ตอนที่ 255 หวังเจียเหยาเสียใจทีหลังอีกแล้ว

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

ตอนที่ 255 หวังเจียเหยาเสียใจทีหลังอีกแล้ว!
ก่อนนี้ที่โรงพยาบาล ตอนที่หวังเจียเหยาให้กำเนิดเด็กแฝดทั้งสองคนซูหลานยังให้เย่เฉินเลือกอยู่เลย

ว่าเด็กๆ ควรจะแซ่หลิ่วหรือแซ่หวังกันแน่?

แต่ไม่ได้มีแซ่เย่เป็นหนึ่งในตัวเลือก!

แถมยังบอกว่าเย่เฉินเป็นเขยที่แต่งเข้าไม่คู่ควรให้เด็กๆ ใช้แซ่เขา!

ตอนนี้พอรู้ว่าเย่เฉินได้กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศนี้แล้ว สภาพแม่ยายปากหวานก็กลับเข้ามาแทนที่อีกครั้ง!

เย่เฉินปรายตามองซูหลานอย่างดูถูก แล้วเดินเข้าวิลล่าโดยไม่สนใจไยดีอีกฝ่าย

เพิ่งจะเดินเข้ามาด้านในเขาก็เห็นแผ่นหลังของหญิงสาวในชุดยาวสีขาวบริสุทธิ์

ดูท่าแล้วหวังเจียเหยาน่าจะเดาว่าเย่เฉินคงจะมาพบหล่อนแน่ๆ ดังนั้นถึงได้แต่งตัวในชุดสีขาวบริสุทธิ์แบบที่เย่เฉินชอบ

“หวังเจียเหยา”

พอหญิงสาวได้ยินเสียงเขาก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับมาช้าๆ หลังจากที่คลอดลูกแล้วหล่อนก็พยายามอย่างหนักเพื่อให้รูปร่างของตนเองกลับมาอยู่ในสภาพเดิม แต่เรือนร่างหล่อนตอนนี้ยังออกจะอวบๆ อยู่เล็กน้อย

แต่ไม่ได้แปลว่าหล่อนในตอนนี้จะไม่สวย

หญิงสาวในประเทศนี้ให้ความสำคัญกับความผอมกว่าสิ่งอื่นใด คนส่วนมากหนักแค่ 50 กก. ยังบอกว่าตนเองอ้วน หนำซ้ำยังพยายามลดน้ำหนักกันแทบเป็นแทบตาย

กลับกันเย่เฉินไม่ได้ชอบคนผอมแห้งติดกระดูกแบบนั้น เขากลับรู้สึกว่าผู้หญิงมีเนื้อหน่อยๆ ก็ดีเหมือนกัน

หวังเจียเหยาในตอนนี้ถือได้ว่าถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่อวบอ้วนน้อยๆ ขาใหญ่กว่าเดิมไม่น้อยแต่ทำให้รู้สึกว่าเซ็กซี่ดี

รูปลักษณ์ใบหน้าของหญิงสาวนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะยังสวยงามไร้ที่ติเหมือนที่เคย

เย่เฉินมีชีวิตมานานขนาดนี้ ในบรรดาหญิงสาวที่เขาเคยเจอ มีแค่หญิงสาวที่ร้านกาแฟเท่านั้นที่พอจะเรียกได้ว่าสวยสูสีกับหวังเจียเหยา

แต่ไม่รู้ว่าเพราะหวังเจียเหยาใส่ส้นสูงหรือเปล่า เย่เฉินถึงได้พบว่าหวังเจียเหยาตัวสูงขึ้น!

พอเป็นแบบนี้เลยทำให้หญิงสาวดูขายาวขึ้นและดูมีบุคลิกภาพดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อหวังเจียเหยาเห็นเย่เฉิน ทำนบน้ำตาก็พังทลาย หล่อนวิ่งมาหาเขาแล้วโผเข้าอ้อมกอดชายหนุ่ม!

ภาพในวินาทีนี้นั้นเหมือนกับตอนที่หวังเจียเหยาโผเข้าหาเขาในงานแต่งงานของตนเองกับฟางเชาโดยไม่สนใจสายตาใครอย่างไรอย่างนั้น!

หวังเจียเหยาที่โถมเข้าหาอ้อมกอดชายหนุ่ม กอดเขาแน่นแล้วพูดเสียงหวาน “ฉันรักคนไม่ผิดจริงๆ!”

โครม!

เย่เฉินกลับไม่มีท่าทีเกรงใจหล่อนแม้แต่น้อย เขาผลักหญิงสาวจนล้มลงไปกองบนพื้น!

รักคนไม่ผิดจริงๆ?

ทำไมถึงกล้าพูดจาน่าขยะแขยงแบบนี้ออกมาได้!

ตอนนี้ผมเป็นเศรษฐีแสนล้านแล้วคุณถึงบอกว่ารักคนไม่ผิด แต่ถ้าผมเป็นแค่คนธรรมดาคุณคงจะรักคนผิดล่ะสิ?

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “หวังเจียเหยา ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อรำลึกอดีตกับคุณนะ!”

หวังเจียเหยาที่ล้มลงกองบนพื้น น้ำตาไหลไหลอาบวงหน้างาม “เย่เฉิน ที่แท้เรื่องที่นายโดนไล่ออกจากตระกูล เป็นเรื่องโกหก ทำไมนายต้องโกหกฉัน? แต่งงานกับฉันมาสามปียังปกปิดสถานะตัวเองหลอกลวงฉันมาสามปี พอแต่งงานกันใหม่อีกรอบ นายก็ยังหลอกฉันอีกครั้ง นายไม่เคยซื่อสัตย์กับความสัมพันธ์ของเราเลย นายคิดว่านายทำถูกแล้วเหรอ?!”

คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะตำหนิเย่เฉินอย่างไม่พอใจ!

เย่เฉินหัวเสียทันที “ผมเนี่ยนะทำผิดต่อคุณ? หวังเจียเหยาเราสองคนใครทำผิดต่อใครกันแน่? ถ้าคุณไม่ได้นอกใจผมไปหาหลิ่วอวี่เจ๋อก่อน ผมจะกุเรื่องบ้าๆ นี่เหรอ? ผมเองจะหย่าคุณเลยก็ได้ แต่ผมเคยรับปากคุณย่าของคุณไงว่าจะไม่ขอหย่ากับคุณ คุณควรจะดีใจที่ย่าคุณดีกับผมขนาดนี้!”

หวังเจียเหยากล่าวอย่างเสียใจ “เย่เฉินนายเข้าใจผิดแล้ว ที่จริงแล้วหลิ่วอวี่เจ๋อแค่มาส่งฉันตอนเลิกงานเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยทำอะไรผิดต่อนายเลย”

เย่เฉินหัวเราะเสียงเย็น “คุณนี่มันท้องแล้วโง่ลงจริงด้วย คุณคงลืมไปว่าคุณเคยเยาะเย้ยผมเอาไว้ว่ายังไงบ้าง? ตอนหลิ่วอวี่เจ๋อนอนโรงพยาบาล คุณอยู่ในห้องเขาตั้งหลายชั่วโมง จะบอกว่าเล่นไพ่กันเฉยๆ หรือไง!”

หวังเจียเหยากัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไีร

“อย่างมากเราก็แค่จูบกันเท่านั้นเอง มันไม่ใช่เรื่องที่จะถึงขั้นให้อภัยกันไม่ได้เสียหน่อย” หวังเจียเหยากล่าวต่อ

ซูหลานมารดาของหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าว “จริงด้วยๆ ตอนนั้นหวังเจียเหยากำลังตั้งท้องอยู่ อาจจะเกิดเหงาเลยทำผิดไป ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะให้อภัยกันไม่ได้”

หวังเจียเหยาจึงกล่าวต่อ “ต่อให้เป็นตอนนี้ ฉันกับหลิ่วอวี่เจ๋อก็ไม่ได้มีอะไรกัน เย่เฉิน นายเองก็รู้ตอนฉันรู้จักกับเขา ฉันก็ตั้งท้องแล้ว พอท้องก็สิบเดือนกว่าจะคลอด ตอนนี้ฉันเพิ่งจะคลอดลูก เขาไม่แม้แต่จะแตะต้องฉันด้วยซ้ำ เย่เฉิน นายยังคงเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตฉัน เรากลับมาแต่งงานกันอีกรอบดีไหม?”

คิดไม่ถึงว่าหวังเจียเหยาจะอยากแต่งงานกับเขาใหม่อีกครั้ง!

ผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ ทรยศเขามาสองครั้ง แต่งงานกับผู้ชายมาแล้วสามคน แต่ยังกล้าพูดแบบนี้อีก!

เย่เฉินเดาว่าหลังจากที่หวังเจียเหยารู้เรื่องตนเองแล้วจะต้องติดพันเขา ดังนั้นเขาจึงไปขอฉินหงเหยียนแต่งงานเอาไว้ก่อน!

เย่เฉินกล่าวอย่างแน่วแน่ “หวังเจียเหยา คุณไม่มีโอกาสแล้ว ผมขอฉินหงเหยียนแต่งงานแล้ว!”

“อะไรนะ? นายขอฉินหงเหยียนแต่งงานแล้ว? หล่อนตกลงแล้วเหรอ?” ใจหวังเจียเหยาเย็นวาบ

เย่เฉินพยักหน้ารับ

หวังเจียเหยากล่าวทันที “ฉินหงเหยียนผู้หญิงสารเลว หล่อนจะต้องรู้นานแล้วว่าเรื่องที่นายโดนไล่ออกจากตระกูลเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นถึงได้เกาะติดนาย นายอย่าเชื่อหล่อนนะ หล่อนเป็นผู้หญิงที่เคยถูกผู้ชายเลี้ยงมาก่อน เจ้าเล่ห์สุดๆ!” เย่เฉินไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาฟาดฝ่ามือใส่หน้าหวังเจียเหยา “หวังเจียเหยา ฉินหงเหยียนเป็นคู่หมั้นผม คุณช่วยเคารพหล่อนหน่อยแล้วช่วยเคารพตัวเองด้วย!”

หวังเจียเหยากุมหน้า ร่ำไห้ หล่อนคิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะกล้าตบหล่อนเพราะหญิงสาวคนอื่น

ซูหลานเห็นเย่เฉินหัวเสียก็รีบร้อนวิ่งไปแยกพวกเขาสองคนแล้วดึงเย่เฉินนั่งลง “เสี่ยวเฉินเอ้ย มีอะไรค่อยๆ พูดค่อยๆ จา อย่าเพิ่งโมโหสิ เจียเหยาเพ่ิงคลอดลูกแฝดให้เธอนะ หล่อนลำบากมากนะ เพิ่งจะผ่านความเป็นความตายมา”

ถ้าไม่ใช่เพราะหวังเจียเหยาเคยทำร้ายเย่เฉินมามาก เขาก็คงไม่ลงมือทำร้ายหญิงสาว

เขาเองก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาว จึงกล่าว “วันนี้ที่ผมมาก็เพราะเรื่องตรวจ DNA เด็กๆ! ถ้าหากว่าคุณยังปฏิเสธอีก คุณก็ควรจะรู้นะว่าลูกจะเสียโอกาสอะไรไปบ้าง!”

หวังเจียเหยายังไม่ทันได้ตอบ ซูหลานก็รีบร้อนกล่าว “ตรวจสิ ตรวจแน่ๆ ในเมื่อเป็นกฎของตระกูลเย่เรา ถ้าเป็นลูกหลานตระกูลเย่ก็จะได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดแบบเสี่ยวเฉิน พอโตขึ้นแล้วจะซื้อบริษัทไหนก็ได้ ฮ่าๆ”

ซูหลานตีมือลูกสาว “ลูกรัก คราวนี้อย่าปฏิเสธเลย”

หวังเจียเหยามีท่าทีสงสัยน้อยๆ หล่อนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นจากโซฟา ทรุดตัวนั่งลงข้างตัวเย่เฉินแล้วกอดเขา

“เย่เฉิน เด็กๆ เป็นลูกนาย ฉันสาบานกับเทวดา ก่อนนี้ที่เคยบอกว่าเป็นลูกของฟางเชาเพราะแค่อยากจะยั่วโมโหนาย หรือว่านายไม่เชื่อใจฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”

ที่จริงแล้วเย่เฉินก็ไม่ได้เชื่อคำพูดเหลวไหลเรื่องเด็กๆ เป็นลูกฟางเชา อีกทั้งหวังเจียเหยาในตอนนั้นก็รักตนเองมากๆ จริงๆ!

เย่เฉินกล่าว “ผมเชื่อใจคุณแล้วก็เชื่อด้วยว่าเด็กๆ เป็นลูกผม ผมสัมผัสได้ ผมแน่ใจ แต่ว่ากฎของตระกูลเป็นแบบนี้ ไม่ตรวจ DNA จะไม่ได้รับสิทธิ์ของทายาทตระกูลเย่ ในอนาคตจะไม่มีสิทธิ์สืบทอดมรดก คุณแน่ใจจะว่าจะไม่ตรวจ DNA?”

แค่หวังเจียเหยาคิดว่าอนาคตเด็กๆ จะไม่สามารถสืบทอดมรดกจึงรีบรับคำ “ได้ ฉันยอมให้นายตรวจ DNA เด็กๆ!”