามาพอดีเห็นไม่ได้

พยุงหลัวซิวที่สลบ หลินเจียเอ๋อร์ เขาไปถึงหน้าประตูที่คอยฝึกตนส่ง

ลู่เมิ่งเหยาก็กำลังจะมาหาหลัวซิว เห็นเขาสนิทสนมกับผู้หญิงแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปน้อยนิด

หล่อนไม่รู้จักสักคนนี้ แต่เห็นได้ชัดว่า ผู้หญิงคนนี้สวยไม่แพ้ตนเอง และพลังก็สูงกว่าตนเองด้วย

ลู่เมิ่งเหยาไม่รู้จักหลินเจียเอ๋อร์ แต่หลินเจียเอ๋อร์รู้จักหล่อน

“เธอคือลู่เมิ่งเหยาใช่ไหม หลัวซิวไม่รู้ที่ต่ำที่สูงกล้าไปท้าทายอาจารย์ของฉัน ก็เลยมีแผลติดตัว ไหนๆ เธอก็มาแล้ว พยุงเขาเข้าไปเถอะ”

เห็นลู่เมิ่งเหยา หลินเจียเอ๋อร์ก็ไม่อยากจะพยุงหลัวซิวต่อ เธอยังไม่เคยสนิทสนมกับผู้ชายใกล้ขนาดนี้มาก่อน

ลู่เมิ่งเหยา ไม่รู้ว่าอาจารย์ที่ผู้หญิงคนนี้พูดคือใคร แต่ด้วยน้ำเสียงของฝั่งตรงข้ามทำให้เธอรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของหล่อนกับหลัวซิวไม่ใช่อย่างที่ตัวเองคิด

ได้ยินว่าหลัวซิวมีบัตรแผล เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของหลัวซิวฉีกขาด ทั้งตัวเปื้อนเลือดไปหมด

สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลรีบไปพยุงเขา

หลินเจียเอ๋อร์ ไม่ได้อธิบายอะไรมาก มองไปทางเสื้อที่พยุงหลัวซิวและมีคราบเลือดติดด้วยสีหน้ารังเกียจ หันหลังแล้วเดินกลับ

ในห้องลับ ลู่เมิ่งเหยาวางตัวหลัวซิวนอนราบ จากนั้นตากน้ำมาเช็ตตัวให้เขา

บัตรแผลที่เปิดกว้างทำให้เธอตกใจไปหมด เธอไม่รู้ว่าทำไมหลัวซิวถึงถูกตีจนเป็นสภาพนี้ อาจารย์ขนมผู้หญิงคนนั้นคือใครทำไมจะต้องลงมือหนักขนาดนี้?

ลู่เมิ่งเหยารู้สึกสงสารและเริ่มน้ำตาไหล แอบด่าตนเองว่าไม่มีประโยชน์ ถ่วงเป็นอย่างเดียว ให้หลัวซิวมาปกป้องตนเองทุกครั้ง และตนเองก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยอะไรเขาก็ไม่ได้

……

จิตอยู่ภายใต้ความมืดมน หลัวซิว รู้ว่าครั้งนี้อาการของตนเองหนักมาก ไม่แพ้ครั้งที่แล้วที่ถูกมังกรเจียวเขาเดียวเกล็ดม่วงตามฆ่า ที่ใกล้สภาพตาย

ทำให้เขารู้สึกตื้นตันและขอบคุณเสิ่นหยวนหนาน ถ้าขั้นสุดท้ายเขาไม่ได้เก็บพลังคืน ถึงแม้เขาจะได้ข้อคิดในเวลาใกล้ตาย ก็จะถูกระฆังกระแทกจนตัวสลาย

ถ้าเปลี่ยนไปเป็นคนปกติ อาการแบบนี้ตายอย่างเดียว

และในเวลาเดียวกัน หลัวซิว ก็รับรู้ถึงการไหลเวียนของยาที่กำลังส่งไปทั่วร่างกาย ถึงไหมเขาไม่ต้องการยาในการฟื้นคืน แต่ก็จำความห่วงใยและการดูแลของเสิ่นหยวนหนานไว้

ขนาดนี้หลัวซิวยังรู้สึกได้ถึงการหมุนเวียนของจิตวิญญาณ เขาสำเร็จแล้วในเรื่องที่สัมผัสความตาย อาการของเขากำลังดีขึ้น

อาจจะเป็นเพราะครั้งที่แล้วไม่สำเร็จ ครั้งนี้ก็เลยทำให้อาการหายดี

แต่ครั้งนี้ตามที่คาดกันแล้ว อาการของเขาจะหายดีทั้งหมด คงจะต้องใช้เวลาสองสามเดือน

แต่ดีที่องค์กรนักล่ายุทธ์ปลอดภัย แค่ใจนิ่งรอให้แผลหายดี เขาก็จะมีชีวิตใหม่ที่ดี พลังก็จะพัฒนาขึ้นอีกเยอะ

หลังจากนั้นสามวัน หลัวซิวตื่นจากสลบ จิตก็จากความมืดกลับสู่สภาพชีวิตจริง!