บทที่ 309
บทที่ 309

กองกำลังป้องกันของเมืองสีไป่ได้ถอยกลับไปที่ด้านข้างของจวนผู้ว่า ทำให้ในเวลานี้จวนผู้ว่าเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างก็เป็นทหารกองทัพเปิง !

ซึ่งก็ไม่ใช่แค่นั้น เพราะในตอนนี้ก็ได้มีหน่วยสอดแนมจากกองทัพเปิงส่งข้อมูลกลับไปยังเกิงเฉียงต่อกันไปเรื่อย ๆ ทำให้ทุกอย่างดูวุ่นวายเป็นอันมาก

เวลานี้สามารถได้ยินเสียงของผู้คนรายงานไม่หยุดหย่อนจากห้องโถงใหญ่ ณ จวนผู้ว่า

“รายงาน การป้องกันทางเหลือของเราล้มเหลวแล้ว ตอนนี้พวกกองทัพเทียนหยวนกำลังเข่นฆ่าพวกเราเข้ามาในเมืองอย่างต่อเนื่อง !”

“รายงานขอรับนายท่าน ทางตะวันออกของเมืองถูกกองทัพเทียนหยวนยึดแล้ว !”

“รายงานขอรับ คลังเสบียงของพวกเราถูกยึดเอาไว้แล้วขอรับ !”

“รายงานขอรับ…?!”

เมื่อฟังรายงานจากหน่วยสอดแนม หัวใจของเกิงฉวนก็เจ็บปวด ทั้งยังทำให้เขาโกรธจนวิ่งเข้าไปหาหน่วยสอดแนมพวกนั้นแล้วตะโกนออกไปว่า “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ! จะไปไหนก็ไป !”

พวกหน่วยสอดแนมตกใจ รีบถอยออกจากห้องโถงในทันที

เกิงฉวนมองไปรอบ ๆ ทำให้แม่ทัพบริเวณนั้นก้าวถอยกลับไป ก่อนจะเป็นเกิงฉวนที่เอ่ยถามว่า “ใครมีความคิดดี ๆ บ้าง ?”

เมื่อได้ยินคำถามนั่น พวกแม่ทัพก็พากันลดศีรษะลง ด้วยตอนนี้กองทัพเทียนหยวนได้บุกเข้ามาในเมืองแล้ว และฝ่ายของพวกเขาก็ไม่ได้มีกำลังทหารมากมายขนาดนั้น แล้วจะเอาอะไรไปต้านทานศัตรูได้กัน ?

เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบไปนาน หัวใจของเกิงฉวนก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ซึ่งหลังจากมองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่เห็นยูจุนเสียที จึงได้ถามออกไปว่า “ยูจุนอยู่ที่ไหน ข้าสั่งให้เขามาแล้วไม่ใช่หรือ ?”

ทหารยามรอบ ๆ เกิงเฉียงมองหน้ากัน ก่อนหนึ่งในนั้นจะพูดออกมา “คนที่ไปเชิญนายท่านยูจุนยังไม่กลับมา เป็นไปได้ว่า … บางทีเราอาจจะได้พบกับกองทัพเทียนหยวน ที่เดินทางมาได้ครึ่งทางแล้ว ?”

“ไอ้พวกขยะ ! ช่างกระจอกเสียจริง !” เกิงฉวนชี้ไปที่ทหารยามรอบตัวเขา

จากนั้นก็เป็นแม่ทัพคนหนึ่งที่ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “นายท่าน ข้าศึกเข้ามาในเมืองแล้ว และกองทัพก็ไม่ได้มีกำลังทหารมากมายขนาดนั้น ข้าว่า …เราคงเหลือแค่เพียงการยอมจำนนเพียงเท่านั้น !”

กร๊อบ ! เมื่อได้ยินคำว่ายอมแพ้ เกิงฉวนก็หยิบดาบออกมาและตะโกน “ใครก็ตามที่กล้าพูดถึงการยอมจำนนอีก อย่าหาว่าข้าไร้ความปราณี !” จิตใจของเขาเรียบง่ายก็จริง แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะเมินเฉยต่อสถานการณ์ ตอนนี้ใคร ๆ ก็คิดยอมจำนนได้ แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่แม้ว่าเขาจะยอมจำนนต่อกองทัพเทียนหยวน มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่กองทัพเทียนหยวนจะยอมปล่อยเขาไป !!!

เมื่อเห็นว่าคิ้วของเกิงฉวนเลิกขึ้นและดวงตาของเขาแดงก่ำ แม่ทัพที่พูดโน้มน้าวก็พลันตกใจมากจนเผลอก้าวถอยไปสองสามก้าวและซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแม่ทัพคนอื่น ๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรอีก

ในขณะนั้นเอง ก็เป็นทหารคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามารายงาน “รายงานขอรับนายท่าน ! กองทหารของศัตรูที่มาจากทางตะวันตกของเมืองได้มาถึงจวนผู้ว่าแล้ว !!”

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ หน่วยสอดแนมอีกคนก็ได้เข้ามาจากด้านนอกและกรีดร้อง “รายงานขอรับนายท่าน กองทัพศัตรูจากทางเหนือได้เข้ามาถึงจวนแล้วขอรับ !”

เฮ้อ !

นี่มันไม่เร็วเกินไปงั้นหรือ !! ราวกับว่าหลังจากเข้ามาในเมืองแล้ว พวกเขาก็เข่นฆ่าทหารตามรายทางตรงมายังจวนผู้ว่าในทันทียังไงยังงั้น !!!

ฝ่ายศัตรูมีกำลังทหารนับแสน แต่พวกเขามีแค่หลักหมื่นต้น ๆ เท่านั้น แล้วแบบนี้หากพวกเขาต่อสู้ต่อ ก็คงมีแต่ที่พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย !

เมื่อเห็นว่าจิตใจของแม่ทัพทุกคนกำลังสั่นคลอน เกิงฉวนก็พลันข่มใจแล้วถือดาบพร้อมตะโกนเสียงดังออกมา “เราได้รับความเมตตาอย่างมากจากท่านอ๋อง และมันก็ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะตอบแทนพระองค์ ! ทหารเปิงเอ๋ย พวกเจ้าทั้งหมดจงติดตามข้าและฝ่าออกจากวงล้อมนี้ไป แม้ว่าข้าจะต้องตายในสนามรบ ข้าก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด !!!”

แม่ทัพโดยรอบพากันถอนหายใจ ด้วยถ้าเป็นแบบนี้ ดูท่าแล้วพวกเขาก็คงต้องตายเป็นแน่แท้ แต่ก็นั่นแหละ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว จึงได้แต่ตอบรับออกไปว่า “ขอรับนายท่าน !”

เกิงฉวนเข้าร่วมสนามรบด้วยตัวเอง และสั่งให้แม่ทัพและทหารภายใต้คำสั่งของตั้งขบวนรบเพื่อฝ่าวงล้อมนี้ออกไป

ตอนนี้จวนผู้ว่าได้ถูกล้อมรอบไปด้วยกองทัพเทียนหยวน และเมื่อดูสถานการณ์จากภายนอกสถานที่ ก็จะเห็นเข้ากับทะเลผู้คนที่ทอดยาวไปไกลจนมองไม่เห็นจุดจบของมัน ซึ่งเพียงแค่ธงที่โบกอยู่ด้านบน มันก็มากพอแล้วที่จะกดข่มรัศมีของกองทัพเปิง !!

เกิงฉวนได้ตัดสินใจแล้วว่าจะตายในสนามรบ เขาชี้ดาบไปข้างหน้า ก่อนจะร้องคำรามใส่ทหารที่อยู่รอบ ๆ เพื่อปลุกใจ

“ฆ่าให้หมด !!!” ทุกคนติดตามเกิงฉวนและพากันตะโกนออกมา แต่ทว่ามันก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่มั่นใจเพียงพอ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่กลัวตาย

แม่ทัพแคว้นเปิงพากันบุกทะยานไปยังพวกเทียนหยวนตรงหน้า ซึ่งก็เป็นอู่กวงที่ถือดาบจันทร์เสี้ยวควบม้าออกมาฟาดฟันเข้าใส่ และก็เป็นในช่วงเวลาสำคัญของชีวิตและความตายนี่เอง ที่แม่ทัพแคว้นเปิงไม่ลังเลเลยที่จะยกอาวุธในมือขึ้นปิดกั้นดาบของคู่ต่อสู้

แคร้ง ! แคร้ง !

อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นทหารม้าของศัตรูก็มาถึงตรงหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนเป็นดาบวงพระจันทร์ที่เหวี่ยงเข้าใส่ด้วยแรงส่งของม้าศึก ทำให้แม่ทัพเปิงนายนั้นไม่สามารถหลบได้ทันเวลา และถูกฟันด้วยคมดาบพร้อมเสียงดัง ‘ฉึก !’

เป็นดาบวงพระจันทร์ที่แทงเข้าใส่หน้าอกของเขาและโผล่ออกมาจากด้านหลัง ทำให้แม่ทัพเปิงนายนั้นรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย

“อ๊ะ ?” แม่ทัพเปิงถอยกลับไป มีท่าทีมึนงง

เปิดโอกาสให้เขาฉวยโอกาสนั้นดึงดาบวงพระจันทร์โบกไปในอากาศเพื่อสลัดเลือดบนใบมีด และตะโกนออกมา “คิดว่าข้าเป็นใครกัน เจ้าช่างกล้านักที่ออกมาต่อกรกับข้า !!”

แม่ทัพเปิงนายนั้นถูกอู่กวงแทงตายในชั่วพริบตา ทำให้แม่ทัพจากแคว้นเปิงที่เห็นรู้สึกหนาวสั่นด้วยความหวาดกลัว

ถึงแม้แม่ทัพของอีกฝ่ายจะไม่ได้ก้าวไปข้างหน้ามาอีก แต่อู่กวงก็ไม่คิดที่จะปล่อยพวกนั้นไป เขาโบกมือ ยกชูดาบจันทร์เสี้ยวในมือไปข้างหน้าและตะโกน “พวกเรา… ฆ่าให้หมด !”

เมื่อกองทัพเทียนหยวนที่มีขวัญกำลังใจสูงได้ยินเสียงตะโกนของอู่กวง พวกเขาทั้งหมดก็พากันเดินทัพขึ้นไป พร้อมปะทะ !

เมื่อเห็นว่าศัตรูไม่เพียงแต่มีจำนวนมาก แต่ยังดุร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กุนซือภายใต้คำสั่งของเกิงฉวนก็เกิดกลัวขึ้นมา จนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนออกมา “นายท่าน ศัตรูแข็งแกร่งมากเกินไปขอรับ รีบถอยจะดีกว่านะขอรับ !”

เกิงฉวนมองไปที่ศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็หันมองไปที่อู่กวง ก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ “ถอย !”

ว่าแล้วเกิงฉวนก็นำกลุ่มคนของเขาไปอีกทาง และในขณะที่พวกเขาออกจากประตูด้านข้าง พวกเขาก็พลันได้ยินเข้ากับเสียงเยาะเย้ยมาจากข้างนอกที่กำลังพูดว่า “โทษนะ ถนนสายนี้ไม่ให้พวกเจ้าผ่าน !”

เมื่อได้ยินเสียง เกิงฉวนและคนอื่น ๆ ต่างก็ตกใจ ก่อนที่พวกเขาจะพากันเงยหน้าขึ้นมอง ทำให้เห็นเข้ากับคนที่อยู่ข้างประตูที่ล้วนเป็นทหารของกองทัพเทียนหยวน ซึ่งในฝูงชนนี้ ก็มีแม่ทัพอายุสามสิบปีผู้หนึ่งยืนอยู่ และหากฝ่ายของพวกเขาไม่สามารถเอาชนะแม่ทัพกับกองทัพเทียนหยวนตรงหน้าได้ พวกเขาก็คงได้แต่จบสิ้นอยู่ตรงนี้แล้ว !!!

เกิงฉวนกัดฟันแน่น ร้องคำรามออกมา “ฆ่า ! ฆ่าพวกมันให้หมด เปิดทางหนีซะ !” เขาตะโกนก้อง แต่ทว่าตัวเองกลับอยู่ที่เดิม และให้ทหารรอบ ๆ พุ่งตัวออกไปแทน

“ตัวเองจะตายอยู่แล้ว ยังคิดจะพาคนอื่นไปตายด้วยอีกงั้นหรือ !” เสียงที่ดังขึ้นก่อนหน้า ดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งที่มาของเสียงก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นมูฉิงนั่นเอง ! และก็ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น เพราะที่ข้าง ๆ ก็ยังมีแม่ทัพที่เก่งกาจอย่างหยวนอู่และหยวนเปียวอยู่ด้วย !!!

มูฉิงมองไปทางซ้ายและขวา จากนั้นก็ชี้ไปข้างหน้าอย่างใจเย็นและพูดช้า ๆ “ฆ่าศัตรูหนึ่งคนได้รับเงินรางวัล 100 เหรียญ ฆ่าศัตรูสิบคน จะถือว่าสร้างผลงาน !”

หลังจากสะสมผลงานได้ 10 ครั้ง คนผู้นั้นก็จะสามารถกลายเป็นขุนนางได้ และเมื่อได้เป็น ไม่เพียงแต่ภาษีประจำปีจะลดลงครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถได้รับเงินอุดหนุนอีกด้วย ซึ่งมันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการก้าวหน้าได้มากทีเดียว !!

กองทัพเทียนหยวนเป็นที่รู้กันดีว่าโหดเหี้ยมและแข็งแกร่งแค่ไหน และหลังจากได้ยินคำพูดของมูฉิง พวกทหารก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น พวกเขาต่างตะโกนและโห่ร้อง ก่อนจะพากันพุ่งเข้าไปหากองทัพเปิง …ที่เหลือเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น !

เมื่อพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอู่กวง ในตอนนี้กองทัพเปิงของพวกเขายังคงสามารถยื้อเอาไว้ได้สักพัก แต่มาตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับกองทัพเทียนหยวนที่เหมือนเสือสมิงกระหายเลือด พวกเขาก็ไม่อาจที่จะเทียบได้เลย ทำให้ในขณะที่กองทัพเทียนหยวนโจมตีไปข้างหน้า ศัตรูหลายพันคนก็พากันกระจัดกระจายและล้มตายลงราวกับใบไม้ร่วง !

เกิงฉวนนำแม่ทัพพุ่งไปข้างหน้าชั่วขณะ ทว่าพวกเขาไม่อาจตีฝ่าออกไปได้ ทั้งยังถูกบังคับให้ล่าถอยอย่างช้า ๆ อีกด้วย ทำให้ในตอนนี้เขาเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ถึงพันคนแล้ว !

…เกิงฉวนมองไปรอบ ๆ เพียงเพื่อพบว่าตัวเขานั้นมาพร้อมกับแม่ทัพสองสามคนและกุนซือที่ไร้ประโยชน์ในสนามรบตามมาด้วย

นี่ …จะทำยังไงดี ? เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังจะตายในที่แห่งนี้ ?

เกิงฉวนกังวลมากจนเหงื่อท่วมหัว และเมื่อเขาไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหนีได้ ทันใดนั้นก็พลันมีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง “ท่าน… เกิงฉวนใช่ไหม ?”

ร่างกายของเกิงฉวนสั่นสะท้านทันที เขาหันหน้าไปทางนั้น ก่อนจะพบเข้ากับชายหนุ่มในวัยยี่สิบที่ถูกคลุมด้วยชุดเกราะสีดำทมิฬ แต่ไม่มีหมวกเกราะ

“เจ้าเป็นใคร ?” เกิงฉวนเพ่งมองและถามเสียงดัง

“ถังหยิน !” ชายหนุ่มตอบกลับอย่างลวก ๆ

ถังหยิน ? เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใบหน้าของเกิงฉวนและคนรอบข้างก็เปลี่ยนไปจนเผลอก้าวถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เพราะนี่คือผู้ว่ามณฑลเทียนหยวน ผู้บัญชาการกองทัพเทียนหยวน ที่ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขา !!!

ชายหนุ่มหัวเราะ ขณะที่เขามองไปยังเกิงฉวนจากนั้นก็หันมองไปที่คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาฉีกกว้างขึ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวว่า “เกิงฉวน ตอนนี้เจ้าไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ทางที่ดียอมจำนนเสีย จงวางอาวุธลง จะได้ไม่ต้องสูญเสียกันไปมากกว่… !”

โดยไม่รอให้เขาพูดจบ เกิงฉวนก็พลันตะโกนสวนกลับมาด้วยความโกรธ “พล่ามอะไรของเจ้า ! ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ไม่มีวันที่จะศิโรราบต่อกบฏชั้นต่ำอย่างเจ้า !”

ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพเทียนหยวน และพวกเขาน่าสนใจมาก ด้วยทั้งสองคนไม่ได้เป็นทายาทโดยตรงของท่านอ๋องเฟิง ดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานใดที่แน่ชัดว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ก่อกบฏ

เมื่อได้ยินคำตอบของเกิงฉวน ถังหยินก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือออกไปและตบมือ หลังจากเสียงปรบมือ กลุ่มกองทัพเฟิงกว่าร้อยคนก็ได้เดินออกมาจากด้านหลังถังหยิน โดยมีชาย หญิง และเด็ก ๆ นำอยู่ด้านหน้า “ถึงเจ้าจะไม่รักชีวิตตัวเอง แต่กับชีวิตของครอบครัวเจ้าเล่า จะยังยืนยันคำเดิมอยู่ไหม ?”