ตอนที่ 256 ตรวจ DNA เด็กๆ!
ตอนขับรถอยู่คนเดียวไปเจอสุนัขเห่าใส่

ตอนกรมอุตุประกาศว่าฝนตก แต่บนฟ้ามีกบินว่อน

ตอนที่ Micheal Jordan อายุ 23 ปี กำลังจะโยนลูกโทษ

บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องดูภาพเหตุการณ์ในวินาทีต่อมาก็รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ผลลัพธ์นั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว

สุนัขก็คงจะหลบ ฝนก็จะตกหนัก ส่วนเทพแห่งวงการบาสเก็ตบอลก็ย่อมชู้ตลงอยู่แล้ว

เย่เฉินเองก็เชื่อมั่นเรื่องลูกแบบนี้เหมือนกัน

แต่ว่าตัวเขาเองก็ยังคงต้องการผลตรวจที่จะทำให้ทุกคนไม่ติดใจอะไรอีก

การตรวจ DNA นั้นจะทำให้ทุกอย่างสิ้นสุดลงเมื่อผลตรวจที่ว่านั่นออกมา

เย่เฉินและหวังเจียเหยาอุ้มลูกกันคนละคนแล้วนั่งในรถ Maybach ของเขา

จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ก็คือศูนย์ตรวจ DNA ประจำเทียนไห่

ตลอดการเดินทางหวังเจียเหยาปิดปากเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงแต่กอดลูกเอาไว้แน่น ดูแล้วเหมือนหญิงสาวก็เป็นกังวลมากทีเดียว!

เมื่อถึงศูนย์ตรวจ DNA เย่เฉินก็ไปพบกับคนรับผิดชอบตรวจ DNA ซึ่งเป็นคุณหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประเทศ

“ศจ.ก่วนครับ ผมอยากจะตรวจ DNA เด็กทั้งสองคน พอจะถามได้ไหมครับว่าผลจะออกเมื่อไหร่?” เย่เฉินกล่าวถาม

ศจ. ก่วนเองพอจะรู้ว่าเย่เฉินไม่ใช่คนธรรมดาดังนั้นถึงได้ยอมพบเขา

อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “คุณเย่ ลูกของคุณเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงครึ่งปี ปกติแล้วเราไม่แนะนำให้ตรวจ DNA เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนนะครับ”

เย่เฉินเจอกับหัวกะทิในวงการแพทย์เช่นนี้ก็ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียเย็นชา “ตอบคำถามผมมา”

ส่วนเรื่องหมอจะแนะนำหรือไม่ เย่เฉินเองก็พอจะรู้

ถ้าเขากับหวังเจียเหยารักกันเหมือนก่อน อย่าว่าแต่ให้รอครึ่งปีเลย ไม่ให้เขาตรวจ DNA เด็กๆ ไปตลอดชีวิตก็ได้!

แต่ว่าตอนนี้เย่เฉินไม่อยากจะรอต่อไปอีกแค่เสี้ยววินาที!

ศจ.ก่วนเองพอจะรู้ว่าชายตรงหน้าตอนนี้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศนี้ก็ไม่กล้าพูดมาก จึงตอบตามตรง

“ถ้าลูกของคุณตรวจเลือด ผมหรือกระพุ้งแก้มล่ะก็น่าจะเจ็ดวันทำการผลก็ออก”

เย่เฉินไม่ค่อยเข้าใจเรื่อพวกนี้นัก จึงถาม “เจ็ดวันนานไปหน่อยครับ พอจะเร็วกว่านี้ได้ไหม?”

ศจ.ก่วนอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ที่จริงแล้วจากมุมมองของห้องทดลอง ผลตรวจ DNA ออกได้ภายใน 8 ชั่วโมงแต่ถ้าตามขั้นตอนของเราแล้ว การตรวจ DNA ต้องให้นักวิจัยสองคนตรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสรุปว่าเป็นสายเลือดเดียวกันหรือไม่ จำเป็นต้องใช้นักวิจัยสองคนตรวจถึงได้จะผลสรุป

ผลตรวจรอบแรกต้องใช้เวลาสองวัน ส่วนอีกรอบต้องเก็บสารพันธุกรรมจากใน DNA ต้องใช้เวลาสองวันแค่ขั้นตอนพวกนี้ก็ใช้เวลาปาเข้าไปสี่วันแล้ว หลังจากตรวจสองรอบแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกสามวันเพื่อคำนวณสถิติของผลตรวจด้วยดังนั้นถึงต้องใช้เวลาถึงเจ็ดวัน

อย่างไรเสียการตรวจ DNA ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พวกเรารอบคอบเอาไว้ก็น่าจะดีกว่า หากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นจะไม่เท่ากับว่าเป็นการทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณหรอกหรือ? คุณว่าจริงไหม?”

เย่เฉินพยักหน้ารับแล้วกล่าว “เวลานานหรือสั้นไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่ผมต้องการก็คือความแม่นยำของผลการตรวจ!”

อีกฝ่ายตอบ “คุณเย่สบายใจได้ ผมอยู่ในสายงานนี้มาหลายสิบปี ผมขอเอาชื่อเสียงผมเป็นประกันเลยว่าอีกเจ็ดวันผลการตรวจที่ออกมาจะไม่มีปัญหาอะไร ผมจะเป็นคนคอยยดูแลการตรวจของคุณเย่เอง”

เย่เฉินเองก็พอจะรู้ถึงศักยภาพของอีกฝ่ายจึงกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่ต้องรับรองความแม่นยำ แต่ต้องรับรองความถูกต้องด้วย คุณน่าจะรู้ว่าผมเป็นใคร ตระกูลเย่ของเราไม่ใช่ครอบครัวธรรมดา ยากจะแน่ใจว่าจะไม่มีคนติดสินบนนักวิจัยเพื่อจะได้ฮุบสมบัติของตระกูลเรา ศจ.ก่วนครับ ผมขอพูดตรงๆ เลยแล้วกันถ้าผมรู้ว่ามีใครกล้าบิดเบือนผลการตรวจแล้วหลอกลวงผม ผมจะไม่ปล่อยเขาไปแน่!”

ศจ. ก่วนเองก็พอจะสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเย่เฉิน เขามีท่าทีหวาดกลัวเล็กน้อย “ครับคุณเย่”

หลังจากนั้นทางศูนย์ตรวจ DNA ก็เริ่มเก็บตัวอย่าง เซ็นสัญญาแล้วรอผล

เมื่อออกมาจากศูนย์ เย่เฉินก็พาหวังเจียเหยาและเด็กๆ มาส่งที่วิลล่า

“เสี่ยวเฉิน เข้าบ้านก่อนสิ กว่าผลจะออกตั้งสัปดาห์หนึ่ง เธอไม่ต้องร้อนใจ” ซูหลานกล่าว

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ไม่ดีกว่าครับ ผมจะกลับไปหาคู่หมั้นผม เดี๋ยวอีกสัปดาห์ผมจะมารับไปดูผลตรวจที่ศูนย์”

พูดจบเย่เฉินก็กลับไปวิลล่าของเขาและฉินหงเหยียน

ฉินหงเหยียนเองรออยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นเย่เฉินกลับมาก็ถามอย่างร้อนใจ “เป็นยังไงบ้าง? ตรวจหรือยัง?”

เย่เฉินพยักหน้ารับ “ต้องรอเจ็ดวันผลถึงจะออก”

ฉินหงเหยียนกล่าว “อืมรอนานก็ไม่เป็นไรหรอก แต่จะให้ดีควรจะได้ผลที่แม่นยำเลยในครั้งเดียว จะได้ไม่ต้องไปตรวจใหม่”

เย่เฉินเองก็ไม่สบายใจจึงโทรหาหลิวเจิ้งคุน

“คุณชาย!”

“อาคุนช่วยไปจับตาดูทุกคนในศูนย์ตรวจ DNA เทียนไห่หน่อย ดูว่าอีกเจ็ดวันนี้ พวกเขาได้ไปเจอบุคคลน่าสงสัยอะไรไหม ทั้งหวังเจียเหยากับหลิ่วอวี่เจ๋อด้วย จับตาดู 24 ชั่วโมงไปเลยนะ”

“ครับ!”

พอวางสาย ฉินหงเหยียนก็กล่าวถาม “คุณกลัวว่าหวังเจียเหยาจะติดสินบนคนในศูนย์ตรวจ DNA เหรอคะ?”

เย่เฉินพยักหน้า “เผื่อๆ เอาไว้น่ะ”

ถ้าหากว่าหวังเจียเหยาทำผิดขึ้นมาจริงๆ หล่อนอาจจะทำแบบนี้ก็ได้

แต่ในตอนนี้เองโทรศัพท์ของฉินหงเหยียนก็ดังขึ้น ปลายสายเป็นสวี่ฉู่หมิง

เย่เฉินย่อมไม่คิดอะไร ทุกคนต่างก็มีอดีตกันทั้งนั้น เหมือนที่ฉินหงเหยียนก็ไม่ได้โกรธอะไรเรื่องของตนเองกับหวังเจียเหยา

เย่เฉินกล่าว “สวี่ฉู่หมิงน่าจะรู้เรื่องที่ผมขอคุณแต่งงาน พวกคุณมีสัญญาครึ่งปีอะไรกันไม่ใช่เหรอ? ครบรอบเดือนกุมภาพันธ์พอดี คุณคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะ”

ฉินหงเหยียนพยักหน้ารับ แล้วรับสายอีกฝ่าย

เย่เฉินไม่ได้ยืนฟัง เขาเดินไปเข้าห้องน้ำแทน

“ฮัลโหล”

“หงเหยียน เธอรับปากแต่งงานกับเย่เฉินแล้วเหรอ?”

บางทีสวี่ฉู่หมิงอาจจะเพิ่งดูข่าวมา ดังนั้นถึงได้หัวฟัดหัวเหวี่ยง

ฉินหงเหยียนตอบ “ใช่ค่ะ เขาขอฉันแต่งงาน ฉันก็เลยรับปากเขาไปแล้ว ฉู่หมิง ฉันรู้ว่าคุณเองก็อยากจะแต่งงานกับฉัน แต่เรื่องของเรามันเป็นอดีตไปแล้ว”

สวี่ฉู่หมิงกล่าวอย่างหัวเสีย “เธอไม่ควรรับปากเขา! ตอนแรกที่พวกเราพนันกันครึ่งปี ทำไมเธอไม่มาหาฉันก่อน แล้วค่อยไปตกปากรับคำจะแต่งงานกับเย่เฉิน!”

ที่จริงแล้วหญิงสาวเองก็คิดจะไปที่เมืองเสินเฉิงสักรอบ เพื่อไปคุยกับสวี่ฉู่หมิงให้รู้เรื่อง เพราะต่อให้ผ่านไปครึ่งปีหล่อนก็ยังจะเลือกเย่เฉินอยู่ดี

แต่ว่าเย่เฉินขอแต่งงานกระทันหันเกินไป หญิงสาวเองก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน

ฉินหงเหยียนกล่าว “ฉันเองก็ตั้งใจจะไปหาคุณ แต่คำตอบก็ยังเป็นเหมือนเดิม คุณแพ้แล้วค่ะ ฉู่หมิง ผ่านไปครึ่งปีแล้วแต่ฉันก็ยังไม่เบื่อ ต่อไปก็คงจะไม่เบื่อด้วย ตอนนี้เย่เฉินไม่เพียงแต่หล่อเหลา เขายังมีเงิน ตอนนี้เขารวยกว่าคุณเสียอีก… ฉู่หมิง คุณอย่าโกรธที่ฉันพูดจาไม่น่าฟังนักนะ แต่ตอนนี้คุณไม่อาจเทียบกับเย่เฉินได้เลย”

นั่นสิ เมื่อครึ่งปีก่อนเขาทั้งมีเงินและมีหน้ามีตากว่าเย่เฉิน

แต่ตอนนี้เย่เฉินที่เป็นประธานเฉินเย่กรุ๊ป เป็นหลานชายตระกูลเย่ อยู่เหนือกว่าเขาสวี่ฉู่หมิงชัดๆ!

ใครจะรู้สวี่ฉู่หมิงจะยังไม่ยอมลดละ ทั้งที่ได้ยินฉินหงเหยียนพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ก็แล้ว

“หงเหยียน เรื่องที่เธอพูดพวกนี้ฉันเองก็รู้ เขาถือเป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทั้งประเทศอยากจะแต่งงานด้วย แต่ผู้หญิงทุกคนในโลกใบนี้ใครจะแต่งงานกับเขาก็ได้ยกเว้นเธอ!”