ตอนที่ 83 บอกลา (1)

ฟางผิงมองข้ามสายตาที่ขุ่นเคืองของน้องสาวไป

เขาหวังดีกับเธอต่างหาก!

ยาบำรุงมีประโยชน์จะตายไป คนปกติหากินแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ?

นี่เป็นเพราะห่วงใยน้องสาว ฟางผิงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย หากเด็กสาวรับรู้ถึงความนัยต้องซาบซึ้งใจเขาอย่างแน่นอน

พักเรื่องของฟางหยวนไว้ ไม่นานฟางผิงต้องมากลัดกลุ้มต่อ

หลิวเหวินยังพอว่า แต่หลิวอู่ เด็กคนนี้เอาแต่เกาะแกะให้เขาสอนวิชา อย่างเช่นว่าวิชาสกัดจุด!

“พี่ผิงผิง กดจุดหิวยังไงเหรอ?”

“…”

“กดแล้วจะไม่หิวข้าวจริงๆ เหรอ? เป็นเหมือนพี่หยวนหยวน?”

“…”

“ผมอยากกดให้พี่สาวผมบ้าง พี่ผิงผิงสอนให้ผมหน่อยได้หรือเปล่า?”

“…”

เด็กทโมนนี้ ถามจ้อไม่หยุดเลย ยังถามออกมาต่อหน้าฟางหยวนอีก ไม่เห็นเหรอว่าเด็กนั่นหน้าดำคล้ำหมดแล้ว?

ท้ายที่สุดเพื่อให้เด็กคนนี้ได้สัมผัสกับการสกัดจุดหิว ฟางผิงเลยแบ่งเม็ดยาบำรุงเป็นสองซีก ให้หลิวเหวินและหลิวอู่กินคนละครึ่งโดยไม่ทันรู้ตัว

ดังนั้นพอถึงตอนเย็น นักแสดงหลักจึงเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน

เด็กทั้งสามคนเอาแต่นั่งมองตาแป๋ว ไม่มีใครอยากกินข้าวสักคน

เวลานี้พวกหลี่อวี้อิงเห็นความไม่ชอบมาพากลแล้ว คนเดียวคงไม่แปลกอะไร แต่คนสามคนที่ปกติกินข้าวกันอย่างตะกละตะกลาม คาดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมกินข้าวทั้งหมด!

ทุกคนต่างหันไปทางฟางผิง เขาเอ่ยอย่างขอไปทีว่า “ช่วยปูพื้นฐานให้พวกเขานิดหน่อย ไม่เป็นอะไรหรอก”

“ฟางผิง เป็นนายจริงๆ ด้วย!”

ตอนนี้ฟางหยวนนับว่าได้ล้างมลทินให้ตัวเองแล้ว มองแม่ด้วยสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรม

“แม่ หนูบอกตั้งหลายรอบแล้ว แม่ก็ไม่เชื่อหนู แม่ได้ยินหรือเปล่า ฟางผิงเป็นคนทำ!”

หลิวเหวินเผยสีหน้าหวาดกลัว “พี่ผิงผิง ครั้งหน้าหนูจะไม่กินขนมแล้ว พี่คลายจุดให้หนูได้หรือเปล่า?”

“ผมด้วย!” หลิวอู่รีบเอ่ยต่อ กลัวว่าฟางผิงจะลืมเขา

พวกเด็กๆ ต่างร้อนใจ หากหลังจากนี้พวกเขาไม่อยากกินข้าว ชั่วชีวิตนี้จะมีความสุขได้ยังไง?

ฟางหมิงหรงมองเขาด้วยแววตาตั้งคำถาม ฟางผิงหัวเราะเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรจริงๆ สักวันสองวันก็ดีขึ้นแล้ว ไม่หิวข้าวเป็นเพราะว่าปราณอิ่มตัว เลยไม่อยากอาหารชั่วคราว หากออกกำลังกายสักหน่อย จะทำให้ร่างกายดูดซึมได้เร็วขึ้น”

ตอนนี้ฟางผิงสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ได้ แม้ว่าจะเป็นเด็ก แต่ในสายตาของผู้ใหญ่ในบ้าน คำพูดเขากลับน่าเชื่อถืออย่างยิ่ง

ในเมื่อเขาพูดมาขนาดนี้แล้ว คงจะไม่เป็นไรจริงๆ

อีกอย่างทั้งสามคนล้วนเป็นน้องๆ ของเขา ฟางผิงคงไม่ประสงค์ร้ายต่อพวกเขาหรอก

ตอนนี้พวกผู้ใหญ่เลยมองข้ามเรื่องนี้ไป ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง

พวกเด็กๆ ที่ถูกเมินต่างไม่พอใจ ทุกคนควรกินอิ่มดื่มของอร่อยๆ ต่างหาก ทำไมมองข้ามกันซะได้

เมื่ออาหารเย็นสิ้นสุด เด็กทั้งสามคนก็ถูกฟางผิงพามาออกกำลังกาย ด้วยเหตุผลที่ว่า…จะได้คลายการสกัดจุดเร็วๆ

ฟางผิงยังคงคุยปรึกษากับพ่อแม่และน้าทั้งสองคนเรื่องแขกที่จะเชิญมาวันพรุ่งนี้

ฟางหมิงหรงกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด ถามลูกชายว่า “วันนี้ตอนจะกลับบ้าน ผู้อำนวยการถานบอกว่า พรุ่งนี้เขาจะมาเหมือนกัน ผิงผิงลูกว่าผู้อำนวยการถานจะไม่พอใจหรือเปล่า? พ่อไม่ได้เชิญเขา กลับต้องให้เขาเป็นฝ่ายพูดเอง…”

“พ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ” ฟางผิงเอ่ยปลอบใจด้วยรอยยิ้ม “พวกเราทำดี คนเขาต้องทำดีตอบอยู่แล้ว รอพวกถานเทาจัดงานเลี้ยง พวกเราไปบ้างก็พอแล้ว”

“พี่เขย ผู้อำนวยการถานที่พี่พูดถึง คือผู้อำนวยกองการศึกษาของหยางเฉิงใช่ไหม?” หลิวอันหวาอดถามไม่ได้

ตอนที่กินข้าว หลิวอันหวาเพิ่งรู้ว่าพี่เขยไม่ได้ทำงานในโรงงานเครื่องเคลือบอีกแล้ว แต่ไปเป็นยามเฝ้าประตูที่กองการศึกษาแทน

ฟังดูเหมือนยามเฝ้าประตูจะเป็นอาชีพไม่มีหน้ามีตา บางคนยังคิดว่าเป็นตำแหน่งที่ต่ำต้อย

แต่นี่ไม่ใช่ยามเฝ้าประตูโรงงานธรรมดา แต่เป็นกองการศึกษา

หลิวอันหวาอิจฉาอย่างมาก ตอนนี้ได้ยินว่ากระทั่งผู้อำนวยการจะมาร่วมงานเลี้ยง ยิ่งอิจฉาเข้าไปใหญ่

ฟางหมิงหรงอธิบายว่า “เป็นรองผู้อำนวยการ ผิงผิงให้ความช่วยเหลือเขา ฉันเลยมีโอกาสได้ไปทำงานที่กองการศึกษา”

“ผิงผิงสุดยอดจริงๆ ถึงขั้นตีสนิทกับผู้อำนวยกองการศึกษาได้…”

หลิวอันหวาพึมพำ ให้กำเนิดลูกที่มีความสามารถนั้นคุ้มค่ากว่าที่พวกเขาบากบั่นต่อสู้มาทั้งชีวิตอีก

“อันหวา ในอนาคตเหวินเหวินและเสี่ยวอู่ควรเดินเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เช่นเดียวกัน”

ฟางหมิงหรงเอ่ยอย่างตื้นตันว่า “ก่อนหน้านี้ฐานะทางบ้านเป็นอุปสรรคไม่น้อย ฉันเกือบจะถ่วงรั้งผิงผิงไว้แล้ว ดีที่เด็กคนนี้เอ่ยปากเรื่องสอบศิลปะการต่อสู้ออกมา ถึงมีวันนี้ได้ ตอนนี้ฉันและพี่สะใภ้นายใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ถ้าในบ้านเดือดร้อนอะไร ก็บอกกล่าวกันได้ พี่สะใภ้นายมีอวี้ฉินเป็นน้องสาวคนเดียว ไม่มีญาติคนอื่นแล้ว ทุกคนอย่าเห็นกันเป็นคนอื่นคนไกลเลย…”

ความสัมพันธ์ของสามีและน้องเขยถือว่าดีทีเดียว ตำแหน่งพอๆ กัน กลับไม่มีใครดูแคลนใคร

ฟางหมิงหรงไม่มีน้องสาวน้องชายแล้ว หลี่อวี้ฉินเป็นผู้หญิง เขาทำได้แค่บอกกับหลิวอันหวาเท่านั้น

ฟางผิงเห็นครอบครัวรักใคร่ปรองดอง เขาก็รู้สึกสบายใจเช่นกัน

บางครั้งเรื่องในบ้านนั้นจัดการยากยิ่งกว่าเรื่องข้างนอกซะอีก หากมีญาติที่เอาแต่สร้างปัญหา คงจะทำให้รำคาญใจขึ้นมาไม่น้อย

ทุกคนพูดคุยกันจนถึงดึกดื่น พวกฟางหยวนถูกจัดให้นอนห้องเดียวกัน

ฟางผิงตื่นขึ้นมากลางดึกเลยเข้าไปดูห้องของฟางหยวน

ปรากฏว่าเด็กสาวเหมือนจะฝันอะไรสักอย่าง ฟางผิงฟังไม่ชัดเท่าไหร่ น่าจะประมาณว่า ‘ช่วยฉันคลายจุด’ อะไรทำนองนั้น

ฟางผิงอยากหัวเราะอยู่บ้าง ทั้งรู้สึกเสียดายเช่นกัน

ไม่นานเขาต้องไปมหาวิทยาลัยแล้ว ภายหลังคงมีโอกาสน้อยที่จะผ่อนคลายแบบนี้

คำพูดของหวังจินหยาง คำพูดของหลิ่วเทาผุดเข้ามาในหัวของเขาอยู่บ่อยครั้ง

ยิ่งมีความสามารถเท่าไหร่ยิ่งมีอันตรายเท่านั้น

ทุกปีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แต่ละแห่งทั่วประเทศล้วนมีนักศึกษาแนวหน้าที่เสียชีวิตไปไม่น้อย

ฟางผิงไม่รู้ว่าเขาจะมีวันนั้นหรือเปล่า?

ฟางผิงคิดว่าเขาทะลวงไปถึงขั้นสามได้แน่

ตกลงเป็นความเสี่ยงแบบไหน กระทั่งคนอย่างหวังจินหยาง ตอนที่พูดถึงเรื่องนี้น้ำเสียงยังเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา

อีกอย่าง พวกบ้าลัทธิครั้งก่อน แม้ฟางผิงจะไม่พูดถึงแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดไปจริงๆ

ไปเซี่ยงไฮ้อาจจะพบคนกลุ่มนี้อีก?

คนที่อยากใช้ชีวิตธรรมดา คงไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องพวกนี้

แต่ฟางผิงไม่อยากเป็นแค่คนธรรมดา แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่ายกุมชะตาชีวิตตัวเอง

“ไม้รู้เหมือนกันว่าสอนศิลปะการต่อสู้ให้เธอ เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือเปล่า…”

ฟางผิงพึมพำ เขาสอนจวงกงให้กับฟางหยวน ให้เธอกินยาบำรุง เป้าหมายนั้นชัดเจนอยู่แล้ว เพราะอยากให้เด็กสาวสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้

แต่แบบนี้ดีแล้วจริงๆ เหรอ?

ดีที่ฟางหยวนยังเด็ก พอมีเวลาอีกมาก ผ่านไปอีกหลายปี บางทีทุกอย่างอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว

วันต่อมา งานเลี้ยงสอบเกาเข่าของฟางผิงก็จัดขึ้นที่โรงแรมใหญ่ในหยางเฉิง

มีคนมาเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นจำนวนมาก!

บางคนรู้จัก บางคนไม่รู้จัก

ถานเจิ้นผิงพาถานเทาและถานเฮ่ามาด้วย พ่อของอู๋จื้อหาวมาพร้อมอู๋จื้อหาวเช่นกัน

อาจารย์โรงเรียนมัธยมปลาย เจ้านายเก่าและเพื่อนร่วมงานเก่าของพ่อ นายจ้างของแม่…

ถึงกระทั่งคนทางกองศึกษาก็มาร่วมงานไม่น้อยเหมือนกัน

ฟางหมิงหรงเป็นแค่ยามเฝ้าประตู หากเป็นงานเลี้ยงของยามเฝ้าประตูทั่วไป พวกเขาคงไม่มา

แต่ฟางหมิงหรงนั้นมีลูกชายที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ได้ นั่นไม่ใช่ยามเฝ้าประตูทั่วไปแล้ว คนที่ทราบข่าวแทบจะมาร่วมงานทั้งหมด

ถานเจิ้นผิงไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงเพียงอย่างเดียว

ยังเอารางวัลของเมืองมาส่งด้วย!

ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนที่สอบศิลปะการต่อสู้ได้คะแนนสูงสุดของหยางเฉิง ทั้งเป็นคนเดียวที่ได้รับเลือกจากสองมหาวิทยาลัยดัง กองการศึกษาหยางเฉิงจึงมอบเงินรางวัลให้หนึ่งแสนหยวน

แม้ทางรุ่ยหยางจะไม่ส่งคนมา แต่ถานเจิ้นผิงบอกเป็นนัยแล้วว่า ผู้อำนวยการจินโทรศัพท์มาเหมือนกัน

ให้ถานเจิ้นผิงแสดงความยินดีกับฟางผิงแทนเขา นอกจากนี้ยังฝากถานเจิ้นผิงมอบซองแดงให้

ฟางผิงไม่รู้ว่านั่นเป็นความต้องการของจินเค่อหมิง หรือเป็นข้ออ้างของถานเจิ้นผิงเท่านั้น แต่เขายังคงรับซองแดงไว้

จวบจนงานเลี้ยงสิ้นสุด ฟางผิงส่งถานเจิ้นผิงออกจากประตู

ตอนที่ออกจากโรงแรม ทั้งสองคนต่างมองความนัยของอีกฝ่ายออก ฟางผิงขอให้ถานเจิ้นผิง ‘ช่วยดูแลพ่อแม่’

ถานเจิ้นผิงรับปากอย่างว่องไว ทั้งยังชี้สองพี่น้องตระกูลถานที่อยู่ไม่ไกล ฝากฝังให้ฟางผิงช่วยดูแลด้วย

วานฟางผิงนั้นเป็นเรื่องโกหก แต่ความจริงคืออยากให้เหล่าหวังช่วยเหลือต่างหาก

——————-