บทที่ 165 ส่งไปทางหัวหน้ากองธงกล้วยไม้

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

เจียงซวี่โกรธจัด

กู้ชูหน่วนไม่คิดจะปล่อยเขา พวกเขาเป็นแมวที่หยอกหนู ปั่นหัวเขาเล่น

“อึกๆๆๆ…”

กรอกลงไปอีกสองไห ท้องเจียงซวี่ตึงแน่นเอี๊ยด สมองก็เริ่มมึนทึบ

“เจ้าพูดไม่เป็นคำพูด…อา…”

“เพล้ง…”

กู้ชูหน่วนโยนไหสุรา เอ่ยเสียงเย็น “มีกฎว่าข้าต้องพูดเป็นคำพูดหรือ?”

“เจ้า…เจ้าหลอกข้า!”

“ใช่! ข้าหลอกเจ้านั่นแหละ! สิ่งที่เจ้าทำกับเย่เฟิง ถึงจะใช้บทลงโทษที่โหดเหี้ยมที่สุด ก็ชดเชยสักกึ่งก้อยไม่ได้ อีกอย่าง…แต่ไหนมาข้ากู้ชูหน่วนก็ไม่ใช่คนมีเมตตา!”

เจียงซวี่ยังอยากพูด กู้ชูหน่วนส่งสายตา อี้เฉินเฟยเข้าใจพลัน จี้จุดใบ้ของเขา แลกชุดเขากับเย่เฟิง

กู้ชูหน่วนหัวเราะเย็นชา “วางใจเถอะ ถ้าเจ้าทำตัวดี บางทีหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็อาจจะโปรดปรานเจ้าก็ได้ เจ้าจะได้ไม่ต้องอิจฉาเย่เฟิงอีก เจ้าน่าจะรู้สึกเป็นเกียรติจึงจะถูก”

เจียงซวี่ส่งเสียงอึกๆ อักๆ แต่กลับพูดออกมาไม่ได้สักนิด ได้แต่มองกู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยแบบขอให้ช่วย

หัวหน้ากองธงกล้วยไม้เป็นคนอย่างไรเขารู้ดี เขาไม่อยาก…ไม่อยากเป็นทาสบำเรอ

เมื่อคิดถึงชะตาที่จะต้องเป็นทาสบำเรอแล้ว เจียงซวี่ก็สั่นเทิ้มทั้งตัว แต่กู้ชูหน่วนกับอี้เฉินเฟยไม่ยอมอ่อนให้สักนิด เพียงแต่ประคองเย่เฟิงที่เมามายไปอยู่ข้างหลังฉากบังลม ทิ้งคำพูดประโยคหนึ่ง “วางใจเถอะ คืนนี้เจ้าก็ดื่มด่ำให้เต็มที่ ข้ารับรองได้ว่าก่อนที่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จะเชยชมเจ้า ความเคลื่อนไหวที่พวกเราก่อจะไม่รบกวนเขา”

ว่าแล้วทั้งสามก็หลบซ่อนอยู่หลังฉากบังลม

ประตูหอถูกเปิดออก ที่เข้ามานั้นเป็นฉีโส่วสูงวัยคนหนึ่ง ครั้นเขาโบกมือก็มีคนหามเขาขึ้นทันที แล้วไปทางยอดเขา

เจียงซวี่ขยิบตา คิดจะเตือนเขา แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจสายตาเขาเลย เพียงแต่ให้คนหามเขาไปแบบไม่สนใจ

ในหอกลับคืนสู่ความเงียบ กู้ชูหน่วนออกมายืน

อี้เฉินเฟยมองเจียงซวี่ที่ถูกหามออกไปไกล เอ่ยคำพูดลึกล้ำยากจะคาดเดาประโยคหนึ่ง

“นับแต่นี้ไป ชาตินี้เจียงซวี่ก็เท่ากับถูกทำลายแล้ว หรือว่าเจ้าไม่ตำหนิตัวเองหรือ?”

“ทำไมข้าต้องตำหนิตัวเองด้วย? ตอนที่เขาส่งเย่เฟิงไปสู่ความหายนะเคยนึกตำหนิตัวเองคำนี้ไหม? หรือว่า…ท่านทำใจไม่ได้? หากท่านทำใจไม่ได้อยากช่วยเขา ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ”

“เด็กโง่ ข้ากลัวว่าเจ้าจะกังวลใจ ความเป็นความตายของเจียงซวี่เกี่ยวอะไรกับข้า?” ที่เขาสนใจก็มีแต่นางผู้เดียวมาตลอด

กู้ชูหน่วนประคองเย่เฟิงที่เมามายอ่อนเปียก ทำหน้ามุ่ย “เย่เฟิงเมาหนักขนาดนี้ ทำอย่างไรดี?”

“เขาถูกกรอกเหล้ามากเกินไป ตอนนี้จะให้เขาคืนสติเกรงว่าจะลำบากมาก ได้แต่ให้คนแบกเขาไปแล้ว”

อี้เฉินเฟยดูเวลา

เวลานี้เป็นยามไฮ่ (*21.00-23.00) ใกล้จะถึงยามจื่อแล้ว มีเวลาเหลือให้พวกเขาไม่มาก

“แบบนี้แล้วกัน ข้าจะแปลงโฉมเป็นเจียงซวี่ก่อน ช่วยคนในหอนี้ออกไป เจ้าพาพวกเขาไปรอข้าที่ชั้นหนึ่ง ข้าจะไปช่วยคนอีกสองหอก่อน”

“มั่นใจไหม?”

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้วเล็กน้อย กังวลนิดๆ

ครั้นเห็นความกังวลจากแววตานาง อี้เฉินเฟยก็รู้สึกอบอุ่น

ไม่ว่าจะมีความมั่นใจหรือไม่ การมาครั้งนี้ก็คุ้มค่าแล้ว

“วางใจเถอะ ข้าจัดการเอง เจ้าตามอยู่หลังข้าก็พอ”

“ได้”

ดวงตาทั้งสี่ประสาน ทั้งสองสบตาแล้วยิ้ม ความรู้ใจห้อมล้อมดวงใจของพวกเขา

กู้ชูหน่วนเขย่าเย่เฟิง กระซิบ “เย่เฟิง ถ้าสมองเจ้ายังมีสติอยู่ เจ้าก็กำมือเป็นหมัด”

รออยู่นานเย่เฟิงก็ไม่ไหวติง

แต่ขณะที่ทั้งสองต่างคิดว่าเย่เฟิงหมดสติแล้ว จู่ๆ กลับเห็นมือของเย่เฟิงกำมือเป็นหมัด

ดูท่า…เย่เฟิงแค่เมาจนไร้เรี่ยวแรง ไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียว