“เสี่ยวจิน เจ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้ามีเวลาก็ช่วยข้ารวบรวมสมุนไพรและเลือดสัตว์อสูรให้มากที่สุด จ่าไว้ว่าเจ้าต้องแยกเลือดของสัตว์อสูรระดับสูงและเลือดของสัตว์อสูรระดับกลาง อย่าเอามันมารวมกัน! ”
ก่อนที่เย่เทียนจะจากไป เขาก็กําชับเสี่ยวจินอีกครั้ง
“นายท่าน ข้าเข้าใจแล้ว!”
เสียวจนตอบ
เย่เทียนเองก็อยากพาเสี่ยวจินกลับไปที่ฐานหลินไห่เช่นกัน แต่เสียวจนตัวใหญ่และดุร้ายเกินไป
ไม่ใช่ว่าไม่มีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์อสูรในฐานหลินไห่ บางตระกูลใหญ่ก็มีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน แต่สัตว์อสูรเหล่านั้นเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับกลางและไม่ใช่สัตว์อสูรสายพันธุ์พิเศษ อย่างเสือดาวมังกรทอง หากเขานําเสี่ยวจินกลับไปยังฐานหลินไห่ จะต้องสร้างความโกลาหลไม่น้อย
นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวจีนยังด้อยกว่าเขา ด้วยเหตุนี้เขาจําเป็นต้องปกป้องมันหากนํามันกลับไปยังฐานหลินไห่ มันจะดีกว่าหากให้เสียวจนอยู่ในป่าใบไม้ปลิวต่อไป อย่างน้อยมันก็สามารถช่วยเขารวบรวมเลือดของสัตว์อสูรได้ ในอนาคตเขาไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเลือดของสัตว์อสูรไม่เพียงพอ
เย่เทียนเก็บข้าวของและหยิบเลือดสัตว์อสูรระดับสูงติดตัวไปด้วยประมาณ 100 ชุด และสมุน ไพรอีก 1 ถุง
จากนั้นเขาก็แบกของมากมายและเดินออกจากป่าใบไม้ปลิวภายใต้การคุ้มกันของเสี่ยวจิน
นอกฐานหลินไห่ ห่างออกไปประมาณแปด
ทีมล่ากําลังค้นหาสัตว์อสูรอย่างระมัดระวัง สีหน้าของทุกคนดูจริงจังมาก
ความแข็งแกร่งของทีมนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงนักรบขั้นปลายเท่านั้น
“ลูกพี่ เจ้าเด็กนั่นแบกของจํานวนมากมายมาด้วย!”
นักรบคนหนึ่งชี้ไปที่ร่างของคนผู้หนึ่งที่เดินอย่างช้าๆ อยู่ไม่ไกล และกล่าวกับหัวหน้าของมันด้วยความตื่นเต้น
หัวหน้าทีมมองไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่อายุยังน้อยแต่อยู่ในขั้นนักรบแล้ว
“หัวหน้า เราปล้นมันดีหรือไม่?”
มีคนเอ่ยปากถาม
หัวหน้าทีมครุ่นคิดและลังเลเล็กน้อย
เขาไม่คิดว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งมากนัก เด็กหนุ่มที่อายุยังน้อยเช่นนี้อย่างมากก็คงแค่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตนักรบเท่านั้น
“หัวหน้า คุณกลัวภูมิหลังของเจ้าเด็กคนนี้เหรอ? พวกเราคุ้นเคยนักรบของฐานเขียวเหล็กดี และข้าก็ไม่เคยเห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน มันน่าจะเป็นนักรบจากฐานหลินไห่ ด้วยภูมิหลังของฐานเขียวเหล็ก พวกเรายังต้องกลัวนักรบจากฐานหลินไห่อีกหรือ? ”
“หัวหน้า พวกเราขอแค่ไม่ฆ่ามันก็ไม่มีใครสนใจหรอก อีกอย่างวันนี้พวกเรายังไม่ได้อะไรมาเลย หากพวกเรากลับไปมือเปล่าเช่นนี้มันคงไม่ดีนักหรอกใช่ไหม? ”
ในระหว่างคําเกลี้ยกล่อมของลูกน้อง หัวหน้าทีมก็กัดฟันและพูดว่า “เอาล่ะ เอาอย่างที่พวกเจ้าว่า! ”
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเองก็ไม่ได้ทําเรื่องแบบนี้เพียงครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่พวกเขาลงมือพวกเขาจะระมัดระวังตัวมาก เขาเลือกเพียงคนที่ไม่มีภูมิหลังพิเศษ แม้ว่าครั้งนี้จะเสี่ยงอยู่บ้าง แต่หลังจากประสบความสําเร็จแล้ว ย่อมได้กําไรอย่างมหาศาล
ตึก ตึก ตึก!!!
นักรบจากทีมล่าวิ่งเข้าไปล้อมเด็กหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว
“ส่งของทั้งหมดของเจ้ามา!”
กัปตันเอ่ยขึ้น
เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือเย่เทียน
ตอนนี้เขารู้สึกแปลกใจมาก คนพวกนี้กล้าดียังไงถึงมาปล้นเขา?
เย่เทียนใช้พลังจิตกวาดมองผ่านๆก็รู้ว่านักรบเหล่านี้แข็งแกร่งอยู่บ้าง พวกเขาคือนักรบที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับทีมล่าหมาป่าวายุ แต่สําหรับเย่เทียนแล้วคนเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น
“พวกเจ้าจะปล้นข้าจริงๆ หรือ?”
เย่เทียนกล่าวอย่างเย็นชา
“เหลวไหล ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็เอาของทั้งหมดออกมา!” หัวหน้าทีมข่มขู่อีกครั้งในขณะที่ดาบในมือเปล่งแสงจางๆ นั่นเป็นสัญญาณว่าพลังปราณถูกถ่ายเทเข้าไปในดาบ
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าทีมนี้กําลังจะลงมือแล้ว!
ในตอนนั้นเอง ดาบของเยเทียนก็ขยับ
นักรบเหล่านี้ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเย่เทียนได้อย่างชัดเจน พวกเขารู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือและอาวุธของพวกเขาก็ร่วงหล่นลงพื้น
จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น!!!
“อ๊ากกก”
“มือข้า มือขาจะหักแล้ว!”
“ข้า….ข้ายังไม่อยากพิการ!”
เย่เทียนไม่ได้ทําลายมือของพวกมัน เขาแค่ตัดเส้นเอ็นข้อมือของพวกมันเท่านั้น แต่มันก็ส่งผลให้กระดูกข้อมือของพวกมันแตกเป็นเสี่ยงๆ หากเป็นในชีวิตที่แล้วของเขา อาการบาดเจ็บแบบนี้ พวกมันต้องพิการอย่างแน่นอน แต่ในยุคสมัยนี้ ขอเพียงมียารักษาอาการบาดเจ็บ ก็สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น
ด้วยอาการบาดเจ็บของนักรบเหล่านี้ พวกเขาจะไม่สามารถบ่มเพาะได้อีกหลายเดือน
หัวหน้าทีมล่าสัตว์อดทนต่อความเจ็บปวดและมองไปที่เย่เทียนด้วยความกลัว
ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาไม่ใช่นักรบธรรมดา แต่เป็นนักรบที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก แม้กระทั้งด้านความเร็ว สายตาของเขาก็ยังมองไม่ทัน
นักรบเช่นนี้น่ากลัวมาก!
“บอกข้ามา ตอนนี้ฐานหลินไห่เป็นอย่างไรบ้าง?”
เย่เทียนถาม
เขาไม่ได้กลับมานานกว่าหนึ่งเดือน และต้องการที่จะรู้สถานการณ์ของฐานหลินไห่โดยเร็วที่สุด ซึ่งคนเหล่านี้ควรจะ
ทีมล่าไม่กล้าปิดปาก พวกมันบอกเย่เทียนเกี่ยวกับสิ่งที่เย่เทียนอยากรู้อย่างรวดเร็ว
หลังจากฟังจบ เย่เทียนก็ขมวดคิ้ว
ในช่วงเดือนกว่าๆนี้ ฐานหลินไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
และยังมีข้อมูลสําคัญอีกอย่างหนึ่ง
ฐานเขี้ยวเหล็กถูกทําลายไปแล้ว!
ใช่แล้ว มันจบสิ้นแล้ว มันถูกสัตว์อสูรบุกทําลาย ผู้คนนับแสนเสียชีวิต มีเพียงหนึ่งแสนคนเท่านั้นที่รอดชีวิตและมายังฐานหลินไห่
และเกือบ 10,000 คนจาก 100,000 คนล้วนเป็นนักรบ และคนอื่นๆก็เป็นครอบครัวของนักรบเหล่านั้น สําหรับคนธรรมดาที่อยู่ในฐานเขียวเหล็กพวกเขาไม่มีโอกาสหลบหนี
ตอนนี้ผู้คนนับแสนจากฐานเขี้ยวเหล็กได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในฐานหลินไห่ และได้สร้างอาคารขึ้นใหม่อีกจํานวนมากนอกฐานหลินไห่ ที่ตอนนี้กําลังสร้างกําแพงเมืองชั้นนอกอยู่
เห็นได้ชัดว่าฐานเขียวเหล็กพร้อมที่จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านแห่งใหม่
นอกจากนี้ ตระกูลหลินของฐานหลินไห่และเหล่าผู้อาวุโสของฐานเขียวเหล็กได้บรรลุข้อตกลงกันเพื่อให้คนจากฐานเขียวเหล็กเข้าร่วมฐานหลินไห่ แต่การควบคุมยังคงเป็นของตระกูลหลิน
นักรบจากฐานเขียวเหล็กและคนธรรมดาต่างมีสิทธิ์เช่นเดียวกันกับผู้คนดั้งเดิมของฐานหลิน
“ตระกูลหลินยังคงควบคุมอํานาจ?”
เย่เทียนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
นี่เป็นเพียงอํานาจในนามเท่านั้น ความแข็งแกร่งของตระกูลหลินเมื่อเทียบกับฐานเขียวเหล็กยังห่างชั้นกันมาก ตระกูลหลินจะสามารถควบคุมปรมาจารย์ของฐานเขียวเหล็กได้อย่างไร?
ข้อตกลงนี้เป็นเพียงเรื่องบังหน้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่มีอํานาจที่แท้จริงในตอนนี้ได้กลายเป็นเหล่าผู้นําระดับสูงของฐานเขี้ยวเหล็กอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าสําหรับเย่เทียนแล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา
อย่างไรแล้ว เขาก็ไม่มีส่วนร่วมในการแย่งชิงอ่านาจในฐานหลินไห่
บางทีอีกไม่นานเขาอาจพาเหยออกไปจากฐานทัพเล็กๆแห่งนี้
“ไสหัวไป!”
เย่เทียนตะโกนอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินดังนั้นทีมล่ากลุ่มนี้คลานหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะพวกมันกลัวว่าเย่เทียนจะกลับค่า
ตลอดการเดินทางต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น เย่เทียนกลับมาที่ฐานหลินไห่โดยไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีก
ทันทีที่เขาเข้าไปในฐานหลินไห่ เขาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างไปจากเดิม
จํานวนผู้ฝึกยุทธเพิ่มขึ้นและคนธรรมดาก็มากขึ้นบนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คน
เมื่อถึงบ้าน
“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็กลับมา!”
เมื่อเย่หยุเห็นเย่เทียนเธอรีบวิ่งเข้ามา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแสดงออกถึงความคิดถึง
(ตัวประกอบผู้หน้าสงสาร >.<)