“เป่าเป่า ลูก…” ฉินเสี่ยวมองลูกด้วยความปวดใจ
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น “แม่…ผม…ผมอยากทำกับข้าวให้แม่ แต่ว่า…ฮือๆ…” เด็กน้อยร้องไห้เสียงดัง
ฉินเสี่ยวเข้าไปกอดลูกด้วยความรัก ฉินเสี่ยวรักลูกมากและก็ปวดใจที่ข้าวตกบนพื้น เงินในครอบครัวมีไม่มาก จะสิ้นเปลืองไม่ได้ แต่เธอก็รู้ว่าเรื่องนี้จะต่อว่าลูกไม่ได้…
ตอนนี้เองมือถือฉินเสี่ยวสั่น มองไปแวบแรกเห็นว่ามีลูกค้ามา! เลยรีบปาดน้ำตาแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ เป่าเป่า ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวแม่จะมาเก็บ”
พูดจบฉินเสี่ยวก็รีบปลดล็อคหน้าจอมือถือ
“เถ้าแก่อยู่ไหม?”
“อยู่ค่ะ สนใจรองเท้าแบบไหนคะ?”
“แบบนี้ เถ้าแก่ขายแพงมากเลย คนอื่นขายแบบเดียวกันแค่ห้าสิบ คุณขายตั้งร้อยแปดสิบ ถูกหน่อยได้ไหม?” อีกฝ่ายลิงก์เข้ามา
“ขอโทษค่ะ นี่เป็นสินค้าคุณภาพ เป็นราคาโปรโมชั่นที่สุดแล้วค่ะ”
“คุณพูดแบบนี้มันดูไม่น่าสนใจเลย ฉันตั้งใจถามราคา คุณให้ราคาที่ถูกที่สุดเถอะ”
“นี่ก็ถูกสุดแล้วค่ะ ต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว” ฉินเสี่ยวไม่เข้าใจเทคนิคการขาย มาถึงก็อยากจะขายถูกเน้นเยอะ ราคาที่กำหนดต่ำมากแล้ว เพียงแต่ไม่นึกเลยว่าราคาต่ำขนาดนี้ยังมีคนมาต่อราคา…
“ช่างเถอะ ฉันจะไปดูร้านอื่น” พูดจบลูกค้าก็ไป
“แม่ครับ ขายรองเท้าได้ไหม? แม่เคยบอกว่าถ้าขายได้จะซื้อลูกอมให้เป่าเป่ากิน” ต่งจวินเข้ามาถามใกล้ๆ
เห็นแววตาเฝ้ารอคอยจากต่งจวินแล้ว ฉินเสี่ยวอยากบอกมากว่าขายได้ จะซื้อให้เป่าเป่า ทว่าพอนึกถึงเงินในกระเป๋า นึกถึงเรื่องในอนาคต เธอไม่กล้าใช้เงินสุ่มสี่สุ่มห้าจริงๆ
ต่งจวินเห็นแววตามารดาแล้วพลันก้มหน้าลง “เป่าเป่าพูดเล่น เป่าเป่าไม่อยากกินลูกอมเลยสักนิด เป่าเป่าจะไปเก็บข้าว…” พูดจบเด็กน้อยก็วิ่งไป ก่อนเริ่มเก็บข้าวทีละเม็ด
แต่ฉินเสี่ยวข้างหลังร้องไห้เป็นมนุษย์น้ำตา…
ตอนนี้เองมือถือฉินเสี่ยวสั่นอีกครั้ง ก้มหน้ามองก็เห็นว่าเป็นข้อความจากฟางเจิ้ง “สีกา ต่างอาชีพดั่งต่างภูเขา อาตมาแนะนำคนที่รู้เรื่องกิจการให้คนหนึ่ง หวังว่าเธอจะช่วยได้ เธอชื่อจิ่งเหยียน”
แทบเป็นขณะเดียวกัน เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ใครคะ?”
“พี่ฉิน ฉันจิ่งเหยียน หลวงพี่ฟางเจิ้งให้มาพูดกับพี่ค่ะ?”
ฉินเสี่ยวตรึกตรองครู่หนึ่ง มองลูกชายตน สุดท้ายเปิดประตู พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณจิ่ง คือ…”
“พี่ฉิน พวกเราค่อยว่าอย่างอื่นทีหลังนะคะ ทุกอย่างไม่อยู่ในคำพูด ดูว่าฉันเอาอะไรมาให้พี่?” จิ่งเหยียนหยิบหนังสือหนาออกมาสามเล่ม “นี่เป็นเคล็ดลับค้าขายออนไลน์ที่ดีที่สุดในตลาด ต้องเตรียมก่อนเปิดร้านค้าออนไลน์!”
พอเห็นว่าจิ่งเหยียนไม่คิดเล็กคิดน้อยที่ตนปิดประตูไม่ต้อนรับหลายครั้ง แถมยังกระตือรือร้นแบบนี้ ฉินเสี่ยวถอนหายใจโล่งอก ไม่คุยไม่รู้ พอคุยกันฉินเสี่ยวถึงรู้ว่าตนเป็นมือใหม่จริงๆ
“พี่ฉิน พี่ตั้งราคาแบบนี้ผิดนะ! ต้องตั้งราคาให้สูงแล้วค่อยลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์! เราไม่ควรหาเงินด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจ แต่ก็จะขายขาดทุนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? พี่ดู ทุกคนทำแบบนี้กันทั้งนั้น พี่ตั้งราคาต่ำแบบนี้ ทุกคนมาต่อราคาจะทำยังไง? ทุกคนชินกับการต่อราคา บางทีอาจไม่สนใจเงินเล็กน้อยนั่น แต่ชอบความรู้สึกที่ได้ของถูกกว่า…” จิ่งเหยียนเรียนรู้มาสักระยะเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
แต่ไม่นานจิ่งเหยียนก็พบว่าความกระหายในการเรียนรู้ของฉินเสี่ยวสูงกว่าเธอ ฉินเสี่ยวอ่านหนังสือสามเล่มนี้จบในสามวัน แถมยังประยุกต์ใช้ได้อย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำถึงขั้นขายรองเท้าคู่แรกสำเร็จ! วันนั้นฉินเสี่ยวเพิ่มกับข้าวอีกอย่างเป็นพิเศษ ทั้งยังซื้อลูกอมให้ต่งจวิน ลูกน้อยเหมือนจะซ่อนเอาไว้ไม่ยอมกิน แน่นอนฉินเสี่ยวไม่ลืมขอบคุณฟางเจิ้งกับจิ่งเหยียนและยังมีเพื่อนบ้านเธอ
“สีกา อาตมาแปลกใจมากว่าทำไมถึงไม่ยอมรับการช่วยเหลือจากรัฐบาล? สามีสีกาเสียสละเพื่อประเทศ ประเทศดูแลสีกาก็เป็นเรื่องปกตินี่?” ฟางเจิ้งถามด้วยความแปลกใจ
ฉินเสี่ยวเงียบไปครู่หนึ่งถึงตอบ “เขาเคยบอกว่าในเมื่อสวมเครื่องแบบนั้นแล้ว การสละชีพคือส่วนหนึ่งของงาน เรื่องในงานจะต้องการเงินอีกเหรอ? อีกอย่างยังมีคนที่มีชีวิตแย่กว่าพวกเรา พวกเขาต้องการเงินยิ่งกว่า ตอนฉันแต่งงานกับเขาก็กังวลว่าจะมีวันนี้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเร็วขนาดนี้…”
ฟางเจิ้ง “…”
ขณะเดียวกันหลี่เสวี่ยอิงส่งข่าวมา วิธีของเธอง่ายมาก “ไต้ซือ รอฟังข่าวนะ! ฮ่าๆ…”
ฟางเจิ้งทำหน้าพิลึก เด็กนี่เป็นลมบ้าหมู?
ผลคือวันต่อมาฟางเจิ้งรับสายจากต่งจวินตอนกลางคืน พอรับสายก็ได้ยินเด็กน้อยพูดอย่างตื่นเต้น “พ่อครับๆ! แม่เก่งมากเลย หลายวันมานี้แม่ยุ่งมาก จะอ่านหนังสือทุกวัน อ่านเยอะมาก! แล้วก็ๆ แม่จะออกไปซื้อรองเท้าทุกวัน เป่าเป่า…เป่าเป่า…ได้กินลูกอมแล้ว เยอะมากด้วย!”
ฟางเจิ้งได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม ถึงไม่รู้ว่าหลี่เสวี่ยอิงใช้วิธีอะไร แต่เธอเหมือนจะร่วมมือบางอย่างกับจิ่งเหยียน จิ่งเหยียนสอนฉินเสี่ยว ฉินเสี่ยวเรียนด้วยตัวเอง ขณะเดียวกับที่เก่งขายของออนไลน์ขึ้นเรื่อยๆ หลี่เสวี่ยอิงแนะนำคนมา เริ่มมีการซื้อรองเท้า ก่อนมากขึ้นในทุกๆ วัน ทำให้ฉินเสี่ยวรู้สึกว่านี่คือผลจากที่เธอพยายาม จึงจะตั้งใจศึกษามากกว่เดิม ทั้งยังภูมิใจ
“สีกาทำอะไรกันแน่?” ฟางเจิ้งอดใจถามหลี่เสวี่ยอิงไม่ได้
“ไม่ได้ทำอะไรเลย? แค่เล่าเรื่อง ฉันเล่าเรื่องของฉินเสี่ยวให้พวกเพื่อนๆ ฟัง ต่อมาทุกคนตัดสินใจกันว่าจะไปซื้อรองเท้าคนละคู่ แต่ก็นัดกันไว้ว่าต้องปลอมตัวเป็นลูกค้าธรรมดา! ใครเผยความลับล่ะก็ หึๆ…” หลี่เสวี่ยอิงส่งสติกเกอร์รอยยิ้มชั่วร้ายมา
หลี่เสวี่ยอิงเอ่ยต่อ “ตอนแรกก็แค่วงเล็กๆ แต่ไม่นึกเลยว่าทุกคนจะมีไมตรีกันมากขนาดนี้ ท่านรู้ไหมว่าทุกคนแข่งขันอะไรกันแบบลับๆ? แข่งกันว่าใครซื้อรองเท้าของฉินเสี่ยวได้มากกว่าและต้องไม่ถูกจับได้! พระเจ้า ตอนนี้ทุกคนบ้าไปแล้ว…ฉันแชร์ภาพพวกเขาให้ท่านดู ไอ้บ้าพวกนี้บ้ากันจริงๆ!”
จากนั้นฟางเจิ้งเห็นหน้าตาคุ้นๆ และไม่คุ้น ตรงหน้าวางรองเท้าหลายต่อหลายคู่ บางคนสวมแล้ว ถ่ายรูป ถ่ายมุมสวยๆ สามร้อยหกสิบองศา
“ติ๊ง! ยินดีด้วย ส่งมอบความรักออกไปสำเร็จ ได้จับรางวัลฟรีหนึ่งครั้ง”
“เอ่อ…แบบนี้ก็ได้เหรอ?” ฟางเจิ้งงุนงง
“แน่นอน นายช่วยคนคนหนึ่งได้บุญกุศลเล็กน้อย ส่งมอบความรักออกไป ส่งผลถึงคนที่มากกว่า มอบความรักให้กับคนที่มากกว่า นี่ต่างหากคือบุญกุศลยิ่งใหญ่! มานับๆ ดูแล้วครั้งนี้นายได้บุญกุศลสามร้อยเจ็ดสิบสี่แต้ม! เป็นยังไง ฟินไหม?”
ฟางเจิ้งแสยะปากยิ้ม หัวเราะเสียงดัง “ฟิน!”
ตอนนี้ในที่สุดฟางเจิ้งก็เข้าใจว่าพละกำลังของคนคนหนึ่งมีจำกัด ต่อให้คนคนหนึ่งทำความดีสร้างบุญกุศลได้มากกว่านี้ก็จะได้สักเท่าไรเชียว? การส่งมอบความรักออกไป นั่นต่างหากคือการทำความดีที่ยิ่งใหญ่! เป็นบุญกุศลครั้งใหญ่! ฟางเจิ้งพลันมีเป้าหมายใหม่แล้ว!
“อย่าหัวเราะ พูดจริงๆ นะ นายหัวเราะแล้วน่าเกลียดมาก จะจับรางวัลไหม?”
“นายไม่เข้าใจหรอกว่ามันฟินแค่ไหน จับรางวัล!” ฟางเจิ้งกล่าว
“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายได้รับประตูใหญ่วัด”
“ไม่ใช่มั้ง วัดเรามีประตูใหญ่แล้วนี่ นายให้ฉันอีกบาน? จะมีประโยชน์อะไร?” ฟางเจิ้งเพิ่งเอ่ยจบก็ได้ยินเสียงโครม ต่อมาได้ยินลิงร้องเจี๊ยกๆ “อาจารย์ แย่แล้ว ประตูใหญ่ล้ม!”
ฟางเจิ้งวิ่งออกไปดู ประตูใหญ่ล้มจริงๆ ก่อนมีแสงทองสาดลงมากลุ่มหนึ่ง ปรากฏประตูใหญ่เหมือนกับบานเดิมทุกประการ
“เหมือนเดิมเปี๊ยบ? ระบบ นายล้ออาตมาเล่นรึเปล่า? สร้างบุญกุศลมากขนาดนั้น แต่นายให้ของเล่นนี่เนี่ยนะ?” ฟางเจิ้งคลำประตูใหญ่พลางถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
………………………