บทที่ 537 ไม่มีคนในตำแหน่งนั้น + บทที่ 538 เฆี่ยนด้วยหวายจนตาย

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 537 ไม่มีคนในตำแหน่งนั้น

อู๋เฉินมองเด็กทารกในอ้อมแขนที่ไม่มีท่าทีอิดออดเหมือนกับตอนแรก ดวงตาของชายหนุ่มดูมีความสุข

หนิงเมิ่งเหยามองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ไร้ความรู้สึกเสียอีก

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเปลี่ยนไป” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดเช่นนั้นออกมา

อู๋เฉินตกตะลึงกับคำพูดนั้น ก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าเคยฝันว่าอยากจะมีชีวิตเช่นนี้เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นข้าก็เจอเรื่องเลวร้าย เมื่อคนเรารู้สึกพิเศษกับใคร ก็มักจะเจ็บปวดเสมอ” แม้ว่าจะเป็นชายหนุ่มจอมเจ้าชู้ แต่เมื่อต้องพบเจอกับความเจ็บปวดมาเป็นเวลานาน ก็ต้องหยุดความสำราญใจลงในไม่ช้าเช่นกัน

หนิงเมิ่งเหยาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ

“ในระหว่างนี้ เจ้าพักอยู่ที่นี่ได้เลย จะไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้แน่” ช่วงนี้ หนานกงเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้น หญิงสาวจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด แน่นอนว่าบรรดาข้ารับใช้ย่อมต้องเชื่อฟังนาง

เฉียวเทียนช่างมองหนานกงหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้ามั่นใจเพียงใดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนของผู้สำเร็จราชการแห่งนี้ จะไม่เล็ดลอดออกไปข้างนอก”

หนานกงหมิงตกตะลึง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “หลังจากหลิงฮ่องเต้ละสายตาจากจวนของผู้สำเร็จราชการ พวกสายลับของเขาที่แอบสอดแนมอยู่ในจวนแห่งนี้ก็ถูกพวกเรากำจัดไปทีละคน และเหลืออีกเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังเฝ้าดูอยู่ที่นี่อย่างใกล้ชิด” และตอนนี้ สองคนนั้นก็ไม่อาจลงมือทำอะไรได้ เนื่องจากมีเรื่องราวเกี่ยวโยงกันมากมายนัก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน

หนิงเมิ่งเหยาเคาะนิ้วบนโต๊ะ หากทั้งสองคนนั้นยังอยู่ใกล้ๆ พวกนางก็ไม่อาจมั่นใจได้เลยจริงๆ ว่าจะปลอดภัย

“ถ้าเราหาเหตุผลที่จะสังหารพวกเขาได้เล่า” หญิงสาวมองหนานกงหมิงและเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น

“ข้าจะจัดการให้ขอรับ”

“ถ้าเช่นนั้นก็หาจังหวะจัดการพวกมันเสีย”

เดิมที หนิงเมิ่งเหยาก็ต้องการหาโอกาสฆ่าพวกนางทิ้งอยู่แล้ว

แต่ใครจะคิดว่าคนพวกนั้นจะเข้ามาหาถึงที่ โดยที่หญิงสาวไม่จำเป็นต้องหาโอกาสเองเลย

สายลับทั้งสองคนนั้นเป็นหญิงสาวที่หลิงฮ่องเต้มอบให้หนานกงเยี่ยนเมื่อหลายปีก่อน หญิงสาวทั้งคู่เป็นคนโปรดประจำตระกูลของพวกเขา

แม้ว่าพวกนางจะไม่ใช่คนโปรดในจวนของผู้สำเร็จราชการ แต่หนานกงเยี่ยนก็ทำให้ชีวิตของทั้งคู่ดีงามราวกับอยู่ในเทพนิยายก็ไม่ปาน

หนึ่งวันหลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ กลับมาถึง อนุภรรยาทั้งสองคนนั้นก็เริ่มสร้างปัญหาทันที

ช่วงบ่ายวันนี้ เฉียวเทียนช่างพาหนานอวี่ออกไปจัดการธุระต่างๆ ส่วนหนิงเมิ่งเหยาก็พาลูกชายไปเล่นในสวน แต่แล้วก็มีหญิงสาวในชุดสีแดงเดินเข้ามาพร้อมกับเหล่าข้ารับใช้กลุ่มหนึ่ง

เมื่อพวกนางเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังนั่งอุ้มเด็กน้อยอยู่ในศาลา หญิงสาวคนนั้นก็หรี่ตามอง และเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาอันสวยงามของอีกฝ่าย รวมถึงลูกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนนั้น ดวงตาของสาวชุดแดงก็เผยให้เห็นถึงความอิจฉาริษยาขึ้นมาในทันที

“นางเห็นข้าแล้วไม่ยอมคารวะ ช่างกล้าดีอย่างไรกัน ใครก็ได้ จับนางมาโบยสามสิบครั้งเดี๋ยวนี้” หญิงสาวคนนั้นมีนามสกุลว่าเว่ย และผู้คนต่างเรียกนางว่านางเว่ย แม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะอยู่กับหนานกงเยี่ยนมาหลายปีแล้ว แต่นางก็แทบไม่เจอหน้าเขาเลย

เมื่อนางเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยนั่งอยู่กับลูกชายตัวน้อย จึงเป็นธรรมดาที่นางจะรู้สึกอิจฉาริษยา

หนิงเมิ่งเหยามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพ่นลมทางจมูกอย่างไม่พอใจ “เจ้าคิดจะโบยข้าหรือ”

“ที่นี่คือจวนของผู้สำเร็จราชการ ไม่ใช่สถานที่สำหรับหมาหรือแมวที่ไหนจะเข้ามาเที่ยวเล่นได้ตามใจชอบ” นางเว่ยผงะเมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของอีกฝ่าย ก่อนจะมองกลับอย่างโกรธเคือง นางไม่พอใจนักกับท่าทีของหญิงสาวผู้นี้

ผู้เป็นแม่ลุกขึ้นและส่งลูกชายให้ชิงซวงอุ้มต่อ “ช่วยดูแลเจ้าลิงน้อยด้วย”

“เจ้าเป็นใครหรือ กล้าดีอย่างไรถึงมาพูดจากับข้าเช่นนี้” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างขุ่นเคือง

“ข้าคือภรรยาของนายท่าน”

ท่าทีอันเย็นชาของหนิงเมิ่งเหยาเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะมองนางเว่ยด้วยสีหน้างุนงง “เจ้าบอกว่าตนเองเป็นภรรยาของเขาหรือ ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อน”

“เจ้า…” สีหน้าของอีกฝ่ายดูถมึงทึงเล็กน้อย ข้ารับใช้หลายคนในจวน และคนอื่นๆ ต่างเรียกนางเว่ยและหญิงสาวอีกคนเช่นนั้น

แต่ลึกๆ แล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่าหนานกงเยี่ยนไม่เคยเห็นพวกนางอยู่ในสายตาเลย หนำซ้ำเขายังดูรังเกียจที่พบเจอพวกนางอีกด้วย

หญิงสาวทั้งสองคนได้พบกับหนานกงเยี่ยนแค่ในวันแรกที่พวกนางเข้ามาในจวนแห่งนี้เท่านั้น ส่วนวันอื่นๆ พวกนางก็จะอยู่แต่ในลานบ้านของตนเองและไม่สามารถออกไปไหนได้

บทที่ 538 เฆี่ยนด้วยหวายจนตาย

ก่อนหน้านี้ พวกนางมักจะปลอบใจตนเองว่าสักวันหนึ่ง นายท่านของจวนแห่งนี้จะเห็นความดีและยอมรับพวกนางได้ แต่ตอนนี้นางเว่ยก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะหนานกงเยี่ยนไม่ได้อยู่ในจวนตลอดทั้งปี หรือต่อให้เขาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมาหาหรือแตะต้องตัวพวกนางเลยสักครั้ง

ช่างน่าขำที่แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่พวกนางทั้งสองคนยังไม่เสียพรหมจรรย์เลย

แต่แล้ว หนิงเมิ่งเหยาก็เข้ามาทำลายความฝันในอดีตนั้น นางเว่ยยิ้มอย่างบิดเบี้ยวก่อนพูดขึ้น “นังแพศยา ข้าไม่รู้ว่าเจ้ายั่วยวนนายท่านของข้าได้อย่างไร หนำซ้ำ เจ้ายังมีลูกกับเขาอีกด้วย”

ริมฝีปากของหนิงเมิ่งเหยาและชิงซวงต่างกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ สมองของหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน จริงไหม

เจ้าลิงน้อยมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหนานกงเยี่ยนจริงๆ แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างตากับหลานเท่านั้น สมองของคนผู้นี้คงจะกลวงมากทีเดียว

“ไร้สาระ ชิงเสวี่ย ทำให้นางได้สติเสีย” หนิงเมิ่งเหยามองนางเว่ยและเอ่ยอย่างเยือกเย็น

ชิงเสวี่ยอยากจะทำเช่นนั้นตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาแสดงอำนาจอย่างอวดดีแล้ว แต่นางเพียงยืนนิ่งๆ เพื่อรอคำสั่งจากหนิงเมิ่งเหยาเท่านั้น

นางเว่ยยังไม่ทันจะตอบโต้อะไร ชิงเสวี่ยก็เดินเข้าไปตบหน้านางทันที

ทันใดนั้น ใบหน้าของนางเว่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและมีรอยช้ำ สีหน้าของนางตอนนี้ดูน่าสลดหดหู่ แตกต่างกับหญิงสาวที่ดูสูงส่งเมื่อครู่นี้เสียเหลือเกิน

หนิงเมิ่งเหยามองนางเว่ยด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองหนานกงหมิงที่เพิ่งเดินเข้ามา “ในเมื่อหัวหน้าข้ารับใช้อยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเช่นนั้น ก็ช่วยบอกหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเป็นภรรยาคนนี้ด้วยว่าข้าเป็นใคร จะได้ไม่เข้าใจผิดอีก”

หนานกงหมิงเหลือบมองนางเว่ย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “องค์หญิงได้โปรดอย่าใส่ใจนางเลยพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นแค่หญิงชั้นต่ำในจวนหลังนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงเรียกตนเองเช่นนั้น”

นายน้อยของเขาไม่เคยสนใจในตัวของทั้งสองคนเลย แล้วพวกนางยังกล้าใช้ตำแหน่งที่ตนเองไม่ได้เป็นมาแสดงอำนาจเช่นนี้อีกหรือ ในอดีตนั้น นายน้อยของเขาไม่ได้ใส่ใจและเมินเฉยต่อพวกนาง แต่ทว่าตอนนี้องค์หญิงต้องการจะจัดการกับคนเหล่านี้ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องพูดจารุนแรงแบบนั้น

นางเว่ยเบิกตากว้าง หนานกงหมิงพูดเรื่องอะไรกัน หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้คือลูกสาวที่ลือกันว่าหายตัวไปนานแล้วน่ะหรือ

หลิงฮ่องเต้ได้ออกคำสั่งให้พวกนางหาข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวคนนี้ แม้ว่าจะเป็นข้อมูลเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอรู้ว่านางอยู่ในเมืองเซียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่ตอนนี้ หญิงสาวคนนั้นกลับมาปรากฏตัวตรงหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

“เป็นไปไม่ได้” หากนางคือลูกสาวของหนานกงเยี่ยน ถ้าเช่นนั้นเด็กทารกในอ้อมแขนคนนี้ก็ต้องเป็นหลานชายของเขา

เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองพูดออกไปเมื่อครู่ สีหน้าของนางเว่ยก็ดูบิดเบี้ยวอย่างยิ่ง

หนานกงหมิงเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น “ข้าจะจำนายท่านของข้าไม่ได้เชียวหรือ”

ในจวนของผู้สำเร็จราชการแห่งนี้ มีหัวหน้าข้ารับใช้สามคน และทุกคนต่างจงรักภักดีต่อหนานกงเยี่ยนอย่างมาก พวกเขาสองคนออกตามหานายท่าน ในขณะที่เขาอยู่ในจวนเพื่อจัดการดูแลเรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เหล่าคนชั่วช้าทั้งหลายคิดจะทำ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้ว

หนิงเมิ่งเหยายิ้มขบขัน ขณะมองสีหน้าของนางเว่ยที่ดูตื่นตระหนกราวกับโดนฟ้าผ่า หญิงสาวดูพึงพอใจกับท่าทีของอีกฝ่ายอย่างมาก

“นางเว่ย ไม่สิ ข้าเรียกเจ้าเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเจ้าเป็นเพียงหญิงสาวที่ท่านพ่อไม่สนใจใยดี แต่ก็ยังอวดอ้างว่าตนเองเป็นภรรยาของเขา เจ้าทำตัวจองหองในจวนหลังนี้อย่างภาคภูมิใจ และยังกล้ามีปากเสียงกับคนที่สูงศักดิ์กว่าตนเองอีกด้วย หนานกงหมิง เจ้าคิดว่าข้าควรจะลงโทษนางอย่างไรดี” หนิงเมิ่งเหยาหันหน้ามองหนานกงหมิงที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย

หนานกงหมิงเองก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนจะมองนางเว่ยอย่างเคร่งขรึม

“นางสมควรถูกเฆี่ยนจนตายพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้ากล้าดีอย่างไรกัน” นางเว่ยไม่คาดคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะต้องการทำโทษนางจนถึงแก่ชีวิต

ไม่นะ นางยังเป็นเด็กสาว จะตายเช่นนี้ไม่ได้

“ถ้าเช่นนั้น ก็เริ่มเลย” หญิงสาวมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ

หนิงเมิ่งเหยารังเกียจหญิงสาวที่อวดดีเช่นนี้ที่สุด

“ชิงซวง พาเจ้าลิงน้อยกลับเข้าไปก่อนเถอะ” ทันใดนั้นหญิงสาวจึงหันมาพูดกับชิงซวงที่อยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ชิงซวงพยักหน้าและอุ้มเฉียวโม่ซางออกไป หลังจากนั้นหนิงเมิ่งเหยาก็มองหญิงสาวที่หน้าซีดเผือดตรงหน้า