“น้องสาว พี่ไม่อยู่เจ้าขี้เกียจหรือไม่?”
เย่เทียนลูบหัวเล็กๆของเย่หยูและถามด้วยความเอ็นดู
“เสี่ยวหยุไม่ได้ขี้เกียจ เสี่ยวหยุพยายามอย่างหนักในการฝึกฝน ตอนนี้น้องมีพละกําลังถึง 300 จินแล้ว! ”
เธอมีพลังถึง 300 จินภายในหนึ่งเดือน ความเร็วนี้ถือว่าเกินกว่าที่เย่เทียนคาดไปมากหากเทียบกับผู้มีพรสวรรค์ระดับกลางคนอื่นๆ
“พี่ไม่อยู่เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่?”
เย่เทียนถามอีกครั้ง
เย่หูส่ายหัว “ไม่มีใครมาหาเรื่องข้า แต่มีคนมาหาพี่ชาย”
“ใคร?”
เย่เทียนขมวดคิ้วและถาม
“ข้าไม่รู้จักเขา แต่ข้าดูหยิ่งยโสมาก ข้าได้ยินมาว่าคนๆนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นอัจฉริยะจากฐานเขียวเหล็ก เขาชื่อ ซุนเฟิง” เย่หยุตอบอีกครั้ง
“ฐานเขี้ยวเหล็ก ซุนเฟิง!”
เย่เทียนแอบจดจําชื่อนี้ไว้
จากนั้นเขาก็วางสมุนไพรและเลือดของสัตว์อสูรระดับสูงไว้ในห้องและออกไปข้างนอกคนเดียว
“ออกมาเถอะ!”
เย่เทียนกล่าวไปยังมุมหนึ่งของบ้าน
พรึบ!
ร่างหนึ่งเดินออกมาจากหัวมุม เป็นนักรบจากทีมล่าหมาป่าวายุ
“คารวะท่านเย่เทียน!”
นักรบผู้นั้นกล่าวด้วยความเคารพ
“พาผมไปหาหัวหน้าของคุณ ผมมีเรื่องจะถามเขา” เย่เทียนต้องการรู้เรื่องราวของซุนเฟิงจากฐานเขียวเหล็ก เขาไม่รู้จักซุนเฟิง แต่ซุนเฟิงกลับมาหาเขาและยังแสดงท่าทางหยิ่งยโส
ในเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เขาจําเป็นต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อน และหมาป่าวายุควรรู้ข้อมูลเล็กน้อย
ไม่นานเย่เทียนก็พบกับหมาป่าวาย
“น้องเย่เทียน ในที่สุดเจ้าก็กลับมา!”
หมาป่าวายุถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเย่เทียน
เย่เทียนไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน เขาคิดว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเย่เทียน
“หมาป่าวายุ ผมได้ยินมาว่าหลังจากที่ผมจากไป ชายที่ชื่อ ซุนเฟิง ได้มาหาข้า?” เย่เทียน
ถามตรงๆ
หมาป่าวายุขมวดคิ้วและพยักหน้า “ถูกต้อง ซุนเฟิงเป็นคนของฐานเขียวเหล็ก และยังเป็นอัจฉริยะของฐานเขียวเหล็กอีกด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่อัจฉริยะของฐานหลินไห่จะเทียบได้ ข้าได้ยินมาว่า พรสวรรค์ของซุนเฟิงคือพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูง และในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาก็ อยู่ในระดับขั้นกลางของนักรบชั้นยอด หลังจากที่คนจากฐานเขียวเหล็กได้เข้าร่วมกับฐานหลินไห่ ซุนเฟิงก็ท้าประลองกับอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของฐานหลินไห่หลายคน อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับกลางหลายคนล้วนพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย แม้แต่นักรบชั้นยอดรุ่นเก่าๆหลายคนก็พ่ายแพ้ให้กับเขา ข้าไม่รู้ว่าเขาได้ยินเรื่องของเจ้ามาจากที่ไหน ถึงทําให้เขามาท้าทายเจ้า แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่อยู่
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
เย่เทียนเข้าใจแล้ว
ตอนแรกเขาคิดว่าคนๆนี้ต้องการสร้างปัญหา แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเพียงแค่การท้าทาย เท่านั้น
“น้องเย่เทียน ระวังตัวด้วย ข้าได้ยินมาว่าซุนเฟิงเป็นคนลงมือหนักมาก คนที่เขาท้าประลอง ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องพักรักษาตัวอีกหลายเดือนกว่าจะหายดี นอกจากนี้เบื้องหลังของเขา ยังมีนักรบผู้เชี่ยวชาญคอยหนุนหลังเขา แม้แต่นักรบชั้นยอดที่แข็งแกร่งกว่าซุนเฟิงก็ไม่กล้าที่จะท้าทายเขา เพราะฉะนั้น เจ้าอยากได้ล่วงเกินเขา” หมาป่าวายเตือน
“ผมเข้าใจ!”
เย่เทียนตอบอย่างไม่ใส่ใจ
เย่เทียนเข้าใจถึงความกังวลของหมาป่าวายุ คนอย่างซุนเฟิงมันท้าทายคนไปทั่วเพื่อแสดงตัวว่ามันเป็นอัจฉริยะ แต่คนที่แข็งแกร่งกว่ามันล้วนไม่กล้าต่อสู้กับมัน เพราะซุนเฟิงมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่านักรบกวนคนอื่นๆจะเอาชนะซุนเฟิงไม่ได้
คนอื่นกลัวซุนเฟิง แต่ไม่ใช่เย่เทียน แม้ว่าซุนเพิ่งจะมีนักรบผู้เชี่ยวชาญอยู่เบื้องหลังแต่มันก็ไม่ใช่คู่มือของเขา
หลังจากแยกจากหมาป่าวายุแล้ว เย่เทียนก็กลับไป
เขาเก็บตัวฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง!
เย่เทียนมีเลือดของสัตว์อสูรระดับสูงมากมาย เขาไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรใดๆ เขารู้สึกได้ถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของพลัง ในการฝึกฝนทุกวัน
การก้าวหน้าเช่นนี้ยิ่งทําให้เย่เทียนต้องการฝึกฝนมากขึ้น
สําหรับเขาแล้วไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าการเพิ่มความแข็งแกร่ง
แต่ไม่นานก็มีคนมารบกวนการฝึกฝนของเย่เทียน
“เย่เทียน ข้ารู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว ไสหัวออกมาสู้กับข้าเดี๋ยวนี้”
เสียงที่หยิ่งยโสดังมาจากนอกบ้าน
เย่เทียนที่กําลังฝึกอยู่ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร?”
เย่เทียนมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เขาเกือบจะเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ แต่เขายังคงถามออกไป
“ซนเฟิง หนึ่งในสี่อัจฉริยะแห่งฐานเขี้ยวเหล็ก เจ้าชื่อเย่เทียนใช่ไหม? ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูง มาประลองกันดีกว่า ว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?” ซุนเฟิงพูดอย่างหยิ่งผยอง
เย่เทียนเข้าใจนิสัยของซุนเฟิงเป็นอย่างดี ถ้าเขาเลือกที่จะปฏิเสธ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่มันจะยิ่งตามตื้อเขามากขึ้น และอาจใช้วิธีสกปรกอีกด้วย
ดังนั้นเย่เทียนจึงจะตอบตกลง และจะทุบตีมันจนไม่กล้าที่จะมายั่วยุเขาอีก
“ต่อตรงการประลองข้าก็จะยอมรับ แต่การประลองธรรมดาๆ น่าเบื่อเกินไป หากข้าเพิ่มการเดิมพันเข้าไป ข้าคงจะสนใจอยู่บ้าง!”
เย่เทียนยิ้มและพูด
“เดิมพัน?” ซุนเฟิงแสดงความสนใจเล็กน้อย “เจ้าอยากเดิมพันด้วยอะไร? ”
“ทักษะดาบระดับทองแดง เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่?” ทันใดนั้นเย่เทียนก็พูดขึ้นมา
“ทักษะดาบระดับทองแดง!!!”
ซุนเพิ่งแสดงความสนใจออกมา
สาหรับทักษะดาบเขาย่อมต้องการมันมาก
“ตกลง ข้าจะนําทักษะดาบระดับทองแดงมาเป็นเดิมพัน!” ซุนเฟิงรีบพูดเพราะกลัวว่าเย่เทียนจะกลับค่า
อย่างไรก็ตามซุนเฟิงไม่รู้เลยว่า ใบหน้าของเยเทียนปรากฏรอบยิ้มบางๆขึ้นหลังจากที่ซุนเฟิงตอบตกลง
มันมีเหตุผลที่เขาสร้างการเดิมพันเช่นนี้ เพราะเย่เทียนสังเกตเห็นพรสวรรค์ของซุนเฟิง
[มนุษย์: ซุนเฟิง
พรสวรรค์ในการฝึกฝน: ระดับสูง
พรสวรรค์ด้านดาบ: ปานกลาง]
ซุนเฟิงมีพรสวรรค์ด้านดาบระดับกลาง แน่นอนว่ามันจะต้องฝึกฝนทักษะดาบ ซึ่งทักษะดาบระดับทองแดงนั้นมีประโยชน์อย่างมากสําหรับเขา นอกจากนี้ด้วยสถานะของซุนเฟิง เขาน่าจะได้รับทักษะดาบระดับทองแดงเช่นกัน
ใครจะรังเกียจทักษะดาบระดับทองแดง ที่ได้รับมาโดยไม่ต้องทําอะไร!
“ในเมื่อเจ้ารับปากแล้ว งั้นก็บอกคุณสมบัติของทักษะที่นํามาเดิมพัน!” ซุนเฟิงแนะนําทักษะ ดาบระดับทองแดงของเขาก่อน “ทักษะดาบระดับทองแดงของข้ามีชื่อว่า ฟาดฟันวายุคราม เป็นทักษะดาบที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ เมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ มันสามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ถึงหกเท่า แม้ว่าข้าจะบรรลุขั้นเชี่ยวชาญแต่ก็สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้สามเท่า! ทักษะดาบระดับทองแดงของเจ้าล่ะคืออะไร? ”
“ที่แท้เป็นทักษะดาบที่เพิ่มพลังโจมตี!!!”
เย่เทียนรู้สึกไม่สงบ
เขาค้นหาทักษะดาบเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาก็ไม่พบมัน คาดไม่ถึงเลยว่าซุนเฟิงจะมีทักษะดาบระดับทองแดงที่เพิ่มพลังโจมตี
เมื่อได้รับทักษะดาบเช่นนี้พลังการต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
“ทักษะดาบระดับทองแดงของข้ามีชื่อว่า เงาสังหาร เป็นทักษะดาบที่เพิ่มความเร็วของดาบ หากฝึกฝนถึงขั้นสมบูรณ์แบบความเร็วของดาบจะเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า นอกจากนี้ทักษะดาบนี้เป็นทักษะในการสังหารที่โจมตีเพียงครั้งเดียว มันยากที่จะป้องกันได้!” เย่เทียนแนะนํา
“ทักษะดาบระดับทองแดงที่เพิ่มความเร็วของดาบ นี่คือทักษะดาบไว ข้ายังขาดทักษะดาบ เช่นนี้ ครั้งนี้ก็ได้กําไรแล้ว!”
ซุนเฟิงคิดว่าทักษะดาบของเย่เทียนกลายเป็นของเขาเรียบร้อย เขามีความมั่นใจในตัวเองมาก โดยไม่คิดเลยว่าจะพ่ายแพ้ให้แก่เย่เทียน
“เราจะไปลองกันเมื่อไหร่?”
เย่เทียนเอ่ยถาม
“ข้าไม่ได้นําทักษะดับระดับทองแดงติดตัวมาด้วย การต่อสู้ระหว่างนักรบชั้นยอดจะสร้างความเสียหายแก่พื้นที่โดยรอบ พวกเราจะประลองกันที่จัตุรัสชุ่ยหมิงพรุ่งนี้เวลา 10.00 น. เจ้าคิดว่า อย่างไร?” ซุนเฟิงเสนอ
“ตงลง!”
เย่เทียนตอบตกลงทันที