ตอนที่ 43 พัฒนาช่องทางเสริม

ทางฝั่งของเย่ฉูฉู่หลังกลับมาจากบ้านแม่แล้ว เธอก็เตรียมอาหารค่ำ

เหวินเทาของเธอช่างมีความสามารถนัก ออกจากบ้านไปได้ไม่นานก็ตกปลาตัวใหญ่กลับมาได้ 1 ตัว แบบนี้เธอจะไม่นำไปทำเป็นปลาผัดน้ำแดงกินเหรอ?

ระหว่างที่รับประทานเนื้อปลาผัดน้ำแดงคู่ไปกับแป้งจี่ข้าวโพด จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ช่างงดงามเสียจริง

แน่นอนว่าเนื้อปลานี้ก็ไม่ได้เก็บไว้รับประทานคนเดียว พวกเขายังแบ่งอีกหนึ่งชามให้คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวด้วย เมื่อใดที่สองสามีภรรยาได้รับประทานของดี ๆ ก็มักจะนำส่วนหนึ่งไปแบ่งให้พ่อกับแม่เสมอ

ส่วนพี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวในวันนี้ก็ได้รับประทานของดีเช่นกัน พวกเขากำลังรับประทานแป้งจี่ไข่ ซึ่งอร่อยมากนัก

  

เป็นเพราะได้เห็นการรับประทานอาหารจากบ้านเจ้าหกอยู่บ่อย ๆ จึงยอมกัดฟันทำแป้งจี่ไข่ มื้อนี้รับประทานไข่ไก่ไป 4 ฟองและแป้งอีก 1 ถ้วย แน่นอนว่าก็ยังมีแป้งอย่างอื่นผสมลงไปด้วย ส่วนแป้งขาวมีไม่มากเท่าไรนัก

ทว่านี่ก็ทำให้พี่สะใภ้รองจ้าวปวดใจมากแล้ว

แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมบ้านเจ้าหกถึงรับประทานแบบนั้นโดยไม่รู้สึกเสียดายเลย

“แม่ จะแบ่งไปให้คุณปู่กับคุณย่าส่วนหนึ่งไหมครับ?” เถี่ยต้านลูกชายคนโตเอ่ยถาม

“ทำอะไร? แกคิดว่ามีมากนักเหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวได้ยินก็ลอบถลึงตาใส่เขา

“อาหกกับอาสะใภ้หกก็เอาไปให้คุณปู่กับคุณย่า มีของดีอะไรก็เอาไปให้ทั้งหมดเลย” เถี่ยต้านพูดความจริง

พี่สะใภ้รองจ้าวได้ฟังก็โมโห พี่รองจ้าวจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูด บอกให้นำไปแบ่งให้พ่อแม่เขา 2 ชิ้น

เถี่ยต้านจึงอารมณ์ดีไม่น้อย จากนั้นก็นำแป้งจี่ไข่ 2 ชิ้นไปให้ปู่กับย่าของเขา

คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวรับไว้ ทำไมจะไม่รับล่ะ นี่เป็นความกตัญญูของพวกลูก ๆ หลาน ๆ เชียวนะ

เถี่ยต้านดีใจเป็นอย่างมาก ตอนที่กลับมาก็พบว่าแม่ของเขาหน้าตาบูดบึ้ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาเป็นลูกชายคนโตและหลานชายคนโตในบ้าน คุณปู่และคุณย่าดีกับเขามาก เขาก็ต้องกตัญญูอยู่แล้ว

ฤดูใบไม้ผลิจะเริ่มในปีหน้าแล้ว ถึงเวลานั้นเขาก็จะลงนาไปเก็บแต้มค่าแรง

เถี่ยต้านรับประทานแป้งจี่ไข่ ก่อนจะถอนหายใจ “แต่ก็อร่อยสู้เนื้อปลาของบ้านอาหกไม่ได้อยู่ดี ปลาที่อาสะใภ้หกตุ๋นมันหอมฉุยเลย”

“เจ้าเด็กเหม็นนี่ ทำไมแกไม่ไปเป็นลูกชายของอาหกกับอาสะใภ้หกซะเลยล่ะ!” พี่สะใภ้รองจ้าวโมโหมาก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับประทานของดีสักมื้อหนึ่ง แต่ลูกชายสองคนนี้ก็ไม่มีใครทำให้หล่อนไร้กังวลได้เลย!

ต้าหยาโน้มน้าวใจน้องชายทั้งสอง “พวกนายรีบ ๆ กิน แล้วก็พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ”

“นับวันแม่ก็ยิ่งอารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เลย” หลูต้านบ่นพึมพำ

“จะกินหรือไม่กิน?” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดพลางถลึงตา

“พอแล้ว คุณเองก็พูดให้มันน้อย ๆ หน่อย พวกเด็ก ๆ ต่างก็กตัญญูรู้คุณคน ไม่ดีตรงไหน?” พี่รองจ้าวกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวแอบน้อยใจ หล่อนจะพูดได้อย่างไรว่าตัวเองอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าสามีของตัวเองแอบขโมยเงินส่วนตัวไปให้บ้านเจ้าหก?

ไม่เช่นนั้นทั้งสองคนนั้นจะมีความกล้ากินของดีแบบนั้นได้อย่างไรกัน? ถึงแม้ว่าบ้านเจ้าหกจะตุ๋นแค่ปลาตัวเดียว แต่ได้ไปเห็นหรือเปล่าว่าเธอใช้วัตถุดิบไปเท่าไร? ต้องเหยาะซีอิ๊วลงไปหลายทัพพีแน่นอน ไหนจะพริก ขิง และกระเทียมสับอีก ดูวัตถุดิบพวกนี้สิ ไม่แปลกใจเลยที่ปลาหนึ่งตัวจะส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน!

 

อีกอย่างเรื่องที่บ้านเจ้าหกนำอาหารไปให้พ่อกับแม่ หล่อนไม่เชื่อหรอกว่าสองคนนั้นจะกตัญญูจริง ๆ ต้องเป็นเพราะพ่อกับแม่กลัวว่าพวกเขาจะใช้เงินหมดแล้ว ก็เลยแอบยัดเงินให้พวกเขา!

พ่อกับแม่ลำเอียงรักน้องสามีคนนี้มากกว่ามาโดยตลอดไม่ใช่หรืออย่างไร?

ภายในใจของพี่สะใภ้รองจ้าวไม่มีความสุขเอาเสียเลย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมื้อค่ำที่แสนเพลิดเพลินของจ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่

แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาก็ได้ไถ่ถามเรื่องพี่สามของภรรยาไปสองสามประโยค เย่ฉูฉู่จึงบอกไปว่าได้ส่งจดหมายกลับมาแล้ว ปีนี้ก็คงจะกลับมา

ไม่เช่นนั้นคงไม่ส่งจดหมายกลับมาหรอก

จ้าวเหวินเทาไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เรื่องในแต่ละวันของเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆ เมื่อรับประทานจนอิ่มและดื่มเพียงพอแล้ว เขาก็ขึ้นไปเอนตัวบนเตียงเตา

เย่ฉูฉู่เก็บถ้วยและตะเกียบเสร็จก็กลับมาที่ห้อง ทั้งยังหยิบสมุดจดรวมถึงปากกามาเริ่มจดบัญชี

จ้าวเหวินเทายื่นหน้าเข้ามาดู ก็พบว่าภรรยาของเขาก็กำลังบันทึกบัญชีอยู่ ด้านบนเขียนรายรับและรายจ่ายของวันนี้

รายรับของวันนี้คือ 1.83 เหมา วันนี้เนื้อหมูที่ได้มาจากไช่ซื่อหู่ค่อนข้างมาก แน่นอนว่าย่อมได้เงินมากตามไปด้วย นอกจากนี้ยังขายถั่วได้อีกนิดหน่อย

ส่วนรายจ่ายก็เป็นค่าใช้จ่ายค่าหมั่นโถวที่เขาไปรับประทานในเมือง รวมถึงเงินค่าซีอิ๊วด้วย

“หลังจากนี้ไม่ต้องกินหมั่นโถวแล้วนะคะ ซื้อซาลาเปากินสองลูกไปเลย ไปตอนเช้า ๆ ก็ควรกินของอร่อยหน่อยไม่ใช่เหรอ?” หลังจากจดบันทึกเสร็จ เย่ฉูฉู่ก็หันหน้ามาพูดกับเขา

จ้าวเหวินเทาคลี่ยิ้ม “นี่ภรรยาเป็นห่วงผมสินะ?”

“ใช่น่ะสิคะ” ตอนนี้เย่ฉูฉู่ปรับตัวได้มากแล้ว จึงไม่ได้หน้าแดงพร่ำเพรื่อเหมือนเมื่อก่อน “ซื้อซาลาเปาสองลูกก็ไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไร ไม่ต้องประหยัดหรอก อีกอย่างรอให้ถั่วงอกชุดต่อไปงอกออกมา ก็ขายถั่วงอกได้ทุกวันแล้ว ถั่วงอกทั้งหมดมีแต่อวบน้ำ ขายออกไปคงได้ราคาไม่น้อยไปกว่าถั่วหรอก ถั่วเขียวหนึ่งชั่งสามารถปลูกถั่วงอกขึ้นมาได้หกชั่ง ทำกำไรได้ไม่น้อยเลยล่ะค่ะ!”

วันนี้หลังจากที่กลับไปบ้านแม่ เธอก็นำถั่วเหลืองและถั่วเขียวมาจากแม่ไม่น้อยเลย แน่นอนว่าเธอก็จ่ายเงินด้วย ไม่ได้นำกลับมาฟรี ๆ เพราะนี่เป็นสิ่งที่จะนำไปค้าขาย

“ผมรู้แล้ว ๆ ภรรยาผมคำนวณเก่งสุด ๆ ไปเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว จากนั้นเขาก็ซุกไปที่ซอกคอของภรรยาตัวเอง พร้อมกล่าวอย่างคลุมเครือ “ภรรยา ทำไมตัวคุณถึงได้หอมแบบนี้ล่ะ? วันนี้ขัดตัวอีกแล้วเหรอ?”

“อื้อ” เย่ฉูฉู่แก้มแดงระเรื่อ

“ภรรยาของผมรักความสะอาดจริง ๆ ผมชักหวงซะแล้วสิ” จ้าวเหวินเทายิ้ม

จากนั้นเขาก็อุ้มภรรยาของตนเองขึ้นไปบนเตียง และคืนนี้หนุ่มสาวคู่นี้ก็ทำงานอย่างหนักอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้

ตอนนี้ฐานะภายในบ้านเริ่มดีขึ้นแล้ว ของกินก็มีมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นเย่ฉูฉู่จึงไม่ลังเลที่จะตั้งครรภ์

หลังจากจ้าวเหวินเทาได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างมากในช่วงกลางคืน เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็เดินทางมายังโรงฆ่าสัตว์อีกครั้ง เขาเก็บเนื้อชั้นรองไว้ครึ่งชั่งเพื่อรับประทานเอง ส่วนที่เหลือนำเข้ามาขายในเมือง

 

“วันนี้ก็หนาวจริง ๆ นะเนี่ย” จ้าวเหวินเทาสูดหายใจเข้า เขาซื้อซาลาเปาสองลูกจากชายหนุ่มที่ถือตะกร้าอยู่ข้างถนนไปพลางก็พูดไปพลาง

 

“หนาวมากเลยล่ะ ดูเหมือนว่าอีกไม่นาน หิมะก็คงจะตกแล้วมั้ง?” ชายหนุ่มขายซาลาเปาพูด

“ซาลาเปาผักของนายไม่ค่อยอร่อยเท่าไรแฮะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ช่วยไม่ได้ มันไม่มีเนื้อนี่ ถ้ามีเนื้อคงทำซาลาเปาเนื้อได้แน่นอน” ชายขายซาลาเปาตอบ

“เนื้อ?” จ้าวเหวินเทาหันไปมองเขา “ปกตินายซื้อเนื้อชั่งละกี่หยวนเหรอ?”

“ทำไมเหรอ พี่ชายมีเหรอ?” ชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้กลัวเขา เพราะจ้าวเหวินเทาก็คุ้นเคยกับเขาแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ซื้อซาลาเปากับแม่ของเขา หลังจากนั้นก็มาซื้อหมั่นโถว ตอนนี้ก็มาซื้อซาลาเปาผักกาดขาวอีก จึงกลายเป็นลูกค้าคุ้นหน้าคุ้นตาไปแล้ว

 

“นายดูสิ” จ้าวเหวินเทาแง้มตะกร้าบนรถจักรยานให้เขาดู มีเนื้อแค่ครึ่งชั่งเท่านั้น แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายมีดวงตาเป็นประกายแล้ว

“พี่ชาย เนื้อนี้รับแลกไหม?” ชายหนุ่มรีบถาม

 

“จะให้นายได้ยังไงกันล่ะ ฉันต้องเอาไปให้ภรรยาของฉันกิน แต่ฉันยังมีเนื้ออื่นนะ ปกติแล้วก็เป็นเนื้อชั้นสาม นายอยากได้ไหมล่ะ? ถ้านายอยากได้หลังจากนี้ฉันจะเก็บไว้ให้นายนิดหน่อย นายจะได้เอาไปทำซาลาเปาเนื้อด้วยไง” จ้าวเหวินเทากล่าว

ความคิดของเขาเป็นแบบนี้ หลังจากนี้เขาจะไม่ขายเนื้อทุกวันแล้ว เพราะปีหน้าเขาจะเลี้ยงกระต่ายอย่างเป็นทางการ ถึงเวลานั้นจะไปมีเวลาว่างขนาดนั้นได้อย่างไรกันล่ะ?

ดังนั้นเขาจึงต้องหาช่องทางเสริม แบบนี้เขาก็ประหยัดแรงกายแรงใจไปได้เยอะเลย

เขาคิดว่าชายหนุ่มที่ชื่อจางฉวนคนนี้ก็ไม่เลว ตอนที่เขายุ่ง ๆ ก็สามารถร่วมมือกันได้

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

บ้านหกเขามีเงินของตัวเองน่ะ ไม่งั้นไม่กล้าทำของหรูขนาดนี้กินหรอก

เหวินเทาได้คอนเนคชั่นอีกแล้วหนึ่ง รวยต่อไม่รอแล้วนะ

ไหหม่า(海馬)