แม้มู่ชิงเกอจะมิได้ลงมือแต่นางกลับป้องกันการโจมตีจากข้างหลังให้เจียงหลี
ในความร่วมแรงร่วมใจของทั้งสอง เจียงหลีจึงสังหารได้อย่างสบายใจ การโจมตีจากคนนับพันมิอาจ กล้ำกรายเข้ามาได้
“ฆ่ามันนน!”
ขณะที่ทุกคนต่างกำลังตกตะลึง การโจมตีก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การโจมตีปะทุดุเดือด ภายใต้ดอกไม้ไฟระเบิดอันสวยงามโจมตีไปในทิศทางเดียวกัน เงาร่างทั้งสองกางปีกโบยบินราวกับผีเสื้อท่ามกลางดอกไม้ไฟ
มู่ชิงเกอผลักฝ่ามือส่งเจียงหลีออกไปหมายฟาดฟันศัตรู เมื่อการรายล้อมก่อตัวขึ้นนางจึงถูกดึงกลับมาอีกครั้ง ขณะที่แขนเสื้อพลิกม้วนกลับมาการโจมตีทั้งหมดก็ไร้ร่องรอยมองไม่เห็น
และการโจมตีของเจียงหลีทุกครั้ง ฝูงชนต่างแปรผันกลายเป็นแดนชำระ ทักษะการต่อสู้ถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง พลังวิญญาณของนางดูเหมือนจะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เมื่อกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็คว้าข้อมือของเจียงหลีแล้วตะโกนเสียงกึกก้อง “จูเสียยย!”
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย สีหน้าปีติยินดี
ตามคำพูดของมู่ชิงเกอ คำว่าจูเสียที่ซ่อนอยู่ในข้อมือของนางเปล่งประกายอย่างน่าอัศจรรย์และมีกำไลปรากฏบนข้อมือของนาง
วูบบบบ!
เสียงดังชัดขึ้น
มือของมู่ชิงเกอกลายเป็นเนื้อหยกขาว ฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับจากจูเสียอย่างรวดเร็ว
แต่เพียงพริบตาเดียวกำไลก็ลอยออกมาจากข้อมือของเจียงหลีเกิดประกายแสงสีทองกลายเป็นสิ่งประดิษฐ์อันน่าทึ่งตกอยู่ในมือของเจียงหลี
ทันทีที่จูเสียตกอยู่ในเงื้อมมือ เจียงหลีรู้สึกถึงความเชื่อมโยงกันในสายเลือด
นางรับรู้ถึงความสุขและจิตวิญญาณการต่อสู่ที่ทอดผ่านออกมาจากจูเสีย ทั้งยังรู้สึกถึงความใกล้ชิดและการพึ่งพาอาศัยจากมัน
“เจียงหลี จำได้หรือไม่ที่ข้าบอกว่าทำไมถึงเรียกมันว่าจูเสีย” มู่ชิงเกอปล่อยมือชักมือมือกลับจากการโจมตีแล้วยิ้มให้เจียงหลีเล็กน้อย
เรือนผมของทั้งสองปลิวไสวท่ามกลางเสียงฆ่าฟันทั่วสารทิศ
เจียงหลียิ้มขำ “แน่นอนข้าจำได้ เจ้าหวังว่ามันจะติดตัวข้าเพื่อลงโทษความชั่วร้ายในใต้หล้า”
“ดี! เช่นนั้นวันนี้เราฆ่าคนพวกนี้เสียให้สิ้นซาก” มีรอยยิ้มอยู่ในดวงตาของมู่ชิงเกอ ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกนางกำลังเผชิญไม่ใช่การสังหารหมู่ แต่เป็นงานเลี้ยงแห่งการรวมตัวกันอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน
ดวงตาสดใสของเจียงหลีพลันเฉียบคม นางยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มเต็มไปด้วยความเย็นเยือกทรงอำนาจราชินีของนาง “ฆ่า!”
วูบๆ!
เงาร่างขวักไขว่สำแดงเดชของจูเสียออกมา แสงคมนับไม่ถ้วนสะเทือนออกมาจากจูเสียห้ำหั่นอย่างบ้าคลั่ง
อ้าก!
อ้ากกกก!
เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด พวกเขามองไปยังสิ่งประดิษฐ์ในมือของเจียงหลีด้วยความหวาดกลัว
นี่มันอาวุธอะไร เหตุใดจึงร้ายกาจเยี่ยงนี้
ความกลัว! ความโลภ! ความปรารถนา! ความริษยา!
ภายใต้การโจมตีที่น่าทึ่งของจูเสีย ด้านที่ชั่วร้ายที่สุดในใจผู้คนก็ถูกนำออกมา ผู้คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บ่มบำเพ็ญ เป็นคนที่เหนือกว่า แต่พวกเขามักจะเป็นกลุ่มคนที่เย็นชาที่สุด!
ในจัตุรัส ผู้ที่ถูกฆ่าจะหายไป ไม่เห็นศพแต่กลับตกรอบไปในที่สุด
แน่นอนว่ามันเป็นการฆ่าที่มองไม่เห็นเลือด แต่ก็ยังทำให้คนที่เหลือรู้สึกหวาดกลัว น่ากลัวเกินไป! พลังรบช่างร้ายกาจจริงๆ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่อาวุธปรากฏออกมา เจียงหลีก็ทรงพลังยิ่งขึ้นราวกับพยัคฆ์ร้าย!
“ฆ่า! ฆ่านางซะ!” เฉียนจวิ้นที่อยู่ไกลจากสนาม เมื่อเห็นฉากนี้เขาก็ร้องเสียงหลง ความเจ็บปวดในร่างกายของเขาเตือนเขาว่าวันนี้เจียงหลีต้องตาย!
วูบบ!
ทุกหนแห่งที่จูเสียเคลื่อนผ่านจะถูกกวาดล้างราบคาบ เมื่อผ่านไปหลายครั้งฝูงชนก็ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะเกรงว่าจะโดนอาวุธนั่นสังหาร
ส่วนคนที่เหลือล้อมรอบเจียงหลีและมู่ชิงเกอแต่ไม่กล้าเข้าใกล้พวกนาง
ขณะนั้นเองเจียงเฮ่าและลู่เสวียนที่ยังคงถูกคนไม่น้อยไล่ล่าก็แสดงการต่อสู้อันดุเดือดออกมา
โจวยวนมองลู่เสวียนระหว่างการต่อสู้ ความเกลียดชังที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของนาง ทันใดนั้นนางก็ชี้นิ้วไปที่เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนแล้วตะโกนบอกผู้คนที่กำลังล้อมรอบเจียงหลี “จับคนทั้งสองนี้ ตรึงกำลังเจียงหลีได้แน่นอน!”
เมื่อสิ้นเสียงนาง คนเหล่านั้นพากันถอยออกมาจารการล้อมโจมตีเจียงหลีแล้วกรูเข้าโจมตีเจียงเฮ่ากับลู่เสวียนแทน
เฉียนจวิ้นมองโจวยวนด้วยสายตาชื่นชม
เจียงหลีเหลือบมองโจวยวน ขณะนี้นางมีเพียงความเยือกเย็นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจของนาง ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจต่อสตรีที่เคยทำให้นางรู้สึกเสียใจ
โฮกกกก!
เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนที่กดดันมากขึ้น ปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธา
เงาร่างของเจียงหลีกะพริบแวบเดียวก็หายตัวไปจากจุดเดิม
จูเสียกลายร่างเป็นเส้นแสงสีทองลอยไปยังทิศทางของเจียงเฮ่าและลู่เสวียน ส่วนมู่ชิงเกอคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังให้นาง
เพียงอึดใจเดียวเจียงหลีก็ไปปรากฏตัวยืนอยู่ตรงหน้าโจวยวนเสียแล้ว
ใบหน้าและดวงตาอันเย็นชาของนางมองโจวยวนที่กำลังตื่นตระหนกตกใจ เจียงหลีไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น เรียวนิ้วทั้งห้าก็บีบคอนางแน่นแล้วพาถอยไปด้านหลังอย่างรุนแรง
ตู้มๆ
พลังวิญญาณที่ระเบิดในความรวดเร็วของเจียงหลีจึงทำให้พื้นหินของจัตุรัสเปิดออก
ข้างหลังของนางมีเสียงกรีดร้องของคนที่ถูกจูเสียสังหารดังขึ้น
ตู้มมม!
ฟู่ววว!
ร่างของโจวยวนกระแทกกับเสาหินในจัตุรัสอย่างรุนแรงและแรงกระแทกทำให้นางอ้าปากและกระอักเลือดออกมา ช่วงลำตัวเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกเพลิงแผดเผา
“เจ้าสมควรตาย!” เจียงหลีแผดน้ำเสียงเยือกเย็น
ใบหน้าของโจวยวนบิดเบี้ยวเหยเกเพราะความเจ็บปวดแต่นางกลับยิ้มเย้ยหยัน “พวกเจ้าเป็นกบฏ”
เจียงหลีหรี่ตานิ้วทั้งห้าบีบแน่นขึ้นจนได้ยินเสียงดัง กรอบ โจวยวนถูกหักคอ เมื่อนาง ‘ตาย’ ศพของนางกลายเป็นเงาภาพลวงตาที่หายลับไปในเงื้อมมือของเจียงหลี
เมื่อสังหารโจวยวนได้แล้วแต่ความเยือกเย็นบนใบหน้าของเจียงหลีก็ยังมิเสื่อมถอย นางใช้วรยุทธ์ชวนเสินอิ่นหลีกหนีไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มายืนข้างกายมู่ชิงเกอแล้ว จูเสียก็กลับมาอยู่ในมือของนางอีกครั้งเสมือนสายธารแห่งแสง
ส่วนคนที่เหลือก็ถูกสังหารจนแหลกเป็นชิ้นๆ
พวกเขาหวาดกลัวแล้ว!
สยดสยองแล้ว!
เสียใจที่คิดลงมือ!
เหตุใดจึงต้องไปกระตุกหนวดเสือของเทพธิดาสังหารผู้นี้ด้วย
ถึงแม้จะไม่ได้ตายจริง แต่ความรู้สึกถึงแก่ความตายมันช่างสมจริงเหลือเกิน
ส่วนผู้ที่มิได้เจตนาต่อสู้ก็เริ่มถอยออกไปช้าๆ เริ่มหลบสายตา พวกเขามิต้องการรางวัลขององค์ชายรองอีกแล้ว!
“อาหลี!”
เจียงเฮ่ากับลู่เสวียนฝ่าวงล้อมมารวมตัวกับพวกเจียงหลีอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เจียงหลีรีบกวาดสายตาสำรวจร่างพวกเขา
ทั้งสองส่ายหน้าช้าๆ
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่อยากพูดออกมาให้เจียงหลีต้องเป็นกังวล
“พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่ข้าพวกมันให้ข้า!” เฉียนจวิ้นบันดาลโทสะ เขาไม่พอใจที่คนตั้งมากมายแต่มิสามารถทำอะไรเจียงหลีได้
“องค์ชายรอง ข้างกายนางมีทั้งยอดฝีมือและในมือของนางยังมีอาวุธวิเศษอีกด้วย” หู่อี้เอ่ยเตือนเสียงทุ้มต่ำ
“ข้าไม่สน ฆ่ามันให้ตาย อาวุธวิเศษนั่นข้าก็จะเอามาให้ได้” เฉียนจวิ้นตวาดลั่นด้วยความโกรธ ดวงตาชั่วร้ายจ้องเขม็งไปที่เจียงหลี
“องค์ชายรอง กระหม่อมไม่เอารางวัลแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ใช่ กระหม่อมก็ไม่เอาด้วยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์ชาย ยกโทษให้กระหม่อมที่ไร้ความสามารถด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมยอมแพ้”
“กระหม่อมก็ขอยอมแพ้เช่นกัน”
มิว่าเฉียนจวิ้นจะหมายมั่นเอาชีวิตของเจียงหลีอย่างไร ยามนี้คนเหล่นี้ก็คิดถอนตัวออกเสียแล้ว
“พวกเจ้ากล้ารึ!” สีหน้าของเฉียนจวิ้นเต็มไปด้วยพยับเมฆ
“เหอะ พวกเจ้านึกจะฆ่าก็ฆ่า นึกจะถอนตัวก็ถอนตัว เห็นข้าเป็นอะไร” เจียงหลีแทบจะเอ่ยขึ้นพร้อมกันกับเฉียนจวิ้น
แน่นอนว่าคำพูดของเจียงหลีกลบเสียงของเฉียนจวิ้นเอาไว้ได้มิด
คนที่เหลือต่างหันมามองนางสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและระแวดระวัง
“เจียงหลีเจ้าคิดจะทำอะไร พวกข้าไม่ได้เป็นศัตรูของเจ้าต่อไปแล้ว”
เจียงหลีแย้มยิ้มและรอยยิ้มนั้นช่างดูเย้ยหยัน
ไม่ได้เป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ
……………….