บทที่ 310
บทที่ 310

บิดา มารดา ภรรยาและนางบำเรอของเขาถูกจับมาไว้รวมกัน ทำให้ความต้องการที่จะหลบหนีสลายหายไป เช่นเดียวกับความรู้สึกบางอย่างที่ปะทุขึ้น !

เขาตะโกนใส่ถังหยินอย่างดุร้าย “ถังหยิน ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่ปลายก้อย เจ้ากับข้าได้เห็นดีกันแน่ !”

“ฮึฮึ… ฮ่า ! ฮ่า ! อย่างนั้นเหรอ ? “ถังหยินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปหาทหารที่อยู่ไม่ไกลออกไป “เขาเป็นใคร ?”

“บิดาของเกิงฉวนขอรับนายท่าน !” นายทหารผู้นั้นประสานมือเข้าด้วยกันก่อนที่จะรายงาน

“โอ้ !” ถังหยินพยักหน้ารับรู้ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายชรา ก่อนจะหันมองไปยังเกิงฉวนที่ใบหน้าแดงก่ำ มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้น ทันใดนั้นเขาก็พลันยื่นมือคว้าจับที่คอของชายชราแล้วยกขึ้นลอยกลางอากาศ !

ด้วยความแก่ชรา ผู้เป็นบิดาของเกิงฉวนจึงไม่อาจขัดขืนอะไรได้เลย เขาได้แต่กรีดร้อง และทำหน้าตาบิดเบี้ยวที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวด

เมื่อเห็นพ่อของตัวเองดิ้นรนอย่างหนักในมือของถังหยิน หัวใจของเกิงฉวนก็รู้สึกเหมือนถูกแทงด้วยมีด ทว่าก็เป็นแม่ทัพที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขาที่ดึงกลับมาในทันทีและกล่าวว่า “นายท่าน อย่าผลีผลาม ! ถังหยินไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว ถ้าบุกเข้าไปอย่างไม่ยั้งคิด จุดจบก็คงมีแต่ความตายอย่างไม่ต้องสงสัย !”

เมื่อถูกลูกน้องคนนี้ดึงกลับอย่างแรง เกิงฉวนก็ราวกับว่าเสียสติไปแล้ว “ถังหยิน ! !…เจ้า !!!?”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ถังหยินก็พลันเลิกคิ้วขึ้นและเอียงศีรษะ พร้อมกับเพิ่มแรงบีบในมือ …ที่ตามมาด้วยเสียง ‘กร็อบ’

เป็นคอของชายชราที่ถูกหักคามือ ศีรษะเอียงพับไปด้านข้าง ดวงตาเบิกโพลง และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

“ว้ากกกกกกกก !” เมื่อเห็นถังหยินหักคอผู้เป็นบิดา วิสัยทัศน์ของเกิงฉวนก็พลันมืดลง เขาแทบจะทรุดลงกับพื้นเสียเดี๋ยวนั้น ก่อนที่จะได้ลูกน้องของตัวเองช่วยพยุงเอาไว้

ถังหยินโยนร่างของชายชราไปด้านข้าง ทิ้งร่างอีกฝ่ายราวกับของเล่นราคาถูก จากนั้นเขาก็จึงชี้ไปที่คนอื่น ๆ ในครอบครัวของเกิงฉวน และร้องสั่งให้พวกทหารลงมือ ! “ไม่ต้องไว้ชีวิตใครทั้งนั้น !”

เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา พวกทหารเทียนหยวนทั้งซ้ายและขวาต่างก็พากันชักดาบออกมาและเริ่มสังหารหมู่ต่อหน้าเกิงฉวน ซึ่งตัวประกันเหล่านี้ก็ไม่อาจหลบหนีได้เลย ทำให้เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วและเกิดเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชดังขึ้นไม่หยุดหย่อนในบริเวณลานกว้าง

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ คนพวกนี้ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ต่างกัน พวกทหารไม่มีการปราณีแม้แต่น้อย ในพริบตาพวกเขาก็ได้สังหารคนพวกนั้นทั้งหมด !

…สนามรบช่างโหดร้ายเหลือเกิน ที่นี่ไม่มีความเมตตาอย่างที่มนุษย์ควรจะมี จะมีก็แต่ความเกลียดชังเท่านั้น !!!

ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นสหายของตนตายภายใต้เงื้อมมือของศัตรู มนุษยชาติที่เปราะบางก็จะถูกครอบงำด้วยความเกลียดชังที่รุนแรง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่สงครามจะปะทุขึ้น แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหยุดยั้งมัน !

เกิงฉวนยังคงไม่หายจากอาการสติแตก ทั้งแม่ทัพและที่ปรึกษารอบตัวเขาก็เช่นกัน ต่างพากันจ้องไปที่ซากศพที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นด้วยความตกตะลึงเป็นเวลานาน ในทางกลับกัน ถังหยินกลับดูผ่อนคลาย ราวกับว่าคนที่ตายที่เท้าของเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์เดรัจฉานไร้ค่า “เห็นครอบครัวเจ้าอย่างนี้แล้ว ยังคิดจะยืนยันคำเดิมไหม ? เกิงฉวน !”

คำพูดสบาย ๆ ของเขาทำให้แม่ทัพและกุนซือที่ปรึกษาทุกคนของเกิงฉวนตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ทุกคนอ้าปากกว้าง หายใจเฮือกใหญ่ ความเลวร้ายของวิธีการของถังหยินทำให้พวกเขาสูญเสียความกล้าหาญสุดท้ายที่จะต่อต้าน

ที่ปรึกษาคนหนึ่งกลืนน้ำลายด้วยความยากลำบาก ในขณะที่เขาจ้องไปที่เกิงฉวน และหลังจากที่เขาถอยกลับไปห้าหรือหกก้าว เขาก็พลันกรีดร้องและวิ่งไปหาถังหยินพร้อมกับตะโกนว่า “ยอมแล้ว ! ข้าขอยอมจำนน !”

เสียงตะโกนของเขาทำให้เกิงฉวนได้สติจากอาการมึนงง เขาจ้องที่ปรึกษาจอมขี้ขลาดไร้ประโยชน์ กัดฟันแน่นและเหวี่ยงดาบออกไป

ฉับ !

ฉึก !

ดาบลากเส้นสีเงินในอากาศและพุ่งเข้าใส่ที่ปรึกษาที่กลางหลังของเขา การแทงนั้นรุนแรงเสียจนปลายดาบพุ่งทะลุหน้าอก ทำให้ที่ปรึกษาก้าวได้อีกแค่สองก้าวแล้วจึงล้มลงกับพื้น เสียชีวิตในชั่วอึดใจ !

หลังจากสังหารที่กุนซือผู้นั้น เกิงฉวนก็พลันคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนคนบ้า จากนั้นเขาก็พลันพุ่งไปหาถังหยินอย่างไม่กลัวตาย !

เกิงฉวนจับจ้องไปยังถังหยินไม่วางตา จากนั้นก็จึงกระโดดโจนเข้าใส่คนที่ทำให้เขาต้องแค้นสุดใจ

“ฮึ !” ถังหยินส่งเสียงกร้าว และแม้ว่าคู่ต่อสู้จะเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาเพียงหลบการโจมตีอย่างง่าย ๆ แล้วจึงเตะเข้าไปที่ท้องส่วนล่างของเกิงฉวน

ในการเตะครั้งนี้ ถังหยินได้ใช้พละกำลังทั้งหมด ทำให้เกราะปราณส่วนท้องของเกิงฉวนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ส่งให้คนโดนเตะเหมือนว่าวที่เชือกขาดกระเด็นไปข้างหลังตามแรงลม ก่อนที่ร่างของเกิงฉวนจะหยุดลงและกระอักเลือดออกมา

เขาพยายามที่จะลุกขึ้นจากพื้นเพื่อเข้าต่อสู้กับถังหยินต่อ ทว่าก็เป็นพวกทหารเทียนหยวนที่พุ่งเข้ามา และพากันใช้หอกเสือกแทงเข้าไปที่ร่างกายของเกิงฉวน !

ทันใดนั้นเกราะปราณทั้งร่างของเกิงฉวนก็พลันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก่อนจะเป็นนายทหารคนหนึ่งที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เล็งตรงไปที่คอของเกิงฉวนด้วยหอกในมือ !!!

ใบมีดแหลมคมเจาะทะลุศีรษะของเกิงฉวน นายทหารผู้นั้นรีบหยิบมันขึ้นมาและกระโดดขึ้นสูง มีท่าทีตื่นเต้นราวกับว่าเขากำลังถือของล้ำค่าไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของถังหยินและยื่นศีรษะนั่นออกไป “ข้าเด็ดหัวของมันมาให้ท่านได้แล้ว !”

“ดีมาก !” ถังหยินเพียงตอบกลับเบา ๆ ก่อนโบกมือและพูดว่า “แขวนไว้บนกำแพงเมือง ให้พวกชาวบ้านเห็นทั่วกัน !”

“ขอรับ นายท่าน !”

ถังหยินมองไปที่แม่ทัพและกุนซือของเกินฉวง แล้วจึงหัวเราะเยาะ “พวกเจ้าเล่า จะยอมจำนน หรือว่าจะเป็นแบบมัน ?”

ประโยคนี้ทำให้ร่างกายของทุกคนสั่นสะท้าน พวกเขามองหน้ากันแล้วค่อย ๆ วางอาวุธในมือลง หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันคุกเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะ และพูดอย่างอ่อนแรงว่า “พวกข้า… ขอยอมแพ้…”

“ฮ่า ! ฮ่า ! ฮ่า !” ถังหยินหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างไม่เก็บอาการ

เกิงฉวนและแม่ทัพภายใต้การบังคับบัญชาของเขาทั้งหมดถูกทำลายโดยกองทัพเทียนหยวน ทำให้กองทัพเปิงที่กระจัดกระจายไปทั่วเมืองสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ และยอมจำนนแต่โดยดี

ตั้งแต่เวลาที่กองทัพเทียนหยวนบุกเข้ามาในเมืองจนถึงเวลาที่เมืองสีไป่ถูกควบคุม เวลาผ่านไปเพียง 2 ชั่วยามเท่านั้น !

….การต่อสู้เริ่มขึ้นในช่วงเช้า และจบลงในตอนเที่ยงวัน

ถนนสายหลักภายในเมืองสีไป่เต็มไปด้วยทหารกองทัพเทียนหยวน ที่ผู้คนพากันทำความสะอาดสนามรบอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย

เนื่องจากมีทหารเปิงถูกฆ่าไปไม่น้อย จึงมีกองซากศพกองรวมกันเป็นเนินเล็ก ๆ หลายสิบลูก ซึ่งสิ่งที่พวกเทียนหยวนทำ ก็คือการรวบรวมศพพวกนั้นเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะเผามันด้วยเปลวไฟ !

ตอนนี้ทหารเทียนหยวนมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาเยอะพอควรแล้ว ทำให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบโดยไม่แสดงอาการตื่นตระหนกแต่อย่างใด

จวนผู้ว่าได้รับการทำความสะอาดนานแล้ว และถูกแทนที่ด้วยองครักษ์ส่วนตัวของถังหยินที่เข้ามาดูแล ด้วยเพราะภายในห้องโถงหลักที่เกิงฉวนและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ …ได้ถูกถังหยิน กุนซือของกองทัพเทียนหยวน และแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของชายหนุ่มยึดครองแล้ว !

ชิวเจิ้นเข้าตรวจคลังภายในเมือง ก่อนจะรายงานให้กับถังหยิน ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่าครอบครัวของเกิงฉวนมีฐานะดีมากทีเดียว และก็เพราะแบบนี้ ทำให้เมื่อเกิงฉวนเสียชีวิตไป ทรัพย์สินทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นตกอยู่ในมือของถังหยินไปโดยปริยาย !!!

ภายในคลัง มีเงินมากกว่า 2 ล้าน เช่นเดียวกับเมล็ดพืชที่มากกว่า 1 ล้านชั่ง ซึ่งมันก็มีมากเพียงพอสำหรับกองทัพเทียนหยวนที่จะกินเป็นเวลา 2 เดือน สำหรับเสบียงในคลังทหารนั้นมีน้อยกว่า และนอกเหนือจากยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่แล้ว ก็ยังมียุทธภัณฑ์และอาวุธอีกเล็กน้อย

อาหารและวัสดุจำนวนมากเช่นนี้ จะช่วยลดความกดดันให้กับทั้ง 3 มณฑลของเขาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังถือเป็นการวางรากฐานให้กองทัพเทียนหยวนเดินทางต่อไปทางใต้ได้อีกด้วย !

หลังจากที่ชิวเจิ้นรายงานเรื่องนี้เสร็จ ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ และพูดกับคนรอบข้าง “ดูเหมือนว่าเกิงฉวนคิดจะยื้อเราไว้ที่นี่เป็นเวลานาน ๆ ช่างโง่เขลานัก ที่เขาไม่คิดว่ากองทัพของเราจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการยึดครองเมืองสีไป่ได้แบบง่าย ๆ เช่นนี้ !”

“เหตุผลที่กองทัพของเราสามารถเอาชนะศัตรูได้นั้น ต้องขอบคุณความสามารถในการต่อสู้ของนายท่านของเรา เพราะท่านลอบเข้าไปในเมืองและสร้างโอกาสให้กองทัพของเราบุกเข้ามาได้สำเร็จ !” มูฉิงประสานมือของเขาไปทางถังหยินอย่างนับถือ

“ห้ะ ? ฮ่า ! ฮ่า ! ฮ่า !” ถังหยินหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อได้ยินคำชมนั่น

เมื่อเห็นถังหยินหัวเราะอย่างมีความสุข แม่ทัพคนอื่น ๆ ก็พลันฉลาดขึ้นมาทันตาเห็น พวกเขาพากันร้องตะโกนออกมาพร้อมกันว่า “นายท่านคืนหนึ่งในใต้หล้า !”

ถังหยินหัวเราะ “พวกเจ้าเองก็มีส่วนช่วยนะ !”

ในขณะที่แม่ทัพรอบ ๆ พากันตื่นเต้น ชิวเจิ้นกลับขมวดคิ้วแน่นอยู่ข้าง ๆ และพูดออกมาเบา ๆ ว่า “เมืองสีไป่เป็นแค่เมืองเล็ก ๆ เท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าโชคยังดีที่เราประสบความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นเราคงยังต้องติดอยู่ที่นอกเมืองแน่ ๆ”

คำพูดของชิวเจิ้นเปรียบเสมือนน้ำเย็นที่สาดใส่หัวของทุกคน ทำให้ความกระตือรือร้นส่วนใหญ่ในใจของพวกเขาหายไปราวหมอกควันที่ถูกลมพัดผ่าน

รอยยิ้มบนใบหน้าของบรรดาทัพทั้งหลายแข็งค้าง พวกเขามองหน้ากันและลดศีรษะลง