Ep.297 เหตุใดจึงขโมยชุดของแม่?

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

Ep.297 เหตุใดจึงขโมยชุดของแม่?

คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ทหารรับจ้างธรรมดา ขณะที่กินหรือดื่มพวกมันไม่ส่งเสียงเอะอะใดราวกับเป็นทหารฝึกที่มีระเบียบวินัย ในแววตาไม่ฉายแววหยิ่งผยองเหมือนทหารรับจ้าง ทว่าเป็นสายตาแห่งความอดทนอดกลั้น

ในตอนนี้ หลินมู่อวี่ถูกล้อมรอบด้วยคนสี่คน ขณะที่หลี่จิงชื๋อถือแก้วไวน์พร้อมกับใช้อีกมือดาบด้ามดาบอยู่ “ท่านหลินจะเมามากไปแล้วนะขอรับ มาเถิด…ให้พวกข้าไปส่งที่ถนนดีหรือไม่?”

หลี่จิงชื๋อกระชับด้ามดาบแน่นก่อนจะดึงมันออกจากฝัก ใบดาบห่อหุ้มด้วยสายฟ้าที่แล่นไปมารอบตัวหลินมู่อวี่ ขณะเดียวกันคนสี่คนที่ยืนล้อมอยู่ก็ชักดาบออกทีละคน พฤติกรรมนี้หาใช่สิ่งที่ทหารรับจ้างธรรมดาพึงมีไม่ ดูเหมือนคนพวกนี้จะมีประสบการณ์สังหารคนไม่มีทางสู้มาหลายคนแล้ว!

ทว่าหลินมู่อวี่ไม่ใช่เหยื่อผู้อ่อนแอ! แสงสีทองระเบิดออกจากร่าง กำแพงน้ำเต้าปรากฏขึ้นห่อหุ้มร่างกาย “เคร้งๆๆ!” ดาบยาวทั้งห้าเล่มถูกสะท้อนกลับไปทั้งหมด! หลินมู่อวี่กระโจนไปด้านหน้า เปลวเพลิงพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ทันใดนั้นกระบี่วิญญาณมังกรที่ถูกเก็บอยู่หลังม้าพลันบินออกจากฝัก!

“ฉึก!”

ด้วยทักษะดาบของหลินมู่อวี่ กระบี่วิญญาณมังกรพุ่งทะลวงหน้าท้องของทหารรับจ้างนายหนึ่ง หลินมู่อวี่ใช้ปราณยุทธ์ควบคุมกระบี่ให้ลอยด้วยมือขวา ขณะที่ทั้งแขนซ้ายห่อหุ้มด้วยแก่นเพลิงมังกร “ฉึก…ฉึก!” กระบี่ถูกบังคับให้จ้วงแทงทหารรับจ้างอีกสองนาย! หลี่จิงชื๋อถอยหนีเมื่อดวงตาถูกแสงสะท้อนจากกระบี่จนแสบ หลินมู่อวี่ใช้ขาเตะที่หน้าท้องหลี่จิงชื๋ออย่างแรงจนเขาต้องกุมท้องและถอยร่นไปอีก ใบหน้าถมึงทึงจ้องมองด้วยความโกรธแค้น!

“ฟิ้ว!”

มีดเสียงปีศาจล่องหนบินเฉือนอากาศไปมา ก่อนจะพุ่งเข้าปลิดชีพทหารหลายนายอย่างรวดเร็ว! ขณะเดียวกันหลินมู่อวี่ก็ใช้กระบี่วิญญาณมังกรเข้าห้ำหั่นศัตรูพร้อมกับใช้เพลิงจากแขนซ้ายแผดเผาพวกมันอย่างไม่ลดละ

“ฆ่ามันให้ได้! ช่วยกันยิงธนูใส่มัน!” หลี่จิงชื๋อถอยหนีพลางตะโกนสั่ง

ทว่าธนูไม่สามารถทำอะไรหลินมู่อวี่ได้ การป้องกันของกำแพงน้ำเต้านั้นแข็งแกร่งมาก หลินมู่อวี่กระโจนเข้าสังหารกลุ่มศัตรูอย่างบ้าคลั่งราวกับลมกรด เพียงพริบตากระบี่วิญญาณมังกรก็อาบไปด้วยเลือด มีดเสียงปีศาจยังคงร่ายรำกระทั่งพลธนูถูกมีดล่องหนปลิดศีรษะจนสิ้น

“ตู้ม!”

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อหลี่จิงชื๋อปล่อยพลังปราณยุทธ์! หลินมู่อวี่สั่นสะท้านไปทั่วร่างทันทีที่กำแพงน้ำเต้าต้านทานพลังอันรุนแรงไม่ไหวจนแตกสลายในที่สุด! “เคร้ง!” ลูกธนูคมที่ยิงมาถูกสะท้อนโดยเกราะปราณของหลินมู่อวี่ เขาพุ่งเข้าไปสังหารทหารหลายสิบคนนั้นทันใด!

ทว่าหลินมู่อวี่ก็เสียปราณยุทธ์ไม่มากเช่นกัน

ส่งผลให้เกราะปราณสลายไป การต่อสู้หนึ่งต่อหลายสิบเริ่มเข้าตาจน

“ฉึก…ฉึก…”

ทันทีที่เกราะปราณสลาย ธนูสองดอกก็พุ่งปักหลังหลินมู่อวี่ทันที แม้จะลึกเพียงไม่กี่เซนติเมตรพอให้เลือดไหล ทว่าเขาก็เจ็บปวดอย่างมาก พลังกายลดลงไปกว่าสามสิบเปอร์เซ็น

ก่อนอื่นต้องจับโจรให้ได้ก่อน!

หลินมู่อวี่พุ่งเข้าหาหลี่จิงชื๋อพลันระเบิดพลังหมัด! หนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!

แรกเริ่มพลังยุทธ์ของหลินมู่อวี่ก็มากกว่าหลี่จิงชื๋ออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพลังฌานเจ็ดประทีปอีก จึงทำให้ดาบยาวของหลี่จิงชื๋อแตกเป็นเสี่ยงทันที ขวานยักษ์ที่ถูกยกขึ้นหมายป้องกันก็ถูกกระบี่วิญญาณมังกรฟันจนขาดครึ่ง! หมัดหนึ่งประทีปซัดเข้ากลางอกหลี่จิงชื๋อโดยตรง! เสียงซี่โครงหักดังก้องอย่างชัดเจน!

“อึก…”

หลี่จิงชื๋อกระอักเลือดก้อนใหญ่ออกมา พยายามกระเสือกกระสนหนีเอาชีวิตรอด ทว่าถูกหลินมู่อวี่คว้าเอาไว้ก่อนจะโยนขึ้นหลังม้า หลินมู่อวี่ตัดเชือกผูกม้าและควบมันออกไปพร้อมกับหลี่จิงชื๋อ

กลุ่มทหารรับจ้างเร่งตามไล่ล่ามาด้านหลัง

หลินมู่อวี่ที่แบกหลี่จิงชื๋อไว้หันหลังก่อนจะใช้หมัดเสียงปีศาจระเบิดพลังใส่ศัตรูที่ตามหลังมา ทหารรับจ้างคนหนึ่งโดนซัดจนหมอบร้องครวญครางและตายในที่สุด

หลินมู่อวี่ใช้หมัดเสียงปีศาจต่อเนื่องอีกสามครั้งกระทั่งทหารรับจ้างที่มีพลังยุทธ์ยอดเยี่ยมสามคนถูกฆ่าตาย หลี่จิงชื๋อที่ถูกแบกอยู่กระอักเลือดพลางตะโกนลั่น “ไม่ต้องตามมา เรีบกลับไปเมืองหลันเยี่ยนแล้วรายงานแก่ท่านราชทูตพิเศษว่าข้าถูกลินมู่อวี่สังหาร!”

กลุ่มทหารรับจ้างที่เหลือหันหลังกลับแบบไม่ลังเล ในขณะที่หลินมู่อวี่ยังคงกังวลว่าพวกนั้นจะกลับมาไล่ล่าตนอีกหรือไม่ จึงพาหลี่จิงชื๋อหนีไปอีกหลายสิบไมล์ก่อนจะหยุดและเผาเขาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ “บอกข้ามาว่าเจ้าเป็นใคร?”

หลี่จิงชื๋อเอ่ยทั้งเลือดกบปากพลางหัวเราะ “อันที่จริงข้าจำไม่ได้ว่าเจ้าคือหลินมู่อวี่ผู้นั้น แต่ต่อให้จำได้…เจ้าก็จะไม่มีวันรู้สิ่งใดจากปากข้า! ฝันไปเถิด!”

หลินมู่อวี่ชี้กระบี่วิญญาณมังกรไปที่คอของหลี่จิงชื๋อก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จะไม่บอกอย่างนั้นรึ?”

หลี่จิงชื๋อกัดฟันกรอด พยายามพยุงร่างตัวเองพุ่งออกไป “ฉัวะ!” คมกระบี่ตัดหลอดลมเขาทันที!

หลินมู่อวี่มองคนตายด้วยสายตาไม่แยแส คนเช่นนี้ตายไปก็ไม่สงสาร น่าเสียดายอยู่อย่างเดียวคือเขาง้างเอาความลับออกมาจากปากมันไม่ได้ ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วทหารรับจ้างกลุ่มนี้เป็นใคร พวกมันดูคล้ายคนในกองทัพ ทว่า…ในจักรวรรดินี้ใครจะมาคิดร้ายกับครูฝึกดาวทองเช่นเขากัน? หรือพวกมันเป็นคนของค่ายเสินเวย?

ถึงกระนั้นก็ยังมีความต่าง ทหารส่วนใหญ่ในค่ายเสินเวยจะใช้ดาบยาวเป็นอาวุธและทักษะดาบของเทพทหารเซี่ยงเหวินเทียน แต่ทหารรับจ้างกลุ่มนี้ใช้อาวุธหลายแบบ อีกทั้งยังมีทักษะดาบที่ดูประหลาดและยุ่งยาก

หลินมู่อวี่พยายามค้นตัวของหลี่จิงชื๋อทว่าก็ไม่พบสิ่งใด ดูเหมือนพวกมันจะรักษาความลับได้เป็นอย่างดี หากเป็นเพราะการอ่านใจของทักษะชีพจรวิญญาณ หลินมู่อวี่คงไม่มีเบาะแสอื่นใดอีก

หลินมู่อวี่นั่งพักข้างศพหลี่จิงชื๋อกระทั่งเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อตื่นขึ้นก็พบว่าเป็นรุ่งสางวันใหม่เสียแล้ว เขารีบจัดการอาหารกินเพื่อรีบเดินทางไปป่าทิศใต้ให้ไวที่สุด เขาใกล้สุสานมังกรขึ้นทุกที อีกไม่เกินหนึ่งวันคงถึงที่หมายและไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก…

ณ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของป่าล่ามังกร มีเสียงกีบม้ากระทบพื้นวิ่งผ่านไปมา

ถังปินและกำลังทหารเมืองชีไห่กว่าพันคนกำลังควบม้ากันอยู่ หลังจากถูกสัตว์วิญญาณโจมตีถึงสามครั้งทำให้จำนวนคนลดลงเหลือน้อยกว่าพันสอง ถังปินโกรธมาก ทว่าไม่มีทางเลือกต้องทำภารกิจค้นหาในป่าล่ามังกรนี้ต่อ มีสัตว์วิญญาณดุร้ายอยู่มากมายที่พร้อมจะโจมตีมนุษย์เมื่อเข้าไปยังอาณาเขตของมัน พวกมันหวงแหนที่อยู่มาก ใครก็ตามที่กล้าย่างกรายเข้าย่อมพบจุดจบเป็นศัตรูหรืออาหารอันโอชะเท่านั้น

หลังจากเฒ่าจิงตาย ขณะเดินทัพกันอย่างเร่งรีบ ถังปินก็รู้สึกหวั่นวิตกมาตลอดว่าจะเจอสัตว์วิญาณตัวไหนอีก

ในที่สุดกลุ่มทหารเมืองชีไห่ก็เริ่มเหนื่อยล้ากันแล้ว เพราะการต่อสู้กันอสูรร้ายคราจึงแทบไม่มีแรงเหลือ อีกทั้งยังไม่รู้ที่อยู่ของถังเสี่ยวซีอีกด้วย ช่างไม่เหมือนการเดินทางเพื่อตามหาคน ทว่ากลับเหมือนการเดินทางเพื่อตามหาความตายเสียมากกว่า ป่าล่ามังกรไม่ได้มีชีวิตชีวาเช่นนี้มากว่าร้อยปีแล้ว เพราะมีอสูรดุร้ายอยู่จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไป

ไม่นานนัก ทหารลาดตระเวนก็ควบม้ามาหาถังปิน “ท่านอ๋องน้อยขอรับ เราเจอกองทัพม้าอยู่เบื้องหน้า คาดว่ามาจากเมืองหลันเยี่ยนขอรับ”

“คนจากเมืองหลวงอย่างนั้นรึ?”

ถังปินเลิกคิ้วขึ้น “เป็นคนของกององครักษ์หรือทัพเขาเหิน?”

“ไม่ใช่ทั้งสองขอรับ เป็นคนจากค่ายเสินเวย ดูเหมือนว่าท่านเสินโหวอี้ฝานก็มาด้วย”

“เจิ้งอี้ฝานมาด้วยรึ?”

ถังปินพยักหน้า “เจิ้งอี้ฝานมาที่นี่เพื่อตามล่าเสี่ยวซีหรือ?”

ทหารลาดตระเวนส่ายหน้า “ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ”

“มากันมั้งหมดกี่คน?”

“ไม่มาก…ราวสี่ร้อยคนขอรับ พวกเขามากันแล้วนายท่าน”

“อืม…”

ถังปินโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณ “ทุกคนจงเตรียมตัวพร้อมสู้!”

“ขอรับ!”

กองทัพทหารชีไห่ชักดาบออกจากฝักเตรียมพร้อม โดยมีพลธนูอยู่แนวหลัง หากต้องสู้รบจริงๆ ทหารม้าอาจไม่ได้ผลเท่าพลธนู เพราะบริเวณนี้ไม่ใช่สถานที่โล่งจึงไม่เหมาะกับทหารชีไห่ที่ชำนาญการขี่ม้าและวิชาดาบ

ไม่นานกองทัพม้านำโดยเจิ้งอี้ฝานก็ทยอยเข้ามายังจุดที่ถังปินอยู่พร้อมกับธงค่ายเสินเวยโบกไปมา เขาประสานกำปั้นพลางคำนับ “ดูสิว่าข้าเจอใคร…ท่านอ๋องน้อยถังนั่นเอง!”

ถงปินคลี่ยิ้มพลางก้มคำนับ “ท่านเสินโหว…ท่านมาป่าล่ามังกรเพื่อตามหาเสี่ยวซีเช่นกันหรือขอรับ?”

เจิ้งอี้ฝานพยักหน้า “การลักพาตัวองค์หญิงซีของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางทำให้องค์จักรพรรดิกังวลพระทัยมาก จึงมีรับสั่งให้ข้านำทัพเสินเวยออกตามหาองค์หญิงในป่าล่ามังกร และยังฝากข้ามาบอกท่านอ๋องอีกด้วยว่าให้สงบใจไว้ ต้องไม่มีเหตุร้ายใดเกิดขึ้นกับองค์หญิงเป็นแน่”

ถังปินยิ้ม “ขอบพระคุณสำหรับคำปลอบโยนขอรับท่านเสินโหว ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้นางอยู่ที่ใด? หรือปีศาจจิ้งจอกพานางไปขังไว้?”

เจิ้งอี้ฝานพลางลูบเคราเอ่ย “องค์หญิงซีกับองค์หญิงอินได้ไปท่องเที่ยวที่สุสานมังกรทางตอนใต้ของป่าแห่งนี้ หากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น…องค์หญิงอินอาจยังอยู่ที่สุสานมังกร”

“อย่างนั้นรึ…”

ถังปินขมวดคิ้ว “เช่นนั้นโปรดท่านช่วยนำทางและคุ้มกันเราไปสุสานมังกรด้วยเถิด”

“ไม่มีปัญหา”

เจิ้งอี้ฝานพยักหน้า “เป็นเรื่องดีหากรวมกองกำลังเข้าด้วยกันแล้วจัดการกับสัตว์วิญญาณในป่า ทว่าด้วยกองกำลังเก่าแก่ของข้านั้นมีจำนวนน้อยกว่าของท่านอ๋องที่มีถึงพันคน คงดีกว่าหาก…ให้ทัพท่านอ๋องช่วยเปิดทางให้ก่อน…ได้หรือไม่ขอรับ?”

ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์!

ถังปิดสบถด่าในใจก่อนจะกัดฟันพูด “ข้าคิดเห็นว่าไปพร้อมๆ กันเลยคงจะดีกว่าขอรับ”

“อีกอย่าง…อาจช่วยให้เราหาเสี่ยวซีได้เร็วขึ้น”

“ได้สิขอรับ”

หุบเขามังกรอยู่ส่วนลึกของป่าล่ามังกร มีนักล่าหลายคนใช้ชีวิตโดยการล่าสัตว์วิญญาณเป็นอาหาร หุบเขาแห่งนี้เป็นแอ่งที่ล้อมรอบด้วยหน้าผามากมายและมีทางเข้าออกอยู่ทางเดียว หุบเขาอันสวยงามราวทรวงสวรรค์นี้ตั้งอยู่ส่วนลึกของป่า เป็นพื้นที่ปลอดภัยของนักล่าเหล่านี้

ณ สวนเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีรั้วที่ทำจากกิ่งไม้และเสื้อผ้าที่แขวนตากแห้งไว้กับราวเชือกโบกสะบัดไปมา ภายในรั้วมีหญิงสาวผู้งดงามนางหนึ่งกำลังนอนกลิ้งไปมาบนพื้น ผิวของนางขาวสะอาดราวหิมะ รูปร่างอันสะโอดสะองนั้นช่างน่าดูชม ทว่าหางสีแดงทั้งเก้าที่กวัดแกว่งไปมาด้านหลังทำให้นางดูแปลกจากหญิงอื่น หญิงหยิบกระโปรงยาวมาสวม หางตรงบั้นท้ายที่ดิ้นไปมาใต้ร่มผ้าทำให้นางอึดอัด ทว่าทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากยิ้มรับ

ทันใดนั้นเองมีเด็กชายอายุราวสามถึงสี่ขวบเดินมายืนอยู่ข้างรั้วก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสซื่อ “ขอประทานโทษ ท่านเป็นโจรหรือเปล่า? เหตุใดจึงขโมยชุดของแม่?”

หญิงสาวมองหน้าเด็กชายอย่างตกตะลึง ร่างบางกระโดดข้ามรั้วไม้และหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว