บทที่ 533 เจ้าต้องการอะไร
หนิงเมิ่งเหยาเอามือเท้าคางขณะมองสีหน้าครุ่นคิดของชายหนุ่มตรงหน้า “ข้ามั่นใจว่าลึกๆ แล้ว เจ้าเองก็รู้ดีว่าข้าสามารถทำได้จริงหรือไม่”
ในที่สุด ชายผู้นั้นก็ถอนหายใจ “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
หญิงสาวยิ้มกว้างยิ่งกว่าเก่า พร้อมมองอีกฝ่ายด้วยแววตาชื่นชม เขาเป็นคนที่รู้จังหวะว่าควรพูดอะไรตอนไหน
“ข้าเพียงต้องการจะกำจัดพ่อค้าหลวงก็เท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยามองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา พร้อมขยับริมฝีปากสีแดงขณะที่พูด
แววตาของชายหนุ่มเปลี่ยนไป แต่แล้วเขากลับส่ายศีรษะ “เจ้าทำไม่ได้หรอก”
“ข้าจะทำได้หรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของเจ้า” หญิงสาวส่ายหน้าและมองชายตรงหน้าด้วยแววตาอันมาดมั่น
นางจะทำมันได้หรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็น แต่มันขึ้นอยู่กับว่านางต้องการจะทำมันหรือไม่ต่างหากเล่า
ทันใดนั้น ชายผู้เป็นนายท่านของที่นี่ก็เงียบลงด้วยความไม่มั่นใจว่าตนเองจะต้องทำเช่นไร
“ดูเหมือนว่าพ่อค้าหลวงแห่งเมืองหลิงจะควบคุมเศรษฐกิจเพียงแค่หนึ่งในห้าของเมืองหลิงเท่านั้น ความจริงแล้ว มีเมืองอื่นๆ อีกมากมายที่มีอิทธิพลกับเรื่องนี้ หากเจ้าต้องการจะทำลายมันก็ย่อมพูดได้ง่ายๆ แต่ตอนที่จะทำจริงๆ นั้นยากนัก” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตน
หญิงสาวมองคนตรงหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะยิ้มขึ้น “แน่นอน ข้ารู้เรื่องนั้นดี”
“ถ้าเช่นนั้น…”
“หากพวกเจ้าทุกคนไม่ไปสัมผัสกับของบางสิ่งที่ไม่ควรจะแตะต้อง ข้าก็คงจะไม่ไปก้าวก่ายกับพ่อค้าหลวงของเมืองหลิงหรอก” หนิงเมิ่งเหยาพูดกับเขาอย่างจริงจัง
ชายผู้นั้นเหลือบมองหญิงสาว และทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคนๆ หนึ่งขึ้นมาทันที “เจ้าคือหนิงเมิ่งเหยา นายหญิงแห่งทงเป่าไจหรือ”
“ทำไมเจ้าถึงมั่นใจขนาดนั้น” เมื่อถูกจับได้ หญิงสาวก็ไม่ได้กระอั่กกระอ่วนใจแต่อย่างใด หนำซ้ำนางยังมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม เพราะอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงนึกออก
ชายผู้นั้นก้มหน้าลงและพูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่านอกจากทงเป่าไจแล้ว คงจะไม่มีผู้ใดที่สามารถพูดจาเช่นนี้ได้อีก”
มันคือเรื่องจริง เพราะทงเป่าไจสามารถทำลายพ่อค้าหลายรายได้เพียงแค่พวกเขาต้องการ แล้วนับประสาอะไรกับพ่อค้าหลวงเพียงกลุ่มเดียว
ทันใดนั้น ชายคนดังกล่าวก็มองตรงไปข้างหน้า ราวกับต้องการเห็นความพังพินาศ
“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยเหลืออย่างไรบ้างหรือ” ในที่สุด ใบหน้าอันเย็นชาของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม
หญิงสาวผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ “ดียิ่ง จริงๆ แล้ว ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอะไรเลย นอกจากจะขอสิ่งของบางอย่างจากร้านอาหารของเจ้าก็เท่านั้น ที่นี่พอจะมีหญ้าวิเศษ บ้างหรือไม่”
“พอมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก”
หัวหน้าผู้ดูแลทุกๆ คน ที่อยู่ภายใต้พ่อค้าหลวงล้วนแล้วแต่มีสิ่งนี้กันทั้งนั้น และเขาเป็นถึงคนดูแลร้านอาหารแห่งนี้ จึงเป็นธรรมดาที่จะมีหญ้าเวทย์มากกว่าคนอื่นๆ
“เราต้องการมัน”
“ได้สิ” ชายผู้นั้นเดินไปด้านหลัง ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถือกล่องขนาดเท่าฝ่ามือมาด้วย
เมื่อมองกล่องผ้าปักในมือของเขา หนิงเมิ่งเหยาก็พูดขึ้นอย่างไม่คาดคิด “เจ้าไม่กลัวว่าพวกเราจะหนีไปพร้อมกับของสิ่งนี้หรือ”
“ไม่หรอก” ชายผู้นั้นส่ายศีรษะ
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเอนกายพิงแขนของเฉียวเทียนช่าง และพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เทียนช่าง ชายผู้นี้ช่างน่าเบื่อเสียจริง”
“ข้าเห็นด้วย” คนๆ นี้คงจะทุกข์ทรมานกับกู่พิษของเหมียวเจียงมานาน จนทำให้เขาไม่มีความรู้สึกใดๆ อีกต่อไป
ชายผู้นี้ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาได้ในครั้งนี้ อาจเป็นเพราะว่าเขาต้องการจะหลุดพ้นจากการถูกควบคุม มิเช่นนั้น พวกเขาก็คงจะดำเนินแผนการต่างๆ ลำบากกว่านี้
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง คนเหล่านี้พูดจาเช่นนั้นต่อหน้าเขาได้อย่างไรกัน
หนิงเมิ่งเหยามองคนตรงหน้า ก่อนจะมองหนานอวี่ “ไปช่วยเอากู่พิษออกจากร่างกายของเขาเถอะ”
หนานอวี่เดินเข้าไปและจับข้อมือของอีกฝ่าย จากนั้นหญิงสาวก็เห็นว่าหน้าผากของเขาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน สีหน้าของเขาซีดเผือดและดูเจ็บปวดอย่างยิ่ง
หนานอวี่ผ่อนแรงที่จับข้อมือของชายหนุ่มลง และใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึง ‘ความปรารถนา’ อย่างชัดเจน
“กู่พิษในร่างกายของเขาถือเป็นสิ่งมีค่าอย่างยิ่ง” และมันมีผลต่อราชากู่อย่างมาก
หนิงเมิ่งเหยาสะดุ้งโหยง นางลูบหน้าผากของตนเอง “หนานอวี่ ใจเย็นลงหน่อย” ชายผู้นี้ยังคงเป็นชายหนุ่มผู้เฉยชาคนเดิมหรือ เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าบุคลิกของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงขนาดนี้
หนานอวี่ยื่นมือมาจับจมูกอย่างเขินอาย “ข้าเข้าใจแล้ว พี่สะใภ้”
เฉียวเทียนช่างปลอบประโลมภรรยา “หากมันทำให้หนานอวี่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ได้ ข้าว่ากู่พิษในร่างกายของชายผู้นี้คงจะต้องหายากจริงๆ ”
หญิงสาวลูบแขนของตนก่อนบ่นพึมพำอย่างไม่พอใจ “เรื่องของเขาสิ” เพราะคนส่วนใหญ่ต่างก็ไม่ได้ชื่นชอบมันนัก
เฉียวเทียนช่างเบะปากเล็กน้อย “เจ้าพูดถูก”
“เจ้าเอามันออกมาได้หรือไม่” ชายผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย หากอีกฝ่ายสามารถเอากู่พิษออกมาได้ เขาก็ยินดีที่จะมอบชีวิตของตนให้กับพวกเขา
หนานอวี่พยักหน้า “ข้าทำได้แน่นอน แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการจะเอามันออกตอนนี้เลย”
บทที่ 534 กู่พิษ
ดูเหมือนว่าผู้ที่เป็นคนใส่กู่พิษตัวนี้จะบรรจงเพาะเลี้ยงมันขึ้นมาอย่างทะนุถนอม และหากมันออกมาจากร่างกายของชายผู้นี้เมื่อไหร่ ผู้ที่เป็นคนใส่มันก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามไปด้วย
ชายผู้นั้นเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “เอามันออกเถอะ”
หนิงเมิ่งเหยาตกตะลึง ขณะมองชายตรงหน้าอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่าแววตาของเขาดูไม่มีทางเลือกและทุกข์ใจอย่างมาก ราวกับว่าเคยเกิดเรื่องราวบางอย่างขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
“คนรู้จักเป็นคนนำมันมาใส่ในร่างกายของเจ้าหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามในทันที
ชายหนุ่มผงกศีรษะด้วยสีหน้าขมขื่น “ใช่”
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยากระตุก นางคิดถูกจริงๆ ด้วย
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าคงจะรู้สึกเศร้าใจอย่างมาก” การถูกทรยศหักหลังนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีเลยจริงๆ
ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเล็กน้อย เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและหมดสิ้นหนทาง “ใช่แล้ว และตอนนี้ ข้าเองก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงทำเช่นนั้น”
“นางหรือ”
“ใช่ ข้าอยากจะขอติดตามพวกเจ้าทุกคนไปด้วย” จู่ๆ ชายคนนี้ก็พูดขึ้นพลางมองหน้าหนิงเมิ่งเหยา
“เจ้าอยากจะถามนางผู้นั้นว่าทำไมนางถึงทำกับเจ้าเช่นนี้หรือ” หญิงสาวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจอีกฝ่าย
ชายหนุ่มพยักหน้า “ใช่ ข้าคิดไตร่ตรองอยู่ถึงสิบปี แต่ก็ยังไม่รู้เหตุผลของนางเลย” หากหญิงสาวคนนั้นบอกกันตรงๆ เขาก็จะได้หาทางช่วยเพื่อไม่ให้นางต้องมาแปดเปื้อนเช่นนี้
แต่นางกลับไม่ทำเช่นนั้น และยังเลือกใช้วิธีที่เขาเกลียดที่สุด คือการบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ
เขาต้องทนอยู่ที่นี่มากว่าสิบปี และไม่ได้พบเจอหญิงสาวผู้นั้นอีกเลย
ชายหนุ่มคิดว่า นางอาจจะลืมเขาไปนานแล้วก็เป็นได้
หนิงเมิ่งเหยามองสีหน้าอันโดดเดี่ยวของอีกฝ่าย และรู้สึกได้ว่าเขาช่างน่าสงสารอย่างมาก
“เราพูดคุยกันมาตั้งนานแล้ว แต่ยังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย” หลังจากนึกขึ้นได้ หญิงสาวก็เอ่ยถามในทันที
“ชื่อของข้าเป็นเพียงนามสมมติเท่านั้น เจ้าเรียกข้าว่าอู๋เฉินก็ได้” ชายผู้นี้ ไม่สิ นับตั้งแต่นี้ไป เขาชื่ออู๋เฉิน
หนิงเมิ่งเหยามองอู๋เฉินเงียบๆ ชายผู้นี้ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใดกัน จึงทำให้เขาไม่ต้องการชื่อเดิมของตนเองอีกต่อไป
“ชื่อของเจ้าฟังดูเหมือนกับชื่อของนักบวชเลย” หญิงสาวเบะปากและพึมพำเบาๆ
อู๋เฉินขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เหล่านักบวชมักจะมองว่าโลกใบนี้ไม่เที่ยงแท้ ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้ ข้าเองก็เกือบจะบรรลุถึงระดับนั้นแล้วเช่นกัน”
“เอาเถอะ หนานอวี่ ช่วยเอากู่พิษออกจากร่างกายของเขาได้แล้ว”
หนานอวี่ต้องการจะทำแบบนั้นมานานแล้ว เขาเพียงรอคำสั่งจากหญิงสาวเท่านั้น
เขาเดินเข้าไปหาอู๋เฉิน และกรีดข้อมือของตนเองด้วยมีดสั้น ก่อนจะกรีดข้อมือของอีกฝ่าย หลังจากนั้นอู๋เฉินก็เห็นกู่พิษขนาดประมาณนิ้วโป้งค่อยๆ เผยตัวออกมาจากบาดแผลของหนานอวี่
กู่พิษตัวนั้นมีรูปร่างแปลกประหลาดและมีสีสันค่อนข้างสดใส แต่ก่อนที่จะคิดอะไรได้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบในร่างกายทันที มันคือความรู้สึกเดียวกับตอนที่กู่พิษถูกกระตุ้น
อู๋เฉินเห็นจุดสีดำจุดหนึ่งปรากฏขึ้นตรงข้อมือของเขาอย่างช้าๆ จากนั้นจุดสีดำนั้นก็ขยายขนาดจนใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีกู่สีแดงเลือดสองตัวค่อยๆ คืบคลานตามกันมา
หนานอวี่มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ “เจ้ามีเรื่องแค้นใจอะไรกับหญิงสาวคนนั้นหรือ นางใส่กู่พิษในร่างกายของเจ้าถึงสองตัว และพวกมันทั้งคู่ก็มีพิษรุนแรงมากทีเดียว”
อู๋เฉินมองกู่พิษทั้งสองตัวที่กำลังคืบคลานออกมาจากบาดแผลของตน และเมื่อเขากลับมาได้สติอีกครั้ง กู่พิษทั้งสองตัวนั้นก็คลานไปที่มือของหนานอวี่แล้ว
หนานอวี่โยนกล่องใบหนึ่งให้กับชายคนนั้น “ทามันบนแผลของเจ้า แล้วมันก็จะหายดีเอง”
อู๋เฉินก้มหน้าลงก่อนจะทาขี้ผึ้งบนแผลของตน หนานอวี่พูดถูก เพราะหลังจากทาเสร็จ เลือดตรงบาดแผลนั้นก็หยุดไหล และถ้าหากตรงข้อมือของเขาไม่มีรอยบาด อู๋เฉินก็คงคิดว่าแผลก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
อู๋เฉินรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อไม่มีกู่พิษอยู่ในร่างกาย
หนานอวี่มองกู่พิษสีแดงเลือดหมู ก่อนจะตะโกนร้องด้วยความอัศจรรย์ใจ “นี่เป็นการค้นพบที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง”
“กู่ตัวนี้ทำอะไรได้บ้างหรือ” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างใคร่รู้
“ผู้ที่ได้รับพิษจากกู่ชนิดนี้ จะสามารถหลงรักคนที่ใส่มันในร่างกายของเขาได้ท่านั้น หากเขาเกิดความรู้สึกบางอย่างกับหญิงสาวคนอื่น เขาจะต้องเจ็บปวดอย่างมาก แม้ว่าเขาจะคิดกับหญิงสาวคนอื่นๆ เป็นเพียงสหายสนิทก็ตาม มันก็ยอมรับไม่ได้ และนี่ก็เป็นกู่พิษที่เอาแต่ใจอย่างมากชนิดหนึ่ง” หนานอวี่อธิบายพลางใส่กู่พิษทั้งสามตัวเข้าไปในร่างกาย
จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับปิดบาดแผลตรงข้อมือของตน