บทที่ 312
บทที่ 312

ถังหยินปฏิบัติต่อทุกคนที่มาด้วยความสุภาพ ทำให้ผู้คนที่ระมัดระวังในตอนแรกผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ชายหนุ่มดื่มเหล้าไป 2-3 จอก เขาก็พลันวางจอกสุราลงก่อนมองไปรอบ ๆ พลางทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง

เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีอะไรจะพูด ทุกคนก็พากันหยุดชะงักและหันมามอง ทำให้ถังหยินยิ้มด้วยความพึงพอใจ ปากกล่าวออกมาว่า “ข้า ในฐานะผู้ว่ามณฑลเทียนหยวนแห่งแคว้นเฟิงที่ยังจงรักภักดีต่อท่านอ๋องคนก่อน เมื่อซ่งเทียนฆ่าเขาและชิงบัลลังค์ไป เขาก็สมควรได้รับ… ความตายพันครั้ง !!”

ไม่ต้องพูดถึงว่าทุกคนต่างก็เกลียดและดูหมิ่นสิ่งที่ซ่งเทียนทำ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนั่นจากปากถังหยิน พวกเขาก็พากันจับมือกันและพูดว่า “ท่านถัง ซ่งเทียนได้สังหารท่านอ๋องคนก่อนและทรยศต่อแคว้นเดิม เขาสมควรได้รับความตายจากสวรรค์และการลงลงทัณฑ์จากโลก !”

ถังหยินพยักหน้าและหัวเราะ “ตั้งแต่ซ่งเทียนเข้ามารับตำแหน่ง ชาวเมืองในเขตหลีฮูต่างก็ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก แต่เมื่อข้าเข้ามาแล้ว ข้าก็บอกได้เลยว่าทุกอย่างจะกลับเจริญรุ่งเรืองดั่งเดิม คืนสู่วันวานที่พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป !!”

คำพูดเหล่านี้ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นรัว ซึ่งเมื่อชายหนุ่มพูดจบ ชาวเมืองก็พากันคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวออกมาว่า “มีชาวเฟิงที่ซื่อสัตย์เหมือนท่านถัง นับเป็นพรอย่างหาที่สุดไม่ได้ของแคว้นเฟิงแล้ว !”

ถังหยินหัวเราะเบา ๆ และกำลังจะพูดออกมา ทว่าก็เป็นชิวเจิ้นที่ส่งสัญญาณบางอย่าง ทำให้ชายหนุ่มมีท่าทีเปลี่ยนไป กลายเป็นลุกยืนและเดินไปที่ด้านหน้าของกลุ่มคนเหล่านั้น “แคว้นนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถนิ่งเฉยทนดูบ้านเมืองพินาศได้ และต่อให้ข้าจะต้องตาย หรือถูกพันม้าเหยียบซ้ำ ข้าก็จะต้องตอบแทนความเมตตาของท่านอ๋องให้ได้ !!!”

สิ่งที่เขาพูดนั้นยิ่งใหญ่มากจนทำให้ทุกคนรู้สึกชื่นชม ตื่นเต้น และอับอาย …ซึ่งแม้แต่ชิวเจิ้นเองก็ตกใจเช่นกัน ด้วยเขาไม่เคยคิดว่าถังหยินจะสามารถพูดคำแบบนี้ออกมาได้ !!

“ท่านคือนายแห่งข้าผู้เป็นเสาหลักของแคว้นเฟิง !” คนที่ได้รับการช่วยเหลือจากถังหยินในตอนแรกต่างก็พูดโดยพร้อมกัน

ถังหยินเคยได้ยินคำพูดเชิงประจบสอพลอเหล่านี้มามากในโลกสมัยใหม่ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างง่ายสำหรับเขาที่จะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดออกไปว่า “ทหารในกองทัพเทียนหยวนของข้าส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครที่มาจากเขตต่าง ๆ เพราะงั้นข้าจึงเป็นหนี้บุญคุณพวกเขาอย่างแท้จริง และเพราะเหตุนี้ ตลอด 2-3 วันข้างหน้านี้ ข้าจึงจะทำการเปิดรับสมัครทหาร พร้อมกับทำการชดเชยให้กับชาวเมืองทุกคนที่ถูกสงครามพรากคนที่รักไป !”

นโยบายนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับตระกูลใหญ่โต แต่มันก็ทำให้พวกชาวเมืองตื่นเต้นอย่างไม่อาจควบคุม เพราะนับตั้งแต่ซ่งเทียนขึ้นครองอำนาจ พวกเขาก็ได้รับความทุกข์ทรมานมาโดยตลอด และหากครอบครัวที่สูญเสียคนสำคัญไปจากสงครามได้รับเงินชดเชย งั้นแล้วมันก็จะทำให้พวกชาวเมืองมีชีวิตที่ดีขึ้น !

“ข้าขอขอบคุณท่านถังแทนชาวเมืองด้วยขอรับ !” ผู้อาวุโสสองสามคนในฝูงชนคุกเข่าลงและก้มกราบครั้งแล้วครั้งเล่า

ชาวเมืองไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครปกครองพวกเขา ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถเลี้ยงตัวเองและมีชีวิตที่สงบสุข พวกเขาก็จะพอใจ ไม่ว่าผู้ปกครองจะดีหรือไม่ดีก็ไม่สำคัญ !!!

…นโยบายของถังหยินที่เปิดคลังและปล่อยเงินไม่ใช่ความตั้งใจของเขาเอง แต่เป็นความตั้งใจของชิวเจิ้น

ในการสู้รบที่เมืองสีไป่ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทำให้กำลังทหารลดลงไปไม่น้อย ดังนั้นแล้ววิธีการเติมเต็มกำลังพลในช่วงเวลาสั้น ๆ แบบนี้ที่ดีที่สุดก็คือการเกณฑ์พวกชาวบ้านเข้ามา !

ข่าวที่ว่านี้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวเมืองสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างกองทัพเทียนหยวน กับกองทัพของซ่งเทียน ! ส่งผลให้ชื่อเสียงของกองทัพเทียนหยวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้มีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้าไปสมัครกับกองทัพเทียนหยวนมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้โดยภาพรวมซ่งเทียนจะเป็นอ๋องผู้ครองแคว้น แต่อันที่จริงแล้ว มันกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เพราะในแง่ของกำลังทหารนั้น ฝั่งเทียนหยวนเหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติด !

ในวันนี้ถังหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ลานกว้างภายในจวนผู้ว่า ซึ่งชายหนุ่มก็อาศัยโอกาสนี้เยี่ยมชมที่อยู่อาศัยของเกิงฉวน ด้วยแม้ว่าเกิงฉวนจะเป็นคนที่กดขี่ข่มเหงและปกครองเขตหลีฮูด้วยมือที่เปื้อนไปด้วยเลือด ทว่าเขาก็เป็นคนที่เจ้าระเบียบและสะอาดไม่น้อย ทำให้ถึงแม้ว่าจวนจะไม่ได้รับการตกแต่งที่หรูหรา แต่มันก็มากไปด้วยทรัพย์สินมากมายภายในคลัง !

และเมื่อถังหยินไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เขาก็ได้พบกับชิวเจิ้นที่กำลังเล่นหมากรุก โดยมีซงหยวนยืนดูด้วยรอยยิ้มอยู่ข้าง ๆ

ซึ่งเห็นว่าถังหยินมาถึงแล้ว ชิวเจิ้นและอีกสองคนก็พากันยืนขึ้นและเข้าทักทายเขาอย่างกังวล ก่อนเป็นถังหยินที่โบกมือและหัวเราะออกมา “เล่นต่อไปเถอะ ไม่สนใจข้าหรอก !”

ชิวเจิ้นและจางจี้ที่ได้ยินก็นั่งลงเล่นต่อในทันที ทว่าในขณะที่เล่นหมากรุกอยู่นั่นเอง จู่ ๆ ชิวเจิ้นก็ได้ถามออกมาว่า “นายท่าน ท่านมีแผนจะทำอะไรต่อไปกัน ?”

“เมื่อการฝึกอบรมสำหรับทหารเกณฑ์ใหม่เกือบเสร็จสิ้น เราจะเดินทางต่อไปทางใต้ เพื่อเข้ายึดเมืองหยานและทำลายกองกำลังของซ่งเทียนให้หมด !” ถังหยินกล่าวอย่างมั่นใจ ด้วยตอนนี้เขามีทั้งกำลังคน เสบียงอาหาร และเงิน ไม่ได้ขาดเหลืออะไรเลย !

ชิวเจิ้นหัวเราะพลางส่ายหัว ก่อนจะโยนเม็ดหมากรุกในมือลงบนโต๊ะและเงยหน้าขึ้นมองถังหยิน “นายท่าน ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ยัง

ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะโจมตีเมืองหยาน !”

“อ๋อ ?” เมื่อเขาพูดอย่างนั้น ถังหยินก็ตกใจ เช่นเดียวกับจางจี้และซงหยวนที่พากันหันมองไปยังชิวเจิ้นด้วยความสับสน เพราะไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร

ชิวเจิ้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เป็นเรื่องง่ายสำหรับนายท่านที่จะยึดครองเมืองหยาน แต่ถ้าต้องการทำลายกองกำลังของซ่งเทียนและกองทัพหนิงให้หมด มันก็ออกจะยากอยู่บ้าง !”

“หมายความว่าไง ?”

“เมืองหยานใหญ่เกินไป ด้วยกำลังทหารที่มี มันคงยากที่จะปิดล้อมได้ทั่ว เราคงสามารถโจมตีได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น ทำให้อีกฝ่ายสามารถหนีไปได้ทุกเมื่อ และถ้าซ่งเทียนออกไปได้ งั้นแล้วมันก็คงยากที่จะตามจับอีกฝ่ายได้ !”

โอ้ ? ถังหยินหายใจเข้าลึก ๆ เขาครุ่นคิดสักครู่แล้วหัวเราะ “ซ่งเทียนจะหนีไปที่ไหนได้กัน ? ทั้ง 4 เขตทางตอนเหนือของเมืองหยานได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเราแล้ว และแม้ว่าจะมีสองเขตทางตะวันออกของเมืองหยานที่ยังไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุม แต่มันก็เป็นดินแดนแห่งความตาย ตราบใดที่เหลียงฉีและหยวนยู่สามารถปิดกั้นได้ มันก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก !” เมื่อพูดตรงนี้ ถังหยินก็พลันขมวดคิ้วและนิ่งเงียบไป

ชิวเจิ้นที่เห็นแบบนั้นก็พลันกล่าวออกมา “ทางใต้ของเมืองหยานมี 4 เขต แม้ว่าพวกเขาอาจจะไม่จงรักภักดีต่อซ่งเทียน แต่ผู้ว่าของทั้ง 4 เขตก็ไม่เคยแสดงท่าทีต่อต้านซ่งเทียนอย่างชัดเจนเช่นกัน และหากนายท่านไม่ติดตามต่อจากทางใต้ ก็เป็นไปได้มากที่ซ่งเทียนจะติดตามพวกหนิงหลบหนีไปยังแคว้นโม …แล้วแบบนี้นายท่านจะยังสามารถไล่ตามอีกฝ่ายไปได้หรือ ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทั้งจางจี้และซงหยวนก็พากันพยักหน้าอย่างลับ ๆ อย่างเห็นด้วย ! เพราะเมื่อซ่งเทียนและชาวหนิงหนีไปทางใต้แล้วพวกเขาจะทำอย่างไรได้อีกถ้าคนเหล่านั้นเข้าไปในแคว้นโม ?

โมเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกหนิง และการนำทัพเข้าสู่แคว้นโม มันก็จะกลายเป็นการเริ่มสงครามระหว่างแคว้น !!!

ชิวเจิ้นกล่าวอย่างแผ่วเบา “หนิงกับโมอยู่กันด้วยดีมาโดยตลอด ถ้าพวกหนิงนำซ่งเทียนหนีไปยังแคว้นโม งั้นแล้วก็คงไม่มีทางที่จะจับอีกฝ่ายได้

ตาของถังหยินหันมอง เขาค่อย ๆ พยักหน้า ปากร้องถาม “ชิวเจิ้น ข้าควรจะเลือกทางไหนดี ?”

ชิวเจิ้นตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม “เส้นทางที่จะไปแคว้นโมอยู่ทางไหน ?”

“เส้นทางบา ?”

“ใช่แล้ว เส้นทางบา ! ตราบใดที่กองทัพของเราสามารถควบคุมมันได้ เราก็สามารถป้องกันไม่ให้ซ่งเทียนข้ามผ่านไปได้ ! และถ้าจำไม่ผิด นายท่านก็น่าจะพอรู้จักกับคนของแคว้นโมมาบ้าง ใช่หรือไม่ขอรับ ?”

“นั่นก็ถูก !” ถังหยินได้รู้จักกับคนแคว้นโมเมื่อตอนซื้อขายม้าในครั้งนั้น ทว่ามันก็เป็นเพียงแค่การรู้จักกันอย่างผิวเผินเท่านั้น !

ชายหนุ่มพยักหน้า ปากพึมพำ “โอกาสที่ข้าจะตกลงกับอีกฝ่ายมีโอกาสสำเร็จสูงอยู่บ้าง”

“แต่แค่นั้นยังไม่พอ !” ชิวเจิ้นกล่าวเสริม “นายท่าน มีเรื่องนึงที่จะต้องทำให้สำเร็จด้วย และจะต้องทำให้แนบเนียนที่สุดอีกอย่าง !”