เนื่องจากไหน ๆ ทั้งนางและเสี่ยวโร่วก็มาจนถึงสมาคมทหารรับจ้างแล้ว ฉินอวี้โม่จึงตัดสินใจจะมองหางานที่น่าสนใจก่อน
หากมีงานดีเงินหนาที่สามารถทำให้ลุล่วงได้ในเวลาอันสั้นก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี อย่างไรเสียช่วงนี้นางก็อยู่ว่าง ๆ ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องทำอยู่แล้ว
“ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือชะตากำหนดเอาไว้นะ แต่ตอนนี้ที่สมาคมทหารรับจ้างของเราเพิ่งได้รับภารกิจที่น่าสนใจอย่างมากมาพอดี หากเจ้าสนใจล่ะก็ อยากจะรับไปทำก็เชิญฟังรายละเอียดก่อนได้”
หลังจากหลินจิ้งหงพาฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วมาถึงโต๊ะรับภารกิจที่ส่วนหน้าของอาคารสมาคมเขาก็หยิบเอาแผ่นป้ายขนาดหนึ่งฝ่ามือแผ่นหนึ่งขึ้นมา
นี่คือแผ่นป้ายบ่งชี้ภารกิจของสมาคมทหารรับจ้าง ที่ด้านหลังของแผ่นป้ายจะมีการเขียนระบุรายละเอียดเนื้อหาและรางวัลของภารกิจเอาไว้
ข้อความบรรทัดแรกที่ถูกเขียนไว้บนแผ่นป้ายในมือของหลินจิ้งหงระบุเอาไว้ว่า*‘ภารกิจระดับยอดฝีมือ’*ซึ่งภารกิจระดับยอดฝีมือนี้ก็คือภารกิจที่มีระดับความยากสูงที่สุดของสมาคมทหารรับจ้าง
เนื้อหาของภารกิจดังกล่าวน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เนื้อความในรายละเอียดของภารกิจบ่งบอกว่านี่คืองานเกี่ยวกับการตามหาวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถชนิดหนึ่ง
ที่ด้านนอกนครไป๋อวิ๋นมีป่าลึกลับแห่งหนึ่งซึ่งถูกเรียกขานกันว่า*‘พงไพรแห่งฝันร้าย’* ว่ากันว่าสถานที่ลึกลับแห่งนั้นมีอสูรน้อยใหญ่จำนวนมากมายอาศัยอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นที่อยู่อาศัยของอสูรระดับสูงอีกหลายชนิด ตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ ‘มังกรเกล็ด’หรือ‘เจียวหลง’* มังกรระดับสูงดังกล่าวเป็นสัตว์น้ำ มันอาศัยอยู่ ณ บึงแห่งหนึ่งในส่วนลึกของพงไพรแห่งฝันร้าย กล่าวกันอีกว่ามังกรน้ำตัวนี้ถือเป็นหนึ่งในอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่เหนืออสูรทั้งหลายภายในป่าชื่อน่ากลัวแห่งนี้
*蛟龙 (เจียวหลง) หมายถึง มังกรที่มีเกล็ดรอบกาย ในนิยายเรื่องนี้ขอใช้คำว่า ‘มังกรเกล็ด’
ในบึงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่อาศัยของมังกรเกล็ดนั้นมีวัตถุดิบของโอสถชนิดหนึ่งที่ซึ่งล้ำค่ามหาศาลขึ้นอยู่ และผู้รับภารกิจก็จะต้องลงไปเก็บวัตถุดิบที่ว่านี้มาให้ได้
ภารกิจที่จัดว่ายากในระดับสูงสุดเช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องได้รับรางวัลตอบแทนที่มีมูลค่ามหาศาลตามไปด้วย ทว่าแม้จะกล่าวว่ามหาศาล แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น เพราะตรงส่วนที่ควรจะเขียนบ่งบอกรางวัลของภารกิจบนแผ่นป้ายกลับว่างเปล่า มันไม่ได้มีระบุรางวัลใด ๆ เอาไว้
เรื่องนี้ทำให้หลินจิ้งหงสนใจไม่น้อยเพราะปกติแล้วภารกิจที่ไม่ระบุรางวัลที่แน่ชัดเอาไว้มักจะเป็นภารกิจของเศรษฐีผู้มั่งคั่ง บุคคลระดับสูงที่ร่ำรวยล้นฟ้า หรือบุคคลผู้มีอำนาจอันไม่อาจหยั่งถึงได้ ดังนั้นรางวัลที่เขาจะมอบให้หลังจากทำภารกิจลุล่วงสมบูรณ์ก็คงจะมีมูลค่ามหาศาลอย่างแน่นอน
“ข้าขอแอบบอกเจ้าไว้ก่อนเลยว่าผู้ที่ให้ภารกิจนี้มาเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตทูตสวรรค์”
หลินจิ้งหงกระซิบบอกฉินอวี้โม่ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้คุณหนูสี่ตระกูลฉินสนใจเป็นอย่างมาก
ผู้ที่ให้ภารกิจเป็นถึงยอดฝีมือระดับทูตสวรรค์ ฉะนั้นรางวัลก็จะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ !
“แต่ว่าข้าดูแล้วภารกิจนี้ก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ แล้วเหตุใดถึงจัดเป็นภารกิจระดับยอดฝีมือเลยล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่รู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย การรับมือกับอสูรสวรรค์และชิงเอาสมุนไพรมาดูเหมือนจะไม่ใช่ภารกิจที่ยากเย็นแต่อย่างใด อีกทั้งคนว่าจ้างก็แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เหตุใดเขาจึงไม่จัดการกับภารกิจนั้นด้วยตนเอง
“ฮ่า ๆ ๆ เจ้านี่ไม่รู้อะไรเลยสิหน่า”
หลินจิ้งหงหัวเราะก่อนจะอธิบาย
…หากกล่าวเป็นคำพูดภารกิจนี้ก็ฟังดูไม่มีความซับซ้อนและยังดูคล้ายจะไม่ยากเย็นแต่อย่างใด จริงอยู่ว่าการรับมือกับอสูรสวรรค์เพื่อหาทางเก็บเอาวัตถุดิบโอสถมานั้นไม่ใช่เรื่องยากมากนัก ทว่าสำหรับมังกรน้ำตัวนี้แล้วมันกลับต่างออกไปซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลให้ภารกิจนี้เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวอยู่ไม่น้อย
เนื้อหาในภารกิจบ่งบอกให้ตามหาและแย่งชิงเอาสมุนไพรใต้น้ำลักษณะคล้ายกับสาหร่ายที่ถูกมังกรเกล็ดเฝ้าเอาไว้ แต่ปัญหาอยู่ที่เจ้ามังกรตัวนี้มีนิสัยเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ การจะขโมยสาหร่ายที่อยู่ใต้จมูกของมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะหากว่าฆ่ามันหรือใช้กำลังกดดันมันมากเกินไป เจ้ามังกรมากเล่ห์ก็จะพุ่งเข้าทำลายสมุนไพรที่ศัตรูของมันหมายปองทิ้งก่อนจะยอมตาย ดังนั้นแล้วการพยายามทำให้มันยอมสมัครใจส่งมอบสมุนไพรมาให้เองจึงเป็นวิธีเดียว ทว่าความเป็นไปได้ของวิธีนี้ก็แทบจะเท่ากับศูนย์
นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่มีใครกล้ารับภารกิจนี้ ไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าจะทำมันได้สำเร็จ ต่อให้เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรมาลงมือเองก็ไม่แน่ชัดว่าโอกาสบรรลุภารกิจจะมีถึงครึ่งหนึ่งหรือไม่ การจะสยบอสูรสวรรค์ลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเเละหากไม่ระวังให้มากพอหรือพลาดพลั้งไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะถูกจับกินก่อนจะสยบมันได้ มียอดฝีมือบางคนคิดจะร่วมมือกับผู้ฝึกสัตว์อสูรในการจัดการกับภารกิจนี้ ทว่าการจะหาผู้ฝึกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะสยบอสูรสวรรค์ให้ได้ในเวลาอันสั้นกลับยากเย็นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับฉินอวี้โม่แล้ว นางรู้สึกว่าภารกิจนี้ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงของตนเลยสักนิด
ด้านหลินจิ้งหงนั้น ถึงแม้ตัวเขาจะไม่อาจคาดเดาว่าฉินอวี้โม่จะสามารถสยบมังกรตัวนี้ได้หรือไม่ แต่เขาก็มั่นใจอยู่อย่างหนึ่งว่าจะต้องได้เห็นสิ่งน่าอัศจรรย์จากตัวสหายโฉมงามของเขาอย่างแน่นอน สตรีผู้นี้มักจะสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนได้เสมอ เขาเองก็อยากรู้เหลือเกินว่าในครั้งนี้ฉินอวี้โม่จะรับมือกับเจ้ามังกรเกล็ดตัวนั้นอย่างไร และจะเห็นความน่าตื่นตะลึงใดจากนางอีกบ้าง
ถึงอย่างไร ถ้าหากสามารถสยบมังกรเกล็ดลงได้ก็ถือเป็นผลดีสำหรับฉินอวี้โม่ หากทำภารกิจจนสำเร็จลุล่วง ไม่ใช่แต่เพียงรางวัลมหาศาลที่จะได้รับแต่ยังมีผลประโยชน์อันยากจะประมาณค่ารออยู่ไม่น้อย ขอเพียงนางยอมตอบตกลง สหายสาวของเขาก็มีแต่ได้กับได้ ดังนั้นแล้วหลินจิ้งหงจึงตัดสินใจแนะนำภารกิจนี้ให้แก่ฉินอวี้โม่โดยไม่ลังเล
“ขอบใจเจ้ามาก ข้าชอบภารกิจนี้”
ฉินอวี้โม่ส่งยิ้มขอบคุณให้บุรุษมากอำนาจในสมาคมทหารรับจ้าง ขณะนี้นางเป็นจอมยุทธ์มายาบรรพชนแล้ว มิติเชื่อมอสูรของนางมีขนาดที่กว้างใหญ่พอสมควร การได้อสูรมาเพิ่มอีกตนก็จะช่วยเพิ่มกำลังรบและทำให้คณะอสูรของนางแข็งแกร่งขึ้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น อสูรที่นางหมายตาหมายใจยังเป็นถึงอสูรสวรรค์เผ่าพันธุ์มังกร เพียงแค่คิดเท่านี้ อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งแล้ว
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ตอนนี้ข้าก็ว่าง ๆ ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่พอดี ประจวบเหมาะกับเจ้ามาขอรับภารกิจแบบนี้ ข้าก็จะเข้าร่วมกลุ่มไปยืดเส้นยืดสายด้วยเสียเลย ข้าเองก็อยากจะเห็นกับตาว่าอสูรสวรรค์ตัวนี้จะเจ้าเล่ห์สักแค่ไหน”
หลินจิ้งหงยิ้มพลางแสร้งปั้นหน้าเย่อหยิ่งแล้วเอ่ยตอบ ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้ทำภารกิจร่วมกับฉินอวี้โม่ ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดี ๆ เช่นนี้หลุดลอยไปเป็นแน่
“ดีเลย พวกเราก็กำลังมองหาผู้ช่วยมือดีสักคนอยู่ ได้คุณชายหลินมาช่วยก็คงจะเบาแรงไปได้บ้าง”
ฉินอวี้โม่ยิ้มแล้วตอบกลับอย่างหยอกเย้า ทว่านางก็ไม่คิดปฏิเสธ
หลังจากนั้นการรวมกลุ่มทำภารกิจ ‘ชิงสมุนไพรใต้จมูกมังกรเกล็ด’ ของสองนารีหนึ่งบุรุษก็เริ่มต้นขึ้น
เมื่อก้าวออกจากสมาคมทหารรับจ้างแล้ว ผู้ร่วมภารกิจทั้งสามก็มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก่อนเป็นอันดับแรก
ฉินอวี้โม่นั้นต้องการจับอสูรมายาสำหรับส่งเข้าประมูล นางจะไม่สามารถทำพันธสัญญาและเก็บมันไว้ในมิติเชื่อมอสูรได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณหนูคนงามต้องการคือกรงขัง ต้องทราบก่อนว่ากรงที่ผู้ฝึกสัตว์นิยมนำมาใช้เพื่อขังอสูรมายาที่ยังไม่ได้ทำพันธสัญญาจะต้องมีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ และกรงประเภทดังกล่าวก็มีเพียงสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรเท่านั้นที่ผูกขาดการผลิตและจัดจำหน่าย ไม่ว่าอย่างไรฉินอวี้โม่ก็ต้องซื้อกรงเพื่อให้สะดวกต่อการขนส่งอสูรมายาเข้าไปในงานประมูล
หลังจากมาถึงที่ตั้งของสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร ในขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไปในอาคาร สหายทั้งสามก็มองเห็นใบหน้าของบุรุษผู้หนึ่งที่ดูคุ้นเคยเดินสวนกลับออกมาเสียก่อน
เมื่อคนผู้นั้นเห็นฉินอวี้โม่ เขาก็รีบพุ่งเข้ามาขวางทางไม่ให้นางได้เดินเข้าไปด้านในอาคารสมาคมอย่างหาเรื่อง
“โอ้ ! ดูซิว่าผู้ใดมา ? เป็นคุณหนูตระกูลฉินนั่นเอง เหตุใดถึงได้มาถึงสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรของข้าได้ล่ะ ?”
บุรุษผู้กล่าววาจายียวนอยู่ตรงหน้าพวกเขาในตอนนี้ก็คือหวังรั่วจวิน คุณชายอันธพาลผู้เคยมีเรื่องบาดหมางกับฉินอวี้โม่และเสี่ยวโร่วมาก่อน วาจาที่เขาเอื้อนเอ่ยเต็มไปด้วยความประชดประชัน ไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยินยอมให้นางเข้าไปได้โดยง่ายเป็นแน่
“หวังรั่วจวิน หมายความว่ายังไง สมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรไม่คิดจะเปิดให้ลูกค้าผู้มาใช้บริการได้เข้าไปด้านในหรอกหรือ ?”
เมื่อเห็นการกระทำของหวังรั่วจวิน คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินก็ขมวดคิ้ว ทว่าผู้ที่กล่าวขึ้นมาเมื่อครู่เป็นหลินจิ้งหง เขามองดูบุรุษไม่เอาไหนหวังรั่วจวินด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงติดจะรำคาญ
“หลินจิ้งหง แน่นอนว่าสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรเราไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธไม่ให้ผู้คนเข้าไป แต่ว่าสหายบ้านนอกสองคนนี้ของเจ้าเคยหยามน้ำหน้าข้ามาก่อน ถ้าข้ายอมปล่อยให้พวกเจ้าเข้าไปได้ง่าย ๆ ข้าก็ไม่ใช่คุณชายผู้ห้าวหาญหวังรั่วจวินน่ะสิ !”
หวังรั่วจวินพ่นวาจาออกมาก่อนจะเผยรอยยิ้มชั่วร้าย คนตรงหน้าเขาตอนนี้คือฉินอวี้โม่ นางกำลังจะเข้ามาทำอะไรสักอย่างในสมาคมของเขา แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมให้สตรีผู้นี้ได้ทำตามใจปรารถนาแน่ เขาจะรังควานจะก่อกวนให้นางได้เดือดร้อนสมกับที่นางเคยทำเขาเจ็บตัว !
“แล้วพวกเราต้องทำอย่างไร เจ้าถึงจะยอมให้พวกเราเข้าไป ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย หวังรั่วจวินผู้นี้ แม้ว่าจะสร้างความยุ่งยากให้นางแต่อดีตนักฆ่าสาวก็ไม่อยากจะลดตัวลงไปถือสาหาความบุรุษไร้สาระ คนน่ารำคาญผู้นี้ไม่อยู่ในสายตานาง เขาก็เหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจ หากสนใจเขาก็จะยิ่งได้ใจและทำต่อไปไม่จบสิ้น มิสู้รีบไปให้ห่างแล้วเพิกเฉยเสียเอาเวลาไปทำอย่างอื่นก็จะเกิดประโยชน์ขึ้นมากกว่า
“ง่ายมาก ก็แค่พวกเจ้ายอมขอโทษข้า ข้าก็จะให้เข้าไป”
หวังรั่วจวินเอ่ยปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เสียงของเขาดังพอสมควรจึงดึงดูดผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หยุดมองได้
“เสียใจด้วยนะที่ข้าต้องบอกเจ้าว่าอย่าฝันไปเลย”
เมื่อได้ฟังวาจาโง่งมของหวังรั่วจวิน คิ้วของหลินจิ้งหงก็เริ่มกระตุก ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาอย่างน่าขนลุก
“หวังรั่วจวิน ข้าว่าเจ้ารีบถอยไปซะดีกว่า”
หลินจิ้งหงเริ่มหมดความอดทนแล้ว ถ้าคนน่ารำคาญผู้นี้ยังไม่ยอมหลีกทางไปแต่โดยดีเขาก็ยินดีจะช่วยส่งอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง
“หลินจิ้งหง ที่ที่เจ้ายืนอยู่ตอนนี้คือสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรของข้า เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทำตัวโอหังที่นี่ ถึงเจ้าจะเป็นนายน้อยสมาคมทหารรับจ้างแต่ก็ใช่ว่าข้าต้องกลัว ที่นี่บ้านข้าถิ่นข้า พวกเจ้าต่างหากที่ต้องเกรงใจข้า ถ้าหากนังตัวดีสองคนนั่นไม่ยอมขอโทษข้า พวกเจ้าทั้งหมดก็เข้าไปข้างในไม่ได้”
หวังรั่วจวินยืนจังก้าขวางทางพวกเขาทั้งสามเอาไว้ บุรุษไม่รู้จักโตเชิดหน้าพลางจ้องมองผู้มาเยือนทั้งสามตาเขม็งราวกับจะสื่อความหมายว่าต่อให้ตายก็จะไม่ยอมให้ผ่านทาง
“อ่อ งั้นหรือ ?”
หลินจิ้งหงยิ้มเยือกเย็นก่อนจะกล่าวต่อ “จะไม่ยอมหลีกทางไปดี ๆ ใช่หรือไม่ ? ถ้าเช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้เอง ลองดูซิว่ากำลังของข้าจะทำให้เจ้ายังดื้อด้านต่อไปอีกหรือเปล่า ?”
เมื่อได้ยินวาจาแสนหนาวเหน็บของหลินจิ้งหง หวังรั่วจวินก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่ตั้งใจ เหงื่อเย็น ๆ ไหลผุดพรายขึ้นล้อมใบหน้า ทว่าเมื่อนึกได้ว่าที่นี่คือถิ่นของตน คุณชายแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็รีบดึงสติกลับมาอีกครั้ง เขายังคงตั้งท่ายืนขวางทางคนทั้งสามเอาไว้อย่างดื้อรั้น ไม่ยินยอมที่จะหลีกทางให้
“เกิดอะไรขึ้น ?”
เสียงของบุรุษผู้หนึ่งดังมาจากภายในอาคารสมาคม ทันใดนั้นร่างของชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพผู้หนึ่งก็ก้าวเดินออกมา
ทันทีที่เห็นหลินจิ้งหงและฉินอวี้โม่ถูกดักกั้นอยู่ด้านนอก คนผู้นั้นก็ผงะไป
“นายน้อย นี่ท่านกำลังทำอะไร ?”
บุรุษวัยกลางคนผู้นี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสของสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรมีนามว่า*–จงหัว* ทักษะการสยบอสูรมายาของเขานับว่าสูงส่งยิ่งนัก หากจะให้เปรียบก็คงเป็นรองเพียงท่านประธานสมาคมผู้เดียวเท่านั้น คนผู้นี้ถือว่าเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรฝีมือเก่งกาจมากผู้หนึ่ง
“สมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรเราเปิดกว้างสำหรับทุกคน เรายินดีต้อนรับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าพวกเขาจะมีความขัดแย้งหรือเรื่องบาดหมางใด ๆ กับนายน้อยก็ตาม แต่ท่านก็ไม่สามารถขัดขวางไม่ให้พวกเขาเข้ามาติดต่อกับสมาคมของเราได้ ข้าว่านายน้อยทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก เพราะถ้าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป สมาคมเราจะเสียชื่อเสียง แล้วหากเป็นเช่นนั้นเราก็คงจะอยู่ในนครไป๋อวิ๋นต่อไปได้ยาก”
แม้ว่าจะกล่าวด้วยท่าทางแสนสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับแข็งกร้าวราวกับกำลังดุด่าบุรุษที่เขาเรียกขานว่านายน้อยไม่มีผิด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้อาวุโสจงกล่าวก็ไม่ผิดเลยสักนิด เรื่องของความแค้นส่วนตัวไม่ควรนำมารวมกับเรื่องของสมาคม ยิ่งหากเรื่องนี้บานปลายใหญ่โตก็อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับสมาคมทหารรับจ้างได้ เรื่องเช่นนี้เด็กหนุ่มไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างหวังรั่วจวินคงรับผิดชอบไม่ไหวเป็นแน่
“คุณชายหลิน แม่นางทั้งสอง เชิญตามข้าเข้ามาได้”
จงหัวเอ่ยอย่างสุภาพ เขาเตรียมจะพาหลินจิ้งหงและสหายสาวทั้งสองเข้าไปในสมาคม
เมื่อได้ฟังถ้อยคำที่มีเจตนาว่ากล่าวของจงหัว หวังรั่วจวินก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ทว่าเขาก็ไม่กล้าโต้เถียงคนผู้นี้ จงหัวเป็นผู้อาวุโสที่ทุกคนในสมาคมให้ความเคารพนับถือ แม้ว่าจะดูสุภาพใจดี แค่หากเขาโกรธขึ้นมาก็เป็นคนที่น่ากลัวอย่างมาก
“ผู้อาวุโสจง เหตุใดท่านถึงกล่าววาจาไม่ไว้หน้านายน้อยบ้างเลย ในเมื่อพวกเขาเคยสร้างความบาดหมางให้นายน้อยก็เป็นธรรมดาที่นายน้อยจะไม่อยากให้พวกเขาเข้ามา”
ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น บุรุษอีกคนเดินออกมาจากด้านในของอาคารสมาคม
เมื่อฉินอวี้โม่เห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ นางก็อดขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจไม่ได้ วันนี้เกรงว่าการจะเข้าไปในสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรคงจะไม่ง่ายเสียแล้ว
“ฉินอวี้โม่ เป็นเจ้าเองสินะ !”
ในคราแรกที่ได้ยินเสียง ชวี่เซียวก็รู้สึกแปลกพิกลว่าเหตุใดจึงมีเสียงหนึ่งที่ฟังดูคุ้นหูนัก และเมื่อเดินออกมาดูเขาจึงพบว่าเป็นสตรีที่เคยช่วงชิงราชาอสรพิษเก้าเศียรที่เขากำลังจะได้ครอบครองไปต่อหน้าต่อตาเมื่อครั้งอยู่ในป่าแสงจันทร์ เท่านั้นยังไม่พอสตรีน่าชังผู้นี้ยังได้ไข่ประหลาดนั่นไปอีก ! เมื่อได้หวนคิดถึงเรื่องในครั้งนั้นแล้วใบหน้าของผู้อาวุโสชวี่เซียวก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดมนด้วยความโกรธแค้น
“ผู้อาวุโสชวี่ ท่านรู้จักแม่นางคนนี้ด้วยรึ ?”
จงหัวขมวดคิ้ว โดยส่วนตัวแล้วเขาไม่ใคร่จะชื่นชอบชวี่เซียวผู้นี้นัก อีกฝ่ายเป็นคนโอหังไม่ค่อยไว้หน้าใคร ทว่าเขากลับเป็นคนที่ประธานสมาคมไว้วางใจมาก ฉะนั้นจงหัวจึงต้องให้ความเกรงใจอีกฝ่ายและไม่เคยคิดจะมีเรื่องผิดใจด้วย
“ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก พวกเรายังมีความแค้นที่จะต้องสะสางกันอยู่ !”
ชวี่เซียวแค่นเสียงผ่านฟันที่ขบแน่น เขายังไม่เคยลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในถ้ำอสรพิษเมื่อปีก่อน ภายในถ้ำแห่งนั้นอสูรเทวะราชันแปดดาราที่เขาหมายปองถูกนางชกชิงไปซึ่ง ๆ หน้า เท่านั้นไม่พอนางยังกล้ายิ้มเย้ยหยันเขาอย่างสะใจ ช่างเป็นสตรีที่น่าตีให้ตายยิ่งนัก
“ผู้อาวุโสจง ฉินอวี้โม่คือสตรีน่ารังเกียจที่เคยขโมยราชาอสรพิษเก้าเศียรอสูรเทวะราชันแปดดาราและชิงไข่ประหลาดใบนั้นไปจากข้าเมื่อครั้งไปทำภารกิจให้กับสมาคมที่ป่าแสงจันทร์ก่อนหน้านี้ !”
ชวี่เซียวกล่าวอย่างเดือดดาล นางยังกล้าเสนอหน้ามาที่สมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรอีกรึ ? หึ ! สตรีรนหาที่ ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย !
“ว่าอย่างไรนะ แม่นางคนนี้น่ะหรือ?”
เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของผู้อาวุโสชวี่เซียว ผู้อาวุโสจงหัวก็มองดูฉินอวี้โม่ด้วยความประหลาดใจ
ต้องบอกก่อนว่าผู้อาวุโสจงหัวนั้นคิดไม่เหมือนกับผู้อาวุโสชวี่เซียว เขาคิดว่าเรื่องไข่เป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็ควรจะได้ไปครอบครองเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาเองรู้นิสัยของชวี่เซียวบุรุษอาวุโสร่วมสมาคมผู้นี้ดีว่าเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมไร้ยางอายจนน่าขายหน้า
ดังนั้น แม้ว่าฉินอวี้โม่จะเป็นผู้ได้ราชาอสรพิษเก้าเศียรและไข่ประหลาดไปครอบครอง แต่จงหัวก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองสักนิด ตรงกันข้ามในคราแรกที่ได้ยินเมื่อตอนนั้น เขายังอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทักษะการสยบอสูรของสตรีตระกูลฉินผู้นั้นด้วยซ้ำ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าสตรีรุ่นเยาว์ผู้มีนามว่าฉินอวี้โม่นั้นเป็นผู้ฝึกสัตว์อสูรแบบไหน
ซึ่งเมื่อได้เห็นฉินอวี้โม่ตัวจริงแล้วก็ทำให้จงหัวประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริง ๆ
ต้องทราบก่อนว่าการที่สามารถสยบอสูรเทวะราชันแปดดาราได้ตั้งแต่อายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย แต่นี่นางยังดูเป็นเพียงดรุณีน้อยรูปร่างบอบบางอ่อนแอเช่นนี้ก็ยิ่งนับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก