บทที่ 539 กล้าคิดที่จะเล่นแง่ + บทที่ 540 เจ้ามีกองทัพให้ข้ากี่คน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 539 กล้าคิดที่จะเล่นแง่

“เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้ หลิงฮ่องเต้ต้องไม่ยอมแน่ ” นางเว่ยต้องการเอาชีวิตรอด จึงไม่สนใจอะไรอีกต่อไป ตอนนี้ นางยังอ้างถึงหลิงฮ่องเต้อีกด้วย แต่นางไม่รู้หรือว่าราชวงศ์ของเมืองหลิงนั้นไม่ลงรอยกับจวนของผู้สำเร็จราชการ

หนิงเมิ่งเหยาเดินไปตรงหน้าของนางเว่ย ก่อนจะเชิดคางเพื่อบังคับให้นางเงยหน้าขึ้นมอง

“รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างแผ่วเบา

“จวนของผู้สำเร็จราชการ” หลังจากตอบคำถามจบ นางเว่ยก็ตระหนักได้ว่าตนเองช่างโง่เขลานัก สีหน้าของนางบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเก่า

“ถ้าเช่นนั้น ก็หมายความว่าเจ้ารู้ แต่ก็ยังช่วยเหลือหลิงฮ่องเต้เก็บรวบรวมข้อมูลจากจวนแห่งนี้อีก หลิงฮ่องเต้มอบอะไรเป็นรางวัลให้เจ้าหรือ หืม” น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไปในทันที นางไม่อาจเป็นสายลับได้เลยจริงๆ

ร่างกายของนางเว่ยสั่นเทิ้มไปทั่ว นางรู้สึกเสียใจอย่างมาก หากนางไม่พูดเช่นนั้นออกไป ก็คงจะพอมีโอกาสรอดชีวิตอยู่บ้าง

“ข้า…ไม่ได้ทำ”

“ไม่ได้ทำหรือ หากไม่มีผลประโยชน์อะไร แล้วเจ้ายังอยากอยู่เป็นหม้ายที่นี่หลายปีเช่นนี้หรือ เจ้าคิดว่าพวกเราโง่เหมือนกับเจ้าหรืออย่างไรกัน” หนิงเมิ่งเหยาเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งขึ้นในทันที

เดิมที หนานกงหมิงเคยคิดว่าหญิงสาวที่เติบโตมาในชนบทตั้งแต่ยังเด็กแบบนาง จะไม่สามารถตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะสูญเปล่า

“หนานกงหมิง ข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นคนจัดการนาง เจ้ารีดข้อมูลต่างๆ ออกจากปากของนางโดยวิธีใดก็ได้ แต่ถ้าหากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็สามารถถามชิงซวงได้เลย นางยินดีช่วย” หนิงเมิ่งเหยาพูดอย่างมีเลศนัย

ทั้งชิงเสวี่ยและชิงจู๋ต่างก็มองนางเว่ยอย่างมุ่งร้าย

‘ให้ชิงซวงช่วยหรือ’ พวกนางทำได้เพียงไว้อาลัยแก่หญิงผู้นี้เท่านั้น เพราะแม้แต่ชายหนุ่มร่างกายกำยำยังไม่อาจทนทานต่อฝีมือของชิงซวงได้เลย นับประสาอะไรกับหญิงสาวบอบบางที่ไม่เคยลำบากมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นเหล่าองครักษ์เงาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด รวมถึงหน่วยกล้าตาย เมื่อคนเหล่านั้นต้องตกอยู่ในน้ำมือของชิงซวง สภาพของพวกเขานั้นก็ดูราวกับถูกทารุณกรรมอย่างไม่มีชิ้นดี

หนานกงหมิงมองแววตาของชิงเสวี่ยและชิงจู๋แล้วรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุก เขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับสองคนนี้ใช่หรือไม่

“องค์หญิง ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอตัวพ่ะย่ะค่ะ” เขาคิดอะไรไม่ออก จึงรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ไปเถอะ”

ขณะที่นางเว่ยถูกเหล่าข้ารับใช้พาตัวออกไป สีหน้าของนางดูสิ้นหวังอย่างมาก นอกจากนี้สาวใช้ที่ติดตามนางเว่ยมา ก็มีสีหน้าน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มคนที่คิดจะทำร้ายหนิงเมิ่งเหยา

หญิงสาวมองเหล่าข้ารับใช้ที่คุกเข่าบนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

“จัดการพวกนาง”

คนเหล่านี้ย่อมเป็นคนไม่ดี

เมื่อบรรดาข้ารับใช้ได้ยินคำสั่งของหญิงสาว สีหน้าพวกนางก็เปลี่ยนไปในทันที หนึ่งในนั้นมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความขลาดกลัว “องค์หญิงเพคะ นางบังคับให้พวกหม่อมฉันต้องทำเช่นนี้เพคะ”

หนิงเมิ่งเหยามองหญิงสาวที่รีบแสดงความจงรักภักดีคนนั้นด้วยรอยยิ้ม “เฆี่ยนนาง และซักถามกับนางเพียงแค่คนเดียว”

หญิงสาวคนนั้นพึมพำ “หมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าแค่ดูมีพิรุธ ข้าเลยอยากทำให้มันชัดเจน” หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเมื่อครู่นี้

“ข้าไม่ได้…”

“เรียกตัวเองว่า ‘ข้า’ กับองค์หญิง เจ้ากล้าดีอย่างไรกัน” ชิงจู๋ตวาดด้วยความโกรธเคือง

สีหน้าของข้ารับใช้คนนั้นเปลี่ยนไปทันที นางมองชิงจู๋ ก่อนจะก้มหน้าลงและหยุดพูด ไม่ว่าจะมองท่าทีของนางอย่างไร ก็ดูไม่เหมือนกับข้ารับใช้เลยแม้แต่น้อย

หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าอีกฝ่ายมิได้หวาดกลัว และเห็นได้ชัดว่า นางไม่คิดว่าหญิงสาวนั้นเป็นคนพูดจริงทำจริง

บางที ในสายตาของข้ารับใช้ อาจจะมองว่าหนิงเมิ่งเหยาเพียงแค่ลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีหรืออาจจะใช้วิธีอื่นๆ แล้วก็จบปัญหากันไป

หนิงเมิ่งเหยามองหน้าสาวใช้ที่ดูไม่หวาดกลัว ก่อนจะพูดอย่างเย้ยหยัน “ชิงจู๋ ส่งตัวนางให้ชิงซวง ตราบใดที่เราได้ข้อมูลที่ต้องการ ชีวิตของนางผู้นี้ก็ไม่สำคัญอะไร”

“เจ้าค่ะ” ชิงจู๋มองข้ารับใช้คนนั้นด้วยแววตาเหยียดหยาม ก่อนจะลากนางไปหาชิงซวง

ขณะนั้นเอง ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่านางจะมีชีวิตรอดกลับมาอีกหรือไม่

เมื่อสาวใช้คนนั้นเห็นแววตาของชิงจู๋ ก็สัมผัสได้ถึงลางร้าย จากนั้นนางจึงเริ่มดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด

“รู้หรือไม่ว่าเรื่องร้ายแรงที่สุดที่เจ้าทำก็คือการเล่นแง่ต่อหน้าองค์หญิงอย่างไรเล่า”

บทที่ 540 เจ้ามีกองทัพให้ข้ากี่คน

ชิงซวงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าชิงจู๋เดินเข้ามาพร้อมกับลากหญิงสาวคนหนึ่งมาด้วย “เจ้ามาทำอะไรหรือ”

“คุณหนูต้องการให้เจ้าจัดการกับคนๆ นี้ คุณหนูอยากได้ข้อมูลจากนาง โดยไม่สนว่าจะเป็นหรือตาย” ชิงจู๋มองสาวใช้ที่เริ่มเหงื่อตกด้วยแววตาเย็นชา

ชิงซวงผงกศีรษะ “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ส่วนเจ้าก็ไปดูแลนายน้อยเถอะ” ชิงซวงเอ่ยพลางลากหญิงสาวไปในห้องที่อยู่ตรงสุดทางเดิน

จากนั้น ชิงจู๋ที่กำลังดูแลเฉียวโม่ซางอยู่อีกห้องหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงคร่ำครวญดังออกมาเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าหลังจากที่ชิงซวงอยู่กับหนานอวี่ นางก็ยิ่งโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น

ผ่านไปเพียงสองก้านธูป ชิงซวงก็เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เมื่อชิงจู๋เห็นเช่นนั้น ก็เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “เป็นอย่างไรบ้าง”

“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ชิงซวงหยิบกระดาษที่เต็มไปด้วยน้ำหมึกออกมากองหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามันเต็มไปด้วยเนื้อหาและข้อมูลที่อัดแน่น

“ไปหาคุณหนูด้วยกันเถอะ”

“แล้วนายน้อยเล่า”

“เขาตื่นแล้วและกำลังเล่นอยู่บนเตียง” ชิงจู๋พูดอย่างไร้ทางเลือก

นางไม่เคยเห็นเด็กที่เลี้ยงง่ายขนาดนี้มาก่อน ทุกครั้งที่นายน้อยตื่นนอน เขาจะเล่นบนเตียงอยู่คนเดียว โดยที่ไม่ร้องไห้งอแง ยกเว้นตอนที่หิวหรือรู้สึกหงุดหงิดเท่านั้น

“ไปกันเถอะ”

ชิงจู๋เดินกลับเข้าไปในจวนและอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ก่อนจะเดินไปที่สวนด้วยกัน เมื่อมาถึง ก็พบว่าหนิงเมิ่งเหยายังคงมองดูกลุ่มคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของนาง

พวกเขานั่งคุกเข่าอยู่เป็นเวลาสองก้านธูปแล้ว บรรดาแม่บ้านหลายคนต่างเป็นลมกันไปหมด แต่ทว่าหนิงเมิ่งเหยายังคงมองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่นางเว่ยถูกจับไปแล้ว หญิงชราที่เป็นข้ารับใช้ก็ไม่กล้ายุแหย่หนิงเมิ่งเหยาอีกต่อไป

ตอนนี้แม้หญิงสาวกำลังยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรนาง

ขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกหวาดผวา ชิงซวงและชิงจู๋ก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กน้อยในอ้อมแขน “คุณหนู เราได้ข้อมูลมาแล้วเจ้าค่ะ”

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะยื่นมือไปรับกระดาษจากชิงซวงและอ่านมันอย่างละเอียด

หลังจากอ่านจบ นางก็หน้านิ่วคิ้วขมวด “เรียกหนานกงหมิงมาที่นี่ มาดูว่าเขาได้ข้อมูลอะไรบ้าง” หากเขาได้ข้อมูลที่แตกต่างจากกระดาษกองนี้ นั่นหมายความว่าคนพวกนี้ช่างกล้าหาญไม่เบา

เมื่อชิงจู๋กำลังจะเดินไป ก็พบว่าหนานกงหมิงนั้นเดินเข้ามาพอดี ท่าทีของเขาดูเคร่งเครียด ราวกับว่ามีข่าวร้าย

“อ่านข้อมูลในนี้ก่อนเถิด” ก่อนที่หนานกงหมิงจะพูดอะไร หนิงเมิ่งเหยาก็ยื่นกระดาษกองนั้นให้กับเขา

หลังจากอ่านจบ หนานกงหมิงก็ตกใจ

ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากที่ใดกัน เขาไม่ได้รับรู้ข้อมูลพวกนี้เลยแม้แต่น้อย

“ดูเหมือนว่าในจวนผู้สำเร็จราชการแห่งนี้ อนุภรรยาสองคนนั้นจะไม่ใช่ตัวเดินหมากที่แท้จริงของคนพวกนั้น แต่เป็นข้ารับใช้ที่อยู่รอบข้างพวกนางต่างหาก” หนิงเมิ่งเหยาชื่นชมกับแผนการของหลิงฮ่องเต้ ที่เขาเบี่ยงเบนความสนใจให้คนในจวนผู้สำเร็จราชการระแวดระวังเพียงอนุภรรยาสองคนนั้น แต่แท้จริงแล้ว กลับส่งสายลับที่ได้รับการฝึกฝนมาสืบค้นในจวนแห่งนี้แทน

ช่างเป็นแผนการอันแยบยลยิ่งนัก

“องค์หญิง แล้วตอนนี้ เราควรจะทำเช่นไรกันต่อพ่ะย่ะค่ะ”

“เราจะทำอะไรน่ะหรือ ก็ไปจับตัวคนที่อยู่ในรายชื่อนี้มาอย่างไรเล่า” หนิงเมิ่งเหยาออกคำสั่ง

หลังจากได้รับคำสั่ง หนานกงหมิงก็เริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

หนิงเมิ่งเหยามองหนานกงหมิงจากไป จากนั้นนางก็ไล่อ่านข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง

หลังจากที่อ่านข้อมูลต่างๆ หนิงเมิ่งเหยาก็กระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จับกุมทุกคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหญิงคนนั้น”

“พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากหนิงเมิ่งเหยาออกคำสั่ง เฉียวเทียนช่างและหนานอวี่ก็กลับมาด้วยเนื้อตัวที่ชุ่มเหงื่อ

หญิงสาวตกตะลึงก่อนเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น”

“เมืองหลิงเอาประชาชนของเมืองเซียว มาขู่ทหารของพวกเรา” เฉียวเทียนช่างบอกข่าวที่ตนเองเพิ่งรู้มาอย่างสั้นกระชับ

หนิงเมิ่งเหยาตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “เป็นไปไม่ได้”

“ข้ารู้ พวกเขาเป็นพ่อค้า ผู้คนรวมถึงนายน้อยบางคนแห่งเมืองเซียวไม่อาจออกมาจากเมืองหลิงได้” เฉียวเทียนช่างขบฟันกรอดขณะอธิบาย หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี เขาก็กังวลว่ามันจะทำลายชื่อเสียงของเมืองเซียว

“เจ้าคิดจะทำอย่างไรหรือ” เมื่อหญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาของสามี ก็รู้ได้ว่าเขาต้องการจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเป็นแน่

“เหยาเหยา เจ้ามีกองทัพให้ข้าสักกี่คนหรือ”