บทที่ 537 ไม่มีคนในตำแหน่งนั้น
อู๋เฉินมองเด็กทารกในอ้อมแขนที่ไม่มีท่าทีอิดออดเหมือนกับตอนแรก ดวงตาของชายหนุ่มดูมีความสุข
หนิงเมิ่งเหยามองเขาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นางคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ไร้ความรู้สึกเสียอีก
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเปลี่ยนไป” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดเช่นนั้นออกมา
อู๋เฉินตกตะลึงกับคำพูดนั้น ก่อนจะเอ่ยตอบ “ข้าเคยฝันว่าอยากจะมีชีวิตเช่นนี้เหมือนกัน แต่หลังจากนั้นข้าก็เจอเรื่องเลวร้าย เมื่อคนเรารู้สึกพิเศษกับใคร ก็มักจะเจ็บปวดเสมอ” แม้ว่าจะเป็นชายหนุ่มจอมเจ้าชู้ แต่เมื่อต้องพบเจอกับความเจ็บปวดมาเป็นเวลานาน ก็ต้องหยุดความสำราญใจลงในไม่ช้าเช่นกัน
หนิงเมิ่งเหยาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ
“ในระหว่างนี้ เจ้าพักอยู่ที่นี่ได้เลย จะไม่มีผู้ใดรู้เรื่องนี้แน่” ช่วงนี้ หนานกงเยี่ยนไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้น หญิงสาวจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด แน่นอนว่าบรรดาข้ารับใช้ย่อมต้องเชื่อฟังนาง
เฉียวเทียนช่างมองหนานกงหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้ามั่นใจเพียงใดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนของผู้สำเร็จราชการแห่งนี้ จะไม่เล็ดลอดออกไปข้างนอก”
หนานกงหมิงตกตะลึง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม “หลังจากหลิงฮ่องเต้ละสายตาจากจวนของผู้สำเร็จราชการ พวกสายลับของเขาที่แอบสอดแนมอยู่ในจวนแห่งนี้ก็ถูกพวกเรากำจัดไปทีละคน และเหลืออีกเพียงสองคนเท่านั้นที่ยังเฝ้าดูอยู่ที่นี่อย่างใกล้ชิด” และตอนนี้ สองคนนั้นก็ไม่อาจลงมือทำอะไรได้ เนื่องจากมีเรื่องราวเกี่ยวโยงกันมากมายนัก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสงวนท่าทีเอาไว้ก่อน
หนิงเมิ่งเหยาเคาะนิ้วบนโต๊ะ หากทั้งสองคนนั้นยังอยู่ใกล้ๆ พวกนางก็ไม่อาจมั่นใจได้เลยจริงๆ ว่าจะปลอดภัย
“ถ้าเราหาเหตุผลที่จะสังหารพวกเขาได้เล่า” หญิงสาวมองหนานกงหมิงและเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้น
“ข้าจะจัดการให้ขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้นก็หาจังหวะจัดการพวกมันเสีย”
เดิมที หนิงเมิ่งเหยาก็ต้องการหาโอกาสฆ่าพวกนางทิ้งอยู่แล้ว
แต่ใครจะคิดว่าคนพวกนั้นจะเข้ามาหาถึงที่ โดยที่หญิงสาวไม่จำเป็นต้องหาโอกาสเองเลย
สายลับทั้งสองคนนั้นเป็นหญิงสาวที่หลิงฮ่องเต้มอบให้หนานกงเยี่ยนเมื่อหลายปีก่อน หญิงสาวทั้งคู่เป็นคนโปรดประจำตระกูลของพวกเขา
แม้ว่าพวกนางจะไม่ใช่คนโปรดในจวนของผู้สำเร็จราชการ แต่หนานกงเยี่ยนก็ทำให้ชีวิตของทั้งคู่ดีงามราวกับอยู่ในเทพนิยายก็ไม่ปาน
หนึ่งวันหลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ กลับมาถึง อนุภรรยาทั้งสองคนนั้นก็เริ่มสร้างปัญหาทันที
ช่วงบ่ายวันนี้ เฉียวเทียนช่างพาหนานอวี่ออกไปจัดการธุระต่างๆ ส่วนหนิงเมิ่งเหยาก็พาลูกชายไปเล่นในสวน แต่แล้วก็มีหญิงสาวในชุดสีแดงเดินเข้ามาพร้อมกับเหล่าข้ารับใช้กลุ่มหนึ่ง
เมื่อพวกนางเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยากำลังนั่งอุ้มเด็กน้อยอยู่ในศาลา หญิงสาวคนนั้นก็หรี่ตามอง และเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาอันสวยงามของอีกฝ่าย รวมถึงลูกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนนั้น ดวงตาของสาวชุดแดงก็เผยให้เห็นถึงความอิจฉาริษยาขึ้นมาในทันที
“นางเห็นข้าแล้วไม่ยอมคารวะ ช่างกล้าดีอย่างไรกัน ใครก็ได้ จับนางมาโบยสามสิบครั้งเดี๋ยวนี้” หญิงสาวคนนั้นมีนามสกุลว่าเว่ย และผู้คนต่างเรียกนางว่านางเว่ย แม้ว่าหญิงสาวผู้นี้จะอยู่กับหนานกงเยี่ยนมาหลายปีแล้ว แต่นางก็แทบไม่เจอหน้าเขาเลย
เมื่อนางเห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยนั่งอยู่กับลูกชายตัวน้อย จึงเป็นธรรมดาที่นางจะรู้สึกอิจฉาริษยา
หนิงเมิ่งเหยามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเยือกเย็น ก่อนจะพ่นลมทางจมูกอย่างไม่พอใจ “เจ้าคิดจะโบยข้าหรือ”
“ที่นี่คือจวนของผู้สำเร็จราชการ ไม่ใช่สถานที่สำหรับหมาหรือแมวที่ไหนจะเข้ามาเที่ยวเล่นได้ตามใจชอบ” นางเว่ยผงะเมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของอีกฝ่าย ก่อนจะมองกลับอย่างโกรธเคือง นางไม่พอใจนักกับท่าทีของหญิงสาวผู้นี้
ผู้เป็นแม่ลุกขึ้นและส่งลูกชายให้ชิงซวงอุ้มต่อ “ช่วยดูแลเจ้าลิงน้อยด้วย”
“เจ้าเป็นใครหรือ กล้าดีอย่างไรถึงมาพูดจากับข้าเช่นนี้” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างขุ่นเคือง
“ข้าคือภรรยาของนายท่าน”
ท่าทีอันเย็นชาของหนิงเมิ่งเหยาเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะมองนางเว่ยด้วยสีหน้างุนงง “เจ้าบอกว่าตนเองเป็นภรรยาของเขาหรือ ทำไมข้าถึงไม่เคยรู้มาก่อน”
“เจ้า…” สีหน้าของอีกฝ่ายดูถมึงทึงเล็กน้อย ข้ารับใช้หลายคนในจวน และคนอื่นๆ ต่างเรียกนางเว่ยและหญิงสาวอีกคนเช่นนั้น
แต่ลึกๆ แล้ว ทุกคนต่างรู้ดีว่าหนานกงเยี่ยนไม่เคยเห็นพวกนางอยู่ในสายตาเลย หนำซ้ำเขายังดูรังเกียจที่พบเจอพวกนางอีกด้วย
หญิงสาวทั้งสองคนได้พบกับหนานกงเยี่ยนแค่ในวันแรกที่พวกนางเข้ามาในจวนแห่งนี้เท่านั้น ส่วนวันอื่นๆ พวกนางก็จะอยู่แต่ในลานบ้านของตนเองและไม่สามารถออกไปไหนได้
บทที่ 538 เฆี่ยนด้วยหวายจนตาย
ก่อนหน้านี้ พวกนางมักจะปลอบใจตนเองว่าสักวันหนึ่ง นายท่านของจวนแห่งนี้จะเห็นความดีและยอมรับพวกนางได้ แต่ตอนนี้นางเว่ยก็พบว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะหนานกงเยี่ยนไม่ได้อยู่ในจวนตลอดทั้งปี หรือต่อให้เขาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยมาหาหรือแตะต้องตัวพวกนางเลยสักครั้ง
ช่างน่าขำที่แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่พวกนางทั้งสองคนยังไม่เสียพรหมจรรย์เลย
แต่แล้ว หนิงเมิ่งเหยาก็เข้ามาทำลายความฝันในอดีตนั้น นางเว่ยยิ้มอย่างบิดเบี้ยวก่อนพูดขึ้น “นังแพศยา ข้าไม่รู้ว่าเจ้ายั่วยวนนายท่านของข้าได้อย่างไร หนำซ้ำ เจ้ายังมีลูกกับเขาอีกด้วย”
ริมฝีปากของหนิงเมิ่งเหยาและชิงซวงต่างกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ สมองของหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน จริงไหม
เจ้าลิงน้อยมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหนานกงเยี่ยนจริงๆ แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างตากับหลานเท่านั้น สมองของคนผู้นี้คงจะกลวงมากทีเดียว
“ไร้สาระ ชิงเสวี่ย ทำให้นางได้สติเสีย” หนิงเมิ่งเหยามองนางเว่ยและเอ่ยอย่างเยือกเย็น
ชิงเสวี่ยอยากจะทำเช่นนั้นตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาแสดงอำนาจอย่างอวดดีแล้ว แต่นางเพียงยืนนิ่งๆ เพื่อรอคำสั่งจากหนิงเมิ่งเหยาเท่านั้น
นางเว่ยยังไม่ทันจะตอบโต้อะไร ชิงเสวี่ยก็เดินเข้าไปตบหน้านางทันที
ทันใดนั้น ใบหน้าของนางเว่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและมีรอยช้ำ สีหน้าของนางตอนนี้ดูน่าสลดหดหู่ แตกต่างกับหญิงสาวที่ดูสูงส่งเมื่อครู่นี้เสียเหลือเกิน
หนิงเมิ่งเหยามองนางเว่ยด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองหนานกงหมิงที่เพิ่งเดินเข้ามา “ในเมื่อหัวหน้าข้ารับใช้อยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเช่นนั้น ก็ช่วยบอกหญิงสาวที่เรียกตัวเองว่าเป็นภรรยาคนนี้ด้วยว่าข้าเป็นใคร จะได้ไม่เข้าใจผิดอีก”
หนานกงหมิงเหลือบมองนางเว่ย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “องค์หญิงได้โปรดอย่าใส่ใจนางเลยพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นแค่หญิงชั้นต่ำในจวนหลังนี้ มีสิทธิ์อะไรถึงเรียกตนเองเช่นนั้น”
นายน้อยของเขาไม่เคยสนใจในตัวของทั้งสองคนเลย แล้วพวกนางยังกล้าใช้ตำแหน่งที่ตนเองไม่ได้เป็นมาแสดงอำนาจเช่นนี้อีกหรือ ในอดีตนั้น นายน้อยของเขาไม่ได้ใส่ใจและเมินเฉยต่อพวกนาง แต่ทว่าตอนนี้องค์หญิงต้องการจะจัดการกับคนเหล่านี้ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะต้องพูดจารุนแรงแบบนั้น
นางเว่ยเบิกตากว้าง หนานกงหมิงพูดเรื่องอะไรกัน หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้คือลูกสาวที่ลือกันว่าหายตัวไปนานแล้วน่ะหรือ
หลิงฮ่องเต้ได้ออกคำสั่งให้พวกนางหาข่าวสารทุกอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวคนนี้ แม้ว่าจะเป็นข้อมูลเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอรู้ว่านางอยู่ในเมืองเซียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรนัก แต่ตอนนี้ หญิงสาวคนนั้นกลับมาปรากฏตัวตรงหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“เป็นไปไม่ได้” หากนางคือลูกสาวของหนานกงเยี่ยน ถ้าเช่นนั้นเด็กทารกในอ้อมแขนคนนี้ก็ต้องเป็นหลานชายของเขา
เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองพูดออกไปเมื่อครู่ สีหน้าของนางเว่ยก็ดูบิดเบี้ยวอย่างยิ่ง
หนานกงหมิงเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น “ข้าจะจำนายท่านของข้าไม่ได้เชียวหรือ”
ในจวนของผู้สำเร็จราชการแห่งนี้ มีหัวหน้าข้ารับใช้สามคน และทุกคนต่างจงรักภักดีต่อหนานกงเยี่ยนอย่างมาก พวกเขาสองคนออกตามหานายท่าน ในขณะที่เขาอยู่ในจวนเพื่อจัดการดูแลเรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เหล่าคนชั่วช้าทั้งหลายคิดจะทำ และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกแล้ว
หนิงเมิ่งเหยายิ้มขบขัน ขณะมองสีหน้าของนางเว่ยที่ดูตื่นตระหนกราวกับโดนฟ้าผ่า หญิงสาวดูพึงพอใจกับท่าทีของอีกฝ่ายอย่างมาก
“นางเว่ย ไม่สิ ข้าเรียกเจ้าเช่นนั้นไม่ได้ เพราะเจ้าเป็นเพียงหญิงสาวที่ท่านพ่อไม่สนใจใยดี แต่ก็ยังอวดอ้างว่าตนเองเป็นภรรยาของเขา เจ้าทำตัวจองหองในจวนหลังนี้อย่างภาคภูมิใจ และยังกล้ามีปากเสียงกับคนที่สูงศักดิ์กว่าตนเองอีกด้วย หนานกงหมิง เจ้าคิดว่าข้าควรจะลงโทษนางอย่างไรดี” หนิงเมิ่งเหยาหันหน้ามองหนานกงหมิงที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย
หนานกงหมิงเองก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนจะมองนางเว่ยอย่างเคร่งขรึม
“นางสมควรถูกเฆี่ยนจนตายพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากล้าดีอย่างไรกัน” นางเว่ยไม่คาดคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาจะต้องการทำโทษนางจนถึงแก่ชีวิต
ไม่นะ นางยังเป็นเด็กสาว จะตายเช่นนี้ไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น ก็เริ่มเลย” หญิงสาวมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ
หนิงเมิ่งเหยารังเกียจหญิงสาวที่อวดดีเช่นนี้ที่สุด
“ชิงซวง พาเจ้าลิงน้อยกลับเข้าไปก่อนเถอะ” ทันใดนั้นหญิงสาวจึงหันมาพูดกับชิงซวงที่อยู่ด้านหลังด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ชิงซวงพยักหน้าและอุ้มเฉียวโม่ซางออกไป หลังจากนั้นหนิงเมิ่งเหยาก็มองหญิงสาวที่หน้าซีดเผือดตรงหน้า