ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 106

จื่ออานแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกรีบก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมุนแหวนแห่งจิตวิญญาณปลดปล่อยพลังจากแหวนเพื่อให้ไปรบกวนคลื่นสมองของพระสนมอี๋ ทำให้พระสนมเดินไปตามความคิดของนางการรบกวนแบบนี้ไม่ใช่การสะกดจิต แต่ผลที่ได้ก็คล้ายกับการสะกดจิต ด้วยระยะห่างที่ใกล้กันแบบนี้ จื่ออานน่าจะสะกดจิตพระนางได้ ทว่าในพระตำหนักยังมีคนอื่นอยู่อีก หากพระสนมถูกสะกด คนอื่นจะมองเห็นได้ง่าย ทำได้เพียงรบกวนคลื่นสมองเพื่อควบคุมการเดินเท่านั้น

เพียงแต่ผลจากการรบกวนคลื่นสมองอยู่ได้มากสุดก็แค่สิบห้านาที หลังจากสิบห้านาทีผ่านไปแล้ว ผลนั้นก็จะหายไป

ดังนั้นก่อนที่พระสนมจะหลุดจากภวังค์ นางจะต้องออกจากพระตำหนักอี๋หลานให้ได้ซะก่อน

ก่อนหน้านี้ที่พระสนมอี๋กำลังดุด่า นางก็หยุดเดิน หน้ามืดหายใจหอบ “นึกไม่ถึงเลยว่าพระสนมจะรับรู้เรื่องอื้อฉาวพวกนี้แล้ว หม่อมฉันชอบเขาจะมีประโยชน์อันใด? หากเขาไม่ได้ชอบหม่อมเลยสักนิดเดียว ในใจของเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่มีวันจะมาชายตามองหม่อมฉันหรอกเพคะ”

พระสนมอี๋ที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ รูม่านตาก็หดตัวลง รูจมูกก็ขยายออกเล็กน้อย ยกมุมปากขึ้น “ฝ่าบาทมีนางในดวงใจแล้ว? ใครกัน? ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ”

จื่ออานส่ายหัวอย่างเศร้าสร้อย “ไม่ทราบเพคะ ดูเหมือนเขาจะมีเรื่องในใจที่ยากจะเอ่ยออกมา”

“เรื่องในใจที่ยากจะเอ่ย?” แล้วมันคือเรื่องอะไรล่ะ?เจ้ากำลังปิดบังเรื่องอะไรอยู่? “พระสนมอี๋กล่าวถามอย่างเยือกเย็น

จื่ออานพาพระสนมอี๋เข้าสู่ความคิดที่นางสร้างขึ้นมาทีละขั้นทีละขั้น แต่ก็สามารถทำให้รู้ถึงการต่อต้านของพระสนมอี๋ เห็นได้ว่าพระนางยังมีความระมัดระวังสูงมาก

หากไม่ทำการรบกวนคลื่นสมองแล้ว การที่นางจะออกไปจากพระตำหนักอี๋หลานแห่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย

จื่ออานส่ายหัว น้ำตาคลอเบ้า “พระนางก็ทราบดีว่าหม่อมฉันได้ถอนหมั้นไปแล้ว ยังจะมีอะไรต้องปิดบังอีกหรือ? หม่อมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริง ๆ แต่ก็ดีแล้ว ผู้ที่โดดเด่นเช่นฝ่าบาท ก็ต้องได้คู่กับสตรีที่เพียบพร้อม ซึ่งจะเป็นคนอย่างหม่อมฉันไปได้เช่นไรเล่า? หม่อมฉันถอดใจแล้ว ในตอนนี้ก็ได้แต่ดูว่าน้องสาวของหม่อมฉันจะเอาชนะใจฝ่าบาทได้หรือไม่”

พระสนมอี๋เงยหน้าขึ้นมองไปที่นางทันที “น้องสาวของเจ้า?”

จื่ออานพยักหน้า “ใช่เพคะ น้องสาวของหม่อมฉัน เซี่ยหว่านเอ๋อ นางชอบฝ่าบาท อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ นางได้นัดหมายให้ฝ่าบาทออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ได้ยินมาว่าฝ่าบาทก็ได้มอบสิ่งของบางอย่างให้กับนางเช่นกัน ก็ได้แต่หวังว่านางจะเอาชนะใจได้สำเร็จ”

สีหน้าของพระสนมอี๋เปลี่ยนเป็นชั่วร้าย “ฝ่าบาทมอบของอะไรให้นาง?”

จื่ออานคิดอยู่ครู่นึง “ตุ้มหู กำไล และสร้อยคอปะการังสีแดง จริงสิ น้องสาวของหม่อมฉันก็ได้ถวายภาพวาดแก่ฝ่าบาทด้วยเช่นกันเพคะ”

ใบหน้าของพระสนมอี๋ เปลี่ยนเป็นดูน่ากลัวยิ่งขึ้นในทันที

จื่ออานวิเคราะห์เวลาอย่างรอบคอบ เวลาสิบห้านาทีกำลังจะผ่านไป นางอดจะแอบกังวลไม่ได้

ถ้าหากสิบห้านาทีผ่านไปแล้ว พระสนมอี๋รู้สึกตัวขึ้นมา จะต้องพบว่าการสนทนานี้มีปัญหา และจะสงสัยว่านางจงใจชี้นำมาที่ประเด็นนี้ จากนั้นก็อนุมานว่าเมื่อกี้นี้นางจะต้องได้เห็นอะไรบางอย่าง”

เมื่อนึกถึงจุดนี้ จื่ออานก็รีบพูด “จริงด้วยเพคะ หม่อมฉันเกือบจะลืมไปแล้ว นอกจากพระสนมเหมยจะให้หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าพระสนมอี๋ ยังให้หม่อมฉันมาแจ้งให้พระนางทราบว่า พระสนมเหมยจะมาจัดงานที่พระตำหนักอี๋หลาน และให้จัดหาคณะงิ้วเข้ามาจัดแสดงในวัง ทั้งยังเชิญพระสนมทุก ๆพระองค์ให้มาชมการแสดงด้วยเพคะ”

“จัดงาน? แถมยังเชิญคณะงิ้วให้เข้าวังมาอีก? นางจะทำอะไรของนาง?”พระสนมอี๋ไม่พอใจเป็นอย่างมาก “ตอนนี้ฝ่าบาททรงประชวรหนัก นางให้จัดการแสดงที่น่าเสื่อมเสียนั่น ให้หวงไท่โฮ่วรู้ มันจะดีเหรอ?”

พระนางกล่าวว่าช่วงนี้บรรยากาศในวังดูหดหู่มาก เพราะด้วยพระอาการประชวรของฝ่าบาททำให้ทุกคนต่างเศร้าหมอง จึงอยากให้มีงานรื่นเริงในวังเสียหน่อย อีกทั้งยังได้เชิญครอบครัวของพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่เข้าวังมาด้วย “จื่ออานกล่าว”

เหตุใดต้องจัดที่พระตำหนักอี๋หลานด้วย? จัดที่พระตำหนักเยว่ชิงของนางไม่ได้เหรอ? พระสนมอี๋กล่าวถาม ความคิดถูกจื่ออานชักนำโดยสมบูรณ์ สถานการณ์ในปัจจุบัน ใคร ๆก็รู้ดี พระสนมเหมยและพระสนมอี๋ต่างเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ว่า พวกนางล้วนก็มีองค์ชาย หากตอนนี้นางถูกพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่ต่อว่าหาว่านางทำอะไรไม่คิด องค์ชายเจ็ดบุตรของนางก็ต้องตกอยู่ในความอัปยศ

จื่ออานมึนงง “เรื่องนี้ พระนางไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด หม่อมฉันจะรีบกลับไปถามพระสนมเหมยให้นะเพคะ”

“เจ้ารีบ ๆ ไปแจ้งนางว่าถ้าจะจัดงานเลี้ยงก็ให้จัดที่พระตำหนักของนางอย่ามาจัดที่พระตำหนักของข้า ข้าไม่ชอบความครึกครื้นรื่นเริง” พระสนมอี๋กล่าวอย่างเย็นชา

“เพคะ หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้!” จื่ออานกล่าว

พระสนมอี๋มองไปที่นาง จากนั้นก็เรียกใครมาคนหนึ่ง “ต้าฉวน เจ้าตามนางไปด้วย”

องครักษ์ที่เพิ่งเดินเข้ามากล่าว “พ่ะย่ะค่ะ!”