บทที่ 47 การเปลี่ยนแปลงภายในฐานหลินไห่

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“เสี่ยวจิน เจ้าอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้ามีเวลาก็ช่วยข้ารวบรวมสมุนไพรและเลือดสัตว์อสูรให้มากที่สุด จ่าไว้ว่าเจ้าต้องแยกเลือดของสัตว์อสูรระดับสูงและเลือดของสัตว์อสูรระดับกลาง อย่าเอามันมารวมกัน! ”

ก่อนที่เย่เทียนจะจากไป เขาก็กําชับเสี่ยวจินอีกครั้ง

“นายท่าน ข้าเข้าใจแล้ว!”

เสียวจนตอบ

เย่เทียนเองก็อยากพาเสี่ยวจินกลับไปที่ฐานหลินไห่เช่นกัน แต่เสียวจนตัวใหญ่และดุร้ายเกินไป

ไม่ใช่ว่าไม่มีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์อสูรในฐานหลินไห่ บางตระกูลใหญ่ก็มีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์อสูรเช่นกัน แต่สัตว์อสูรเหล่านั้นเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับกลางและไม่ใช่สัตว์อสูรสายพันธุ์พิเศษ อย่างเสือดาวมังกรทอง หากเขานําเสี่ยวจินกลับไปยังฐานหลินไห่ จะต้องสร้างความโกลาหลไม่น้อย

นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของเสี่ยวจีนยังด้อยกว่าเขา ด้วยเหตุนี้เขาจําเป็นต้องปกป้องมันหากนํามันกลับไปยังฐานหลินไห่ มันจะดีกว่าหากให้เสียวจนอยู่ในป่าใบไม้ปลิวต่อไป อย่างน้อยมันก็สามารถช่วยเขารวบรวมเลือดของสัตว์อสูรได้ ในอนาคตเขาไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเลือดของสัตว์อสูรไม่เพียงพอ

เย่เทียนเก็บข้าวของและหยิบเลือดสัตว์อสูรระดับสูงติดตัวไปด้วยประมาณ 100 ชุด และสมุน ไพรอีก 1 ถุง

จากนั้นเขาก็แบกของมากมายและเดินออกจากป่าใบไม้ปลิวภายใต้การคุ้มกันของเสี่ยวจิน

นอกฐานหลินไห่ ห่างออกไปประมาณแปด

ทีมล่ากําลังค้นหาสัตว์อสูรอย่างระมัดระวัง สีหน้าของทุกคนดูจริงจังมาก

ความแข็งแกร่งของทีมนี้ไม่ได้แข็งแกร่งนัก คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงนักรบขั้นปลายเท่านั้น

“ลูกพี่ เจ้าเด็กนั่นแบกของจํานวนมากมายมาด้วย!”

นักรบคนหนึ่งชี้ไปที่ร่างของคนผู้หนึ่งที่เดินอย่างช้าๆ อยู่ไม่ไกล และกล่าวกับหัวหน้าของมันด้วยความตื่นเต้น

หัวหน้าทีมมองไปเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่อายุยังน้อยแต่อยู่ในขั้นนักรบแล้ว

“หัวหน้า เราปล้นมันดีหรือไม่?”

มีคนเอ่ยปากถาม

หัวหน้าทีมครุ่นคิดและลังเลเล็กน้อย

เขาไม่คิดว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งมากนัก เด็กหนุ่มที่อายุยังน้อยเช่นนี้อย่างมากก็คงแค่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตนักรบเท่านั้น

“หัวหน้า คุณกลัวภูมิหลังของเจ้าเด็กคนนี้เหรอ? พวกเราคุ้นเคยนักรบของฐานเขียวเหล็กดี และข้าก็ไม่เคยเห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน มันน่าจะเป็นนักรบจากฐานหลินไห่ ด้วยภูมิหลังของฐานเขียวเหล็ก พวกเรายังต้องกลัวนักรบจากฐานหลินไห่อีกหรือ? ”

“หัวหน้า พวกเราขอแค่ไม่ฆ่ามันก็ไม่มีใครสนใจหรอก อีกอย่างวันนี้พวกเรายังไม่ได้อะไรมาเลย หากพวกเรากลับไปมือเปล่าเช่นนี้มันคงไม่ดีนักหรอกใช่ไหม? ”

ในระหว่างคําเกลี้ยกล่อมของลูกน้อง หัวหน้าทีมก็กัดฟันและพูดว่า “เอาล่ะ เอาอย่างที่พวกเจ้าว่า! ”

อย่างไรก็ตาม พวกเขาเองก็ไม่ได้ทําเรื่องแบบนี้เพียงครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่พวกเขาลงมือพวกเขาจะระมัดระวังตัวมาก เขาเลือกเพียงคนที่ไม่มีภูมิหลังพิเศษ แม้ว่าครั้งนี้จะเสี่ยงอยู่บ้าง แต่หลังจากประสบความสําเร็จแล้ว ย่อมได้กําไรอย่างมหาศาล

ตึก ตึก ตึก!!!

นักรบจากทีมล่าวิ่งเข้าไปล้อมเด็กหนุ่มไว้อย่างรวดเร็ว

“ส่งของทั้งหมดของเจ้ามา!”

กัปตันเอ่ยขึ้น

เด็กหนุ่มคนนี้ก็คือเย่เทียน

ตอนนี้เขารู้สึกแปลกใจมาก คนพวกนี้กล้าดียังไงถึงมาปล้นเขา?

เย่เทียนใช้พลังจิตกวาดมองผ่านๆก็รู้ว่านักรบเหล่านี้แข็งแกร่งอยู่บ้าง พวกเขาคือนักรบที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับทีมล่าหมาป่าวายุ แต่สําหรับเย่เทียนแล้วคนเหล่านี้เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น

“พวกเจ้าจะปล้นข้าจริงๆ หรือ?”

เย่เทียนกล่าวอย่างเย็นชา

“เหลวไหล ถ้าเจ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็เอาของทั้งหมดออกมา!” หัวหน้าทีมข่มขู่อีกครั้งในขณะที่ดาบในมือเปล่งแสงจางๆ นั่นเป็นสัญญาณว่าพลังปราณถูกถ่ายเทเข้าไปในดาบ

เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าทีมนี้กําลังจะลงมือแล้ว!

ในตอนนั้นเอง ดาบของเยเทียนก็ขยับ

นักรบเหล่านี้ไม่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของเย่เทียนได้อย่างชัดเจน พวกเขารู้สึกเจ็บปวดที่ข้อมือและอาวุธของพวกเขาก็ร่วงหล่นลงพื้น

จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น!!!

“อ๊ากกก”

“มือข้า มือขาจะหักแล้ว!”

“ข้า….ข้ายังไม่อยากพิการ!”

เย่เทียนไม่ได้ทําลายมือของพวกมัน เขาแค่ตัดเส้นเอ็นข้อมือของพวกมันเท่านั้น แต่มันก็ส่งผลให้กระดูกข้อมือของพวกมันแตกเป็นเสี่ยงๆ หากเป็นในชีวิตที่แล้วของเขา อาการบาดเจ็บแบบนี้ พวกมันต้องพิการอย่างแน่นอน แต่ในยุคสมัยนี้ ขอเพียงมียารักษาอาการบาดเจ็บ ก็สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลาเท่านั้น

ด้วยอาการบาดเจ็บของนักรบเหล่านี้ พวกเขาจะไม่สามารถบ่มเพาะได้อีกหลายเดือน

หัวหน้าทีมล่าสัตว์อดทนต่อความเจ็บปวดและมองไปที่เย่เทียนด้วยความกลัว

ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาไม่ใช่นักรบธรรมดา แต่เป็นนักรบที่แข็งแกร่งกว่าเขามาก แม้กระทั้งด้านความเร็ว สายตาของเขาก็ยังมองไม่ทัน

นักรบเช่นนี้น่ากลัวมาก!

“บอกข้ามา ตอนนี้ฐานหลินไห่เป็นอย่างไรบ้าง?”

เย่เทียนถาม

เขาไม่ได้กลับมานานกว่าหนึ่งเดือน และต้องการที่จะรู้สถานการณ์ของฐานหลินไห่โดยเร็วที่สุด ซึ่งคนเหล่านี้ควรจะ

ทีมล่าไม่กล้าปิดปาก พวกมันบอกเย่เทียนเกี่ยวกับสิ่งที่เย่เทียนอยากรู้อย่างรวดเร็ว

หลังจากฟังจบ เย่เทียนก็ขมวดคิ้ว

ในช่วงเดือนกว่าๆนี้ ฐานหลินไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก

และยังมีข้อมูลสําคัญอีกอย่างหนึ่ง

ฐานเขี้ยวเหล็กถูกทําลายไปแล้ว!

ใช่แล้ว มันจบสิ้นแล้ว มันถูกสัตว์อสูรบุกทําลาย ผู้คนนับแสนเสียชีวิต มีเพียงหนึ่งแสนคนเท่านั้นที่รอดชีวิตและมายังฐานหลินไห่

และเกือบ 10,000 คนจาก 100,000 คนล้วนเป็นนักรบ และคนอื่นๆก็เป็นครอบครัวของนักรบเหล่านั้น สําหรับคนธรรมดาที่อยู่ในฐานเขียวเหล็กพวกเขาไม่มีโอกาสหลบหนี

ตอนนี้ผู้คนนับแสนจากฐานเขี้ยวเหล็กได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานในฐานหลินไห่ และได้สร้างอาคารขึ้นใหม่อีกจํานวนมากนอกฐานหลินไห่ ที่ตอนนี้กําลังสร้างกําแพงเมืองชั้นนอกอยู่

เห็นได้ชัดว่าฐานเขียวเหล็กพร้อมที่จะใช้สถานที่แห่งนี้เป็นบ้านแห่งใหม่

นอกจากนี้ ตระกูลหลินของฐานหลินไห่และเหล่าผู้อาวุโสของฐานเขียวเหล็กได้บรรลุข้อตกลงกันเพื่อให้คนจากฐานเขียวเหล็กเข้าร่วมฐานหลินไห่ แต่การควบคุมยังคงเป็นของตระกูลหลิน

นักรบจากฐานเขียวเหล็กและคนธรรมดาต่างมีสิทธิ์เช่นเดียวกันกับผู้คนดั้งเดิมของฐานหลิน

“ตระกูลหลินยังคงควบคุมอํานาจ?”

เย่เทียนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

นี่เป็นเพียงอํานาจในนามเท่านั้น ความแข็งแกร่งของตระกูลหลินเมื่อเทียบกับฐานเขียวเหล็กยังห่างชั้นกันมาก ตระกูลหลินจะสามารถควบคุมปรมาจารย์ของฐานเขียวเหล็กได้อย่างไร?

ข้อตกลงนี้เป็นเพียงเรื่องบังหน้าเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วคนที่มีอํานาจที่แท้จริงในตอนนี้ได้กลายเป็นเหล่าผู้นําระดับสูงของฐานเขี้ยวเหล็กอย่างไม่ต้องสงสัย

แน่นอนว่าสําหรับเย่เทียนแล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับเขา

อย่างไรแล้ว เขาก็ไม่มีส่วนร่วมในการแย่งชิงอ่านาจในฐานหลินไห่

บางทีอีกไม่นานเขาอาจพาเหยออกไปจากฐานทัพเล็กๆแห่งนี้

“ไสหัวไป!”

เย่เทียนตะโกนอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินดังนั้นทีมล่ากลุ่มนี้คลานหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะพวกมันกลัวว่าเย่เทียนจะกลับค่า

ตลอดการเดินทางต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น เย่เทียนกลับมาที่ฐานหลินไห่โดยไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีก

ทันทีที่เขาเข้าไปในฐานหลินไห่ เขาก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างไปจากเดิม

จํานวนผู้ฝึกยุทธเพิ่มขึ้นและคนธรรมดาก็มากขึ้นบนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คน

เมื่อถึงบ้าน

“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็กลับมา!”

เมื่อเย่หยุเห็นเย่เทียนเธอรีบวิ่งเข้ามา ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอแสดงออกถึงความคิดถึง

(ตัวประกอบผู้หน้าสงสาร >.<)