บทที่ 541 เหล่าองครักษ์ผู้แข็งแกร่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสีหน้าจริงจังเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเขาหวงแหนเมืองเซียวมากแค่ไหน
“รอให้หนานกงหมิงกลับมาก่อน แล้วค่อยถามเขาว่าในจวนผู้สำเร็จราชการ มีกองทัพกี่คนที่พอจะพึ่งพาได้ ข้าจะยกกำลังพลเหล่านั้นให้กับเจ้า อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่จะได้ก่อนวันพรุ่งนี้เช้าอย่างแน่นอน” หญิงสาวคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม แววตาเผยให้เห็นถึงความพึงพอใจ จากนั้นเขาจึงตอบกลับว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าก็สบายใจ”
“เจ้าจะยกกำลังพลไปช่วยเหลือพวกเขาหรือ” หนิงเมิ่งเหยารู้จักสามีดี นางจึงคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก
เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะและขมวดคิ้วด้วยความกังวลเล็กน้อย “มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หากเรื่องยังไม่จบ ข้าก็ไม่มั่นใจนักว่าจะมีประชาชนของเมืองเซียวต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเมืองหลิงอีกกี่คน”
“เจ้าจัดการเรื่องนี้เถอะ ข้าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่” ดูเหมือนว่านี่ยังไม่ถึงขีดจำกัดของเมืองหลิง มิฉะนั้น พวกเขาจะมีเวลาทำเรื่องไร้สาระเหล่านี้ได้อย่างไรกัน
เฉียวเทียนช่างโอบกอดภรรยา ก่อนจะก้มลงมาหอมแก้ม และยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยขอบคุณนาง
คำพูดของเขาช่างเรียบง่ายแต่แฝงความหมายไว้มากมายนัก หญิงสาวจึงยอมรับคำขอบคุณนั้นอย่างเงียบๆ
“แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ” จริงๆ แล้ว หนิงเมิ่งเหยาไม่ชอบให้สามีพูดขอบคุณกับตน เพราะรู้สึกว่ามันทำให้นางกับเขาดูห่างเหินกัน
เฉียวเทียนช่างยิ้มและผงกศีรษะ “ตกลง ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน หนานกงหมิงก็มาถึงพร้อมกับนำองครักษ์ประมาณยี่สิบคนเข้ามา ทุกคนต่างมีสีหน้างุนงง เพราะไม่รู้เลยว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกรวมตัวมาอยู่ที่นี่
หนิงเมิ่งเหยาคร้านที่จะเอ่ยถามทีละคน นางจึงหันไปออกคำสั่งกับชิงซวงแทน “ชิงซวง ข้ามอบหมายให้เจ้าและหนานอวี่จัดการกับคนพวกนี้ ข้าต้องการจะรู้ข้อมูลทุกอย่างโดยเร็วที่สุด”
“เจ้าค่ะคุณหนู ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราได้เลย” ชิงซวงผงกศีรษะพร้อมรอยยิ้ม หนานกงหมิงรู้สึกประหลาดใจแต่มิได้ซักไซ้อะไรนัก
หลังจากชิงซวงและหนานอวี่จากไปพร้อมกับคนกลุ่มนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็มองหนานกงหมิงด้วยท่าทีจริงจัง “หนานกงหมิง หากข้ามอบหมายให้เจ้าเป็นคนนำกองทัพไปสู้รบที่เมืองหลิง เจ้ายินดีที่จะเข้าร่วมกับพวกเราหรือไม่” แม้ว่าหญิงสาวเคยถามคำถามนี้มาก่อนแล้ว แต่นางก็อดถามอีกครั้งไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
หนานกงหมิงมองตรง โดยไม่หลบสายตาของหญิงสาว “เมืองหลิงเจริญมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะนายท่านของข้า และเขาไม่เคยสั่งให้พวกเราลงมือโจมตีเมืองหลิง แต่ตอนนี้ หลิงฮ่องเต้กลับคิดไม่ซื่อ ดังนั้นพวกเราจึงต้องลงมือขอรับ”
หลิงฮ่องเต้ต้องการจะยึดอำนาจของหนานกงเยี่ยนมาเป็นเวลานาน และคนพวกนั้นยังแอบลักลอบโจมตีพวกเขาหลายครั้ง แต่หนานกงเยี่ยนกลับสั่งว่าอย่าตอบโต้ พวกเขาจึงทำได้แค่รอคอยอย่างทุกข์ใจจนถึงตอนนี้ และหลังจากที่มีข่าวเรื่องการหายตัวเกิดขึ้น ทำให้ในที่สุด หลิงฮ่องเต้ก็วางแผนลงมือกับจวนผู้สำเร็จราชการจนได้
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทนนิ่งเฉยต่อเมืองที่ฮ่องเต้คิดจะทำลายพวกเขาอีกต่อไป
แม้ว่าหนานกงหมิงจะไม่ตอบคำถามของหนิงเมิ่งเหยาอย่างตรงไปตรงมา แต่หญิงสาวก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร เขาต้องการจะสื่อว่า ในเมื่อคนพวกนั้นลงมือกับพวกเราก่อน ดังนั้นพวกเราจึงต้องตอบโต้กลับ เหมือนกับเป็นการแลกเปลี่ยนกันก็ว่าได้
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างพึงพอใจ “ส่งตัวพลทหารที่เจ้าคิดว่าเชื่อใจได้ให้กับเทียนช่าง”
“ขอรับ”
หนานกงหมิงผิวปากเพื่อส่งสัญญาณเป็นเสียงสั้นๆ สามครั้ง ตามด้วยเสียงยาวๆ อีกสองครั้ง
หลังจากผิวปาก หนานกงหมิงก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวกำลังมองเขาอย่างคลางแคลงใจ เขาจึงอธิบาย “ที่หลิงฮ่องเต้โจมตีจวนแห่งนี้เป็นหลัก นั่นก็เพราะเหล่าองครักษ์ที่แข็งแกร่งของท่านผู้สำเร็จราชการขอรับ”
“หืม”
“มันคือกองทัพจำนวนหมื่นคน พวกเขาได้รับการฝึกฝนจากนายท่านเป็นการส่วนตัว และคนกลุ่มนั้นก็หลบซ่อนตัวมากว่าสิบปีแล้ว หลิงฮ่องเต้ส่งคนมาจับตาดูคนกลุ่มนั้นเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์” นอกจากนี้ หลิงฮ่องเต้ยังหวาดกลัวต่อกองกำลังนี้ เขาจึงไม่ยอมลงมือก่อน แต่กลับส่งสายลับจำนวนมากมาสืบข่าวแทน
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างเข้าใจ “ถ้าเช่นนั้น เราก็สามารถใช้งานกองทัพทั้งหมื่นคนเหล่านี้ได้ใช่หรือไม่”
“ขอรับ แต่ทว่าตั้งแต่มีข่าวเรื่องการหายตัวไปของนายท่าน เหล่าหัวหน้าข้ารับใช้ส่วนใหญ่ต่างก็ออกตามหาเขา ทำให้ตอนนี้อาจจะมีคนหลงเหลืออยู่เพียงห้าพันคนเท่านั้นขอรับ” เมื่อเอ่ยถึงนายท่านของพวกเขา หนานกงหมิงก็รู้สึกเป็นกังวลจนหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเห็นได้ชัด
หนิงเมิ่งเหยาหันไปถามเฉียวเทียนช่าง “ห้าพันคนเพียงพอหรือไม่”
บทที่ 542 นางอยู่ในจวนของผู้สำเร็จราชการแล้ว
“เพียงพอแล้ว” เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับทหารของผู้สำเร็จราชการแห่งเมืองหลิงมาก่อน พวกเขาทุกคนต่างช่ำชองในการต่อสู้เป็นกลุ่ม แม้จะไม่อาจพูดได้ว่าพวกเขาต่อสู้แบบหนึ่งต่อร้อยได้ แต่ก็สามารถสู้กับศัตรูแบบหนึ่งต่อสิบได้อย่างแน่นอน
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “หนานกงหมิง บอกนักรบเหล่านั้นด้วยว่า เมื่อถึงเวลาสู้รบ พวกเขาจะต้องกลายเป็นปรปักษ์กับเมืองหลิง” ทั้งนี้ เพราะพวกเขาต่างมีหน้าที่ที่ต้องปกป้องเมืองหลิง
หนานกงหมิงพยักหน้า “องค์หญิงโปรดวางใจในเรื่องนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ ข้าต้องขอรบกวนนายน้อยให้ตามข้ามาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เทียนช่าง พวกเจ้าทุกคนออกเดินทางกันก่อนเถอะ ข้าไม่เป็นไร”
เฉียวเทียนช่างรับรู้ ก่อนจะบอกให้ภรรยาและคนอื่นๆ ดูแลตัวเอง เดิมทีชายหนุ่มคิดจะให้หนานอวี่คอยอยู่ดูแลพวกนาง แต่เขาบอกว่าตอนนี้ ชิงซวงเข้าใจเรื่องกู่พิษมากขึ้นระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงไว้ใจให้นางดูแลหนิงเมิ่งเหยา
เมื่อเฉียวเทียนช่างได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่คัดค้าน และพาเขาไปด้วย ก่อนจะจากไปพร้อมกับหนานกงหมิง
หลังจากที่พวกเขาจากไป หนิงเมิ่งเหยาก็เอามือเท้าคางและมองสวนที่มีดอกไม้เบ่งบาน
อู๋โยว เดินเข้ามาหาและเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี “แผนการของเจ้าค่อนข้างเปราะบางนัก” ในตอนแรกนั้น ชายผู้นี้อยู่ตรงสวนหลังบ้าน แต่เพราะมีเสียงดังมากเกินไป เขาจึงเดินออกมาดู
หนิงเมิ่งเหยาผายมือให้อู๋โยวนั่งลง ก่อนจะเห็นว่าเขากำลังมองเด็กน้อย หญิงสาวรู้สึกพูดไม่ออก แต่ก็ยื่นลูกชายของตนให้อีกฝ่ายอุ้ม “ในเมื่อเจ้าชอบเด็กมากขนาดนี้ เจ้าก็ควรจะมีลูกสักคนนะ”
“ข้าเป็นผู้ชาย ไม่อาจคลอดบุตรได้หรอก” อู๋โยวเอ่ยพลางทำสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าคลอดลูกเอง ข้าหมายถึงให้เจ้าแต่งงานกับหญิงสาวสักคน และให้นางเป็นคนคลอดลูกให้เจ้าต่างหากเล่า” หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่อู๋โยว ราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเคยพยายามจะตั้งครรภ์มาก่อนหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ด้วยแล้ว’
อู๋โยวผงะ จากนั้นก็ยิ้มและส่ายหน้า “เราค่อยคุยเรื่องนี้กันภายหลังเถิด”
เมื่อหญิงสาวเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเช่นนั้น ก็ไม่พูดอะไรต่อ เขามีปมในใจที่ต้องแก้ด้วยตนเอง นางเป็นเพียงคนนอก ต่อให้พูดพล่ามไป ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
อู๋โยวหยอกล้อกับเด็กน้อย ขณะเอ่ยขึ้น “แผนการของเจ้าโจ่งแจ้งเกินไป เจ้าไม่กังวลหรือว่าหลิงฮ่องเต้จะรู้ทัน”
“หากเขารู้ทันแล้วทำไมหรือ ข้าจะทำให้เขาวุ่นวายจนไม่มีเวลาต่อกรกับข้าเลยทีเดียว” หนิงเมิ่งเหยา อวี้เฟิง และเฉียวเทียนช่าง รวมถึงชายแดนทั้งหลายต่างลงมือโจมตีอีกฝ่ายพร้อมกัน นางจะรอดูว่าหลิงฮ่องเต้จะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร
“เจ้าต้องการจะทำอะไรหรือ” อู๋โยวถามอย่างสงสัย
“จริงๆ แล้วข้าอยากจะเติมเชื้อไฟให้เขาต้องร้อนรนมากขึ้นอีก” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะอย่างชั่วร้าย
อู๋โยวหยุดเย้าแหย่เด็กน้อย และมองหญิงสาวโดยไม่รู้จะพูดอย่างไร “โชคดีที่ตอนนี้ ข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้า”
“ก็จริง” หนิงเมิ่งเหยาแสดงท่าทีจริงจัง จนเปลือกตาของอู๋โยวกระตุก นางจะเลิกหลงตัวเองสักทีได้หรือไม่เล่า
หนิงเมิ่งเหยายื่นมือไปตบบ่าของชายหนุ่ม และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ในไม่ช้า เจ้าก็จะรู้ว่าตนเองเลือกถูกแล้ว ชิงจู๋”
“คุณหนูวางใจได้เลยเจ้าค่ะ ข้าได้ถ่ายทอดคำสั่งของท่านเรียบร้อยแล้ว” ชิงจู๋เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
พวกนางชอบเมืองเซียวอย่างมาก อย่างน้อยฮ่องเต้ของที่นั่นก็เป็นคนดี และหมู่บ้านของพวกเขาก็ไม่แย่นักดังนั้น พวกนางจึงต้องการที่จะปกป้องเมืองเซียวเป็นอย่างมาก
อู๋โยวมองชิงจู๋ แล้วหัวใจของเขาก็รู้สึกปั่นป่วน
ณ วังหลวงของเมืองหลิง หลิงฮ่องเต้มองผู้คนเบื้องล่างด้วยสายตาเย็นชา “นี่คือแผนการที่พวกเจ้าคิดได้ หลังจากใช้เวลาคิดมาเนิ่นนานเช่นนั้นหรือ” หลิงฮ่องเต้ต้องการจะตบหน้าคนเหล่านี้ให้ตายเสีย
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ตอนนี้พวกเขากลับอยู่ในจุดที่โดนกดดัน จนไม่มีโอกาสได้ตอบโต้กลับ
นอกจากนี้ เสนาบดีการคลังยังเข้ามารายงานว่าเศรษฐกิจในตอนนี้ของเมืองหลิงนั้นตกต่ำลงอย่างมาก
ในตอนแรกนั้น พวกเขากวาดล้างกองกำลังจากทงเป่าไจไปจำนวนหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ว หลิงฮ่องเต้ก็ตระหนักได้ว่า กองกำลังเหล่านั้นเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ไม่สามารถทำให้รากฐานของอีกฝ่ายสั่นคลอนได้ หนำซ้ำ เมื่อไม่นานมานี้ ธุรกิจที่คนพวกนั้นแอบสร้างขึ้นอย่างลับๆ ก็ทำให้พวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
“ฝ่าบาท หนิงเมิ่งเหยาอาจจะเข้ามาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” จู่ๆ ก็มีใครบางคนพูดขึ้น
หลิงฮ่องเต้รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว “แต่ข้ายังไม่ได้รับข่าวคราวใดๆ เลย”
“ตอนนี้ นางอาจจะอยู่ในจวนของผู้สำเร็จราชการแล้วก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” คนผู้นั้นยังคงเอ่ยต่อ
หลิงฮ่องเต้โกรธจนแทบคลั่ง ตอนนี้ จวนของผู้สำเร็จราชการเป็นเหมือนป้อมปราการเหล็ก ที่เขาไม่มีทางรับรู้ข่าวสารใดๆ ได้ นอกจากนี้ สายลับในจวนแห่งนั้นก็ยังไม่ส่งข้อมูลใดๆ มาให้เขาเลย เป็นไปได้ว่าสายลับทั้งหลายจะถูกคนในจวนแห่งนั้นกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้ว จึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งถ้าหากเขาจะลงมือโจมตีในตอนนี้