“เจ้าฟังอยู่หรือไม่ เจ้าเด็กนี่! ข้าถูกรังแกนะ! เจ้ายังทำเฉยแบบนี้อีก!” อาซาเนียก้าวไปคว้าคอของโจนาธานแล้วเขย่าแรงๆ
โจนาธานได้สติขึ้นมา แต่เขากลับพูดประโยคที่ทำให้อาซาเนียเกือบจะกระอักเลือดออกมา “ข้าจะบอกให้นะพี่สาว หากคนที่มายุ่งกับเจ้าเป็นคนอื่นยังพอมีความเป็นไปได้ที่ข้าจะไปอัดมันได้ แต่กับชีอ้าวชวางน่ะ ข้าเอาชนะเขาไม่ได้นะ”
“ข้า ข้า ข้า หึ้ย!” อาซาเนียแทบกระอักเลือด แรงที่มือของนางก็แข็งแรงขึ้นและก็แกว่งไปมาอย่างสิ้นหวัง “เจ้ามันคนไม่มีอนาคต ไม่ทะเยอทะยาน แถมยังพูดคำที่ไม่มีอนาคตนี่ออกมาอีก”
“ข้าพูดจริง” โจนาธานเกาหัวแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“เจ้า เจ้ามันน่าโมโหจริงๆ!” จู่ๆ อาซาเนียก็ปล่อยคอเสื้อของโจนาธานและนั่งลงอย่างโกรธจัด
“ข้าจะบอกให้นะ เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่? ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ตอนออกไปก็รบกวนปิดประตูให้ด้วยนะ ข้าจะนอนต่อ” โจนาธานหาว
“เจ้าบ้านี่ เอาแต่จะนอน!” ทันทีที่อาซาเนียลุกขึ้นและกำลังจะออกไป ทันใดนั้น นางก็นึกบางอย่างได้และถามโจนาธาน “เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“อะไรนะ?” โจนาธานยังคงมึนงงอยู่
“ที่ข้าขอให้เจ้าเอากระจกส่องดูใบหน้าที่แท้จริงของชีอ้าวชวางไง! จะเรื่องอะไรอีกล่ะ?!” อาซาเนียอยากจะเตะโจนาธานจริงๆ
โจนาธานส่ายหัวแล้วจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้
“ทำไม? รู้ผลแล้วหรือ?” อาซาเนียมองโจนาธานแล้วถามอย่างสงสัย
“เปล่า เห็นน่ะเห็นแล้ว แต่แท้จริงแล้วเขาก็เป็นผู้ชายนี่ และเขาก็เป็นผู้ชายที่ปกติด้วย” โจนาธานตอบ “แถมเขายังได้รับความนิยมมากด้วย พาริน่าคอยตามเขา ศิษย์พี่ของเขาก็เช่นกัน น่าเสียดายนะ เขาหวังสูงเกินไป อีกอย่าง…” โจนาธานพูดถึงตรงนี้แล้วสายตาของเขานิ่งไป
“อีกอย่างอะไรล่ะ?!” อาซาเนียรีบถาม
“อีกอย่าง เขาก็มีคนรักแล้วด้วย” โจนาธานเงยหน้าขึ้นแล้วพูด
“ใคร? เป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่เห็นเขาจะเข้าใกล้ใครเลย” อาซาเนียขมวดคิ้วอย่างสับสน “อย่างที่เจ้าพูด พาริน่ากับธารีน่าดูเหมือนจะรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว ข้าไม่เห็นเข้าจะปฏิบัติต่อผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ…” อาซาเนียครุ่นคิด
“ไม่จริงน่า เจ้าสืบเรื่องในแง่นี้ของเขาด้วยหรือ!” โจนาธานเบ้ปากอย่างดูถูก
“เจ้าจะรู้อะไร! ครั้งแรกที่ข้าเจอคนคนนี้ ข้าก็รู้ว่าเขาเป็นคนมีความชอบธรรม…” อาซาเนียพูดถึงตรงนี้ โจนาธานก็พูดต่อ
“ถูกต้องแล้ว! เจ้าพูดถูก ข้าก็รู้สึกแบบนั้นตอนเจอเขาครั้งแรก” โจนาธานพูดอย่างมั่นใจ
“พูดไร้สาระไป ไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นน้องชายข้าหรือ” อาซาเนียมองโจนาธานแล้วพูดต่อ “เจ้าว่าคนแบบนี้จะเป็นพวกประหลาดที่ข้าพูดได้อย่างไร? เขาไม่เหมือนกับไดทันส์แน่ๆ แต่เขามีคนรักหรือไม่ ทำไมไม่มองข้าล่ะ?”
“ใครบอกว่าไม่มีล่ะ เพียงแต่เจ้าหาคนรักของเขาไม่เจอเท่านั้นเอง” โจนาธานพูดด้วยท่าทีประหลาด เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาถึงเริ่มรู้สึกหน่วงๆ
“หมายความว่าอย่างไร?” อาซาเนียตะลึง
“คนรักไปอีกที่หนึ่งแล้ว เข้าสู่มิติสูญสลายไปก่อนหน้าเขาแล้ว นี่คือเหตุผลที่เขาฝึกฝนอย่างหนักเพื่อจะไปพบคนรักของเขาที่นั่น” โจนาธานกลอกตาอย่างรำคาญและพูดออกมา
“จริงหรือ?” สีหน้าของอาซาเนียดูดีขึ้นเล็กน้อย ถ้าพูดแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าเสน่ห์ของนางมีปัญหาสิ
“จริงสิ! พอแล้ว เจ้าไปเถอะ ข้าอยากนอนแล้ว” โจนาธานหาวแล้วล้มตัวลงนอน จากนั้นก็ออกปากไล่อาซาเนียให้ไปได้แล้ว
“เอากระจกคืนข้ามา” อาซาเนียเอื้อมมือไปจะหยิบของของตัวเอง
“เก็บไว้ที่ข้าชั่วคราวก่อนนะ ของเล่นสนุกๆ แบบนี้ ขอข้าเล่นสักพักก่อนแล้วจะคืนเจ้า” โจนาธานหลับตาลงแล้วชิงพูดตัดหน้าอาซาเนีย “พี่สาว เจ้าไม่ใช่คนตระหนี่ขนาดนั้นหรอกจริงหรือไม่? ของเล็กน้อยเอง ให้น้องชายคนเดียวของเจ้าเล่นสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก”
“ชิ! เจ้าเด็กนี่!” อาซาเนียมองโจนาธานที่นอนอยู่บนเตียง จากนั้นก็หันไปเปิดประตูออกไปแล้วปิดประตูให้
เมื่อเสียงฝีเท้าห่างออกไป โจนาธานก็จับกระจกอย่างระมัดระวัง เขาไม่ได้จะยืมมันไว้เพื่อความสนุกหรอก แต่เขากลัวว่าหลังจากคืนกระจกให้อาซาเนียแล้ว นางจะไปหาชีอ้าวชวางแล้วเอากระจกส่องยืนยันอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้น ใบหน้าที่แท้จริงของชีอ้าวชวางก็จะถูกเปิดเผย เขาปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ได้
ทันทีที่เก็บกระจกกลับไปก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครฮะ ใคร?” โจนาธานถามอย่างหมดความอดทน กำลังคิดจะพูดว่าเขากำลังหลับอยู่ คนนั้นจะได้กลับไป แต่หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาก็เด้งตัวขึ้นทันที
“ข้าเอง ไปกันเถอะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เจ้านอนมาตลอดทั้งบ่ายแล้ว น่าจะพอแล้วนะ” หลังจากที่ชีอ้าวชวางกลับมาจากร้านชา นางก็มาหาโจนาธานเพื่อจะไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหารด้วยกัน ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ไปโรงอาหารมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อตอนบ่ายก็กินเค้กชิ้นเล็กๆ ไปเท่านั้นเอง
“มาแล้วๆ!” โจนาธานรีบแต่งตัวก่อนจะเดินไปเปิดประตู อยู่ต่อหน้าอาซาเนีย โจนาธานไม่ระมัดระวังตัวสักนิด ก่อนหน้านี้ตอนอยู่กับชีอ้าวชวางก็ไม่ระมัดระวังเช่นกัน แต่ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ตอนนี้รู้แล้วว่าแท้จริงแล้วชีอ้าวชวางเป็นผู้หญิง โจนาธานจึงเริ่มใส่ใจมากขึ้น ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปิดเผยมากไปต่อหน้าชีอ้าวชวาง
“พักผ่อนพอหรือไม่?” พอประตูเปิด ชีอ้าวชวางก็ถามอย่างเป็นห่วง
“พอๆ ไปกันเถอะ ไปกินอาหารเย็นกัน ข้าไม่ได้กินอาหารที่โรงอาหารมาหลายวันแล้ว ข้าก็เริ่มคิดถึงแล้วละ” โจนาธานยิ้มและปกปิดความตื่นตระหนกของเขาเมื่อกี้
วันเวลาเริ่มดำเนินไปตามระเบียบแบบแผน ชีอ้าวชวางและโจนาธานเข้าไปห้องสมุดของสถาบัน บ่อยครั้งที่ทั้งสองเข้าไปในหอคอยดวงดาวด้วยกัน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่
ไดทันส์เห็นทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาตลอด เขาทำเพียงแค่ดูพฤติกรรมของทั้งสองอย่างชื่นชม แต่ไม่ได้เข้าไปร่วมกับพวกเขา
แต่คนที่มีความสุขที่สุดก็คือผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการเห็นทั้งหมดนี้อยู่ตลอด เขาเฝ้าดูความแข็งแกร่งของชีอ้าวชวางและโจนาธานเพิ่มขึ้นทุกวัน ใจเขามีความสุขอย่างมาก ในทางกลับกัน บริลที่เข้ามาในหอคอยดวงดาวนานมาแล้วกลับไม่ได้แสดงร่องรอยแห่งการพัฒนาใดๆ เลย เป็นการสิ้นเปลืองจริงๆ ฝากความหวังไว้กับพวกของชีอ้าวชวางยังดูจะเป็นจริงเสียกว่า ไดทันส์ ชีอ้าวชวาง และโจนาธานสมควรแล้วที่จะเป็นสามอันดับแรกในสถาบัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาดีขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานงานก็คงจะสำเร็จ และด้วยคุณสมบัติที่ดีเช่นนี้ พวกเขาต้องทำได้แน่นอน…
ผู้อำนวยการยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างห้องใต้หลังคาแล้วมองชีอ้าวชวางและโจนาธานที่อยู่ด้านล่างผ่านกระจกหน้าต่าง ทั้งสองคนกำลังเดินทางไปหอคอยดวงดาว ผู้อำนวยการยิ้มอย่างพอใจ เขาพยักหน้าเล็กน้อยและหันกลับมาแล้วก็ได้เผชิญกับสายตาที่มืดมน
“เหอะๆ ผู้อาวุโสวาเลนไทน์ ทำไมถึงมีสีหน้ามืดมนเช่นนี้ล่ะ? ภารกิจของเราใกล้จะสำเร็จแล้ว เราควรมีความสุขดีไม่ใช่หรือ?” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้อำนวยการ เขาไปนั่งบนโซฟาข้างๆ อีกฝ่าย
“ข้าหวังว่างานนี้จะไม่สำเร็จ!” ผู้อาวุโสที่ชื่อวาเลนไทน์พูดด้วยใบหน้ามืดมน เขาเดินไปที่หน้าต่างอย่างช้าๆ แล้วมองแผ่นหลังของชีอ้าวชวางและโจนาธานที่อยู่ด้านล่างด้วยใจที่เงียบงัน
“เหอะๆ หรือว่าเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่คิดถึงบ้านเกิดของพวกเราหรือ? หรือเจ้าไม่คิดถึงครอบครัวของเจ้า?” ผู้อำนวยการส่ายหัวและยิ้มอย่างประชดประชัน “วาเลนไทน์ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าถ้าเราทำงานไม่สำเร็จ เราต้องทนรับความทุกข์แบบนั้นทุกปี? มันเหมือนกับตายทั้งเป็นเลยนะ!”
“ข้าหวังว่าจะตายในการต่อสู้ครั้งนั้นแล้ว” ใบหน้าของวาเลนไทน์เริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ เขายื่นมือขวาไปกุมแขนเสื้อที่ว่างเปล่าข้างซ้ายเอาไว้
“เหอะๆ อย่าเป็นแบบนั้นสิ ถ้าเจ้าตายที่นี่ วิญญาณของเจ้าจะกลับไปยังบ้านเกิดของเราไม่ได้อีกเลยนะ” ผู้อำนวยการพูดปลอบโยน แต่ความเศร้ากลับส่องประกายในแววตาของเขา
“เช่นนั้นจำเป็นต้องใช้ชีวิตและวิญญาณของผู้คนมากมายมาแบกรับมันด้วยหรือ?” วาเลนไทน์หันกลับมาขึ้นเสียงอย่างโกรธจัด
“วาเลนไทน์! ระวังน้ำเสียงในการพูดของเจ้าด้วย! อีกอย่าง ที่นี่คำพูดของข้าเป็นที่สิ้นสุด เจ้าออกไป! ห้ามทำอะไรโดยไม่ได้รับคำสั่งจากข้า!” ผู้อำนวยการยืนขึ้นด้วยความโกรธและตะโกนใส่วาเลนไทน์ “ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าใจอ่อนปล่อยคนคนนั้นไป ตอนนี้เราจะต้องมาคอยระวังอย่างอกสั่นขวัญหายแบบนี้หรือ? ถึงตัวเจ้าคนเดียวไม่อยากกลับไป แต่เจ้าก็ต้องคิดแทนพี่น้องคนอื่นๆ ด้วยสิ! ข้าพูดหมดแล้ว ไปคิดดูเอาเองแล้วกัน!” หลังจากที่ผู้อำนวยการพูดจบ เขาก็ไม่ได้รอให้วาเลนไทน์ออกไปก่อน แต่เขากระแทกประตูแล้วเดินจากไป เหลือเพียงวาเลนไทน์ที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในห้องนี้
วาเลนไทน์มองไปที่ประตูที่ปิดสนิทนั้น แล้วดวงตาของเขาก็ค่อยๆ หรี่ลงอย่างมืดมน…
ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจยาวแล้วหันกลับไปมองท้องฟ้าผ่านหน้าต่างบานนั้นอีกครั้ง
เรื่องราวต่างๆ จะจบเมื่อไหร่นะ?
“โจนาธาน เจ้าอยากเข้ามิติสูญสลายหรือ? ทำไมตอนนี้เจ้าถึงพยายามอย่างหนักขนาดนี้ล่ะ?” ชีอ้าวชวางถามโจนาธานอย่างสงสัยขณะที่พวกเขาเข้าไปในหอคอยดวงดาวอีกครั้ง
“ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” โจนาธานตอบ
“อะไรทำให้เจ้าเปลี่ยนใจ? เจ้าก็รู้ดีว่ามันอันตราย ยังอยากไปอีกหรือ?” ชีอ้าวชวางเดินอยู่ข้างหน้าและโจนาธานก็ตามมาอย่างใกล้ชิด
“ไม่ทำไมหรอก อย่างไรข้าก็อยากไปกับเจ้า” โจนาธานดูเหมือนตอบแบบพอเป็นพิธีไป แต่มีเสียงในใจบอกเขาว่า เพราะเขาไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับชีอ้าวชวาง ดังนั้นเขาจะต้องไปดูด้วยให้ได้
ชีอ้าวชวางก็ไม่ได้ถามต่อ นางมองออกว่าโจนาธานตอบพอเป็นพิธี หากยังคงถามต่อก็คงไม่มีผลอะไรจึงไม่ถาม
“แต่ชีอ้าวชวาง ตอนนี้เจ้ารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเจ้าหรือไม่? เฮ้อ พูดตรงๆ นะ เจ้าคิดว่าเจ้าอยู่ไกลจากการบรรลุไปแค่ไหนกัน?” น้ำเสียงของโจนาธานกลายเป็นความกังวล เพราะเขาเห็นร่างที่อยู่ไกลๆ นั้น นั่นคือไดทันส์! โจนาธานจำเรื่องการเดิมพันของชีอ้าวชวางและไดทันส์ตอนอยู่ในห้องโถงของสำนักเทียนต้าวได้ หากชีอ้าวชวางบรรลุได้ทีหลังไดทันส์ ไดทันส์จะฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับชีอ้าวชวาง หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะรวมถึงตัวเขาด้วย! โจนาธานลูบคอตัวเองและกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว