บทที่ 244 มื้อดึก
“เร็วเข้า! ฉันลากบอสให้นายแล้ว!”
ซือเยี่ยจิ๋งไปเดินวนที่จัตุรัสหนึ่งรอบแล้วกลับมาพร้อมกับกลุ่มบอสที่มีชื่อเป็นสีแดงแล้วบอกเซียวเฟิงด้วยความตื่นเต้น มีบอสออร์คมือสังหารในหมู่บอสพวกนั้นด้วย
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง? เธออยากตายเพราะลากบอสมาเยอะเกินไปหรือไง?”
เซียวเฟิงโกรธทันที พวกนี้เป็นบอสเลเวล 30 ที่มีพลังโจมตีและสกิลที่ทรงพลัง แม้แต่เซียวเฟิงก็ไม่กล้าประมาท แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะโจมตีบอสทุกตัวที่เธอเห็น และทำให้ชื่อสีเหลืองของพวกมันเปลี่ยนเป็นสีแดง ดังนั้นบอสจึงตามมาโจมตีพวกเขาพร้อมกัน
“เป็นอะไรไป? ฉันก็มักจะลากมอนสเตอร์มารวม ๆ กันอยู่แล้ว ใช้สกิลโจมตีวงกว้างตอนนี้เลย!”
ซือเยี่ยจิ๋งพูดอย่างสับสนขณะวิ่งมา ไม่ว่าในภูเขากระดูกหรือที่ชั้นหนึ่งของมหาสุสานใต้พิภพ เธอก็ลากมอนสเตอร์ในลักษณะเดียวกัน เธอแค่ลากมอนสเตอร์หรือบอสไปมารวมที่จุดเดียวกันเพื่อให้เซียวเฟิงใช้สกิลโจมตีวงกว้างจัดการทีเดียว ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปสำหรับเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น ประสิทธิภาพการจัดการมอนสเตอร์ของเซียวเฟิงนั้นสูงมาก ไม่ว่าจำนวนมอนสเตอร์หรือบอสจะเป็นยังไง เขาก็สามารถกวาดล้างพวกมันได้ภายในไม่กี่นาที
“เวรล่ะ! ฉันไม่ได้บอกเธอหรือไงว่าสกิลโจมตีวงกว้างของฉันเป็นเอฟเฟกต์ชำระล้าง ซึ่งใช้ได้เฉพาะกับมอนสเตอร์ที่เป็นธาตุมืดเท่านั้น ตอนนี้เธอลากฝูงออร์คมานี่แล้ว ฉันจะทำอะไรได้? เธอไม่เห็นเหรอว่าฉันต้องใช้คทาฆ่าออร์คทีละตัวน่ะ? ถ้าฉันใช้สกิลนี่ได้ฉันก็ใช้ไปนานแล้ว!” เซียวเฟิงบ่นอย่างโกรธเคือง
ซือเยี่ยจิ๋งตกใจและมองไปที่เซียวเฟิงด้วยสีหน้าเขิน ๆ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ใช้สกิลพรางตัวโดยปล่อยให้กลุ่มบอสโจมตีเซียวเฟิง
“…”
เซียวเฟิงโกรธเธอและหมดคำจะพูด เขาหันหลังกลับและหนีไปทันที
บอสเลเวล 30 นั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเซียวเฟิงและเขาสามารถฆ่าสองหรือสามตัวเพียงลำพังได้สบาย ๆ ทว่าที่จัตุรัสนี้มีบอสกว่า 20 หรือ 30 ตัว เซียวเฟิงไม่ได้บ้าจนกล้าเผชิญกับบอสที่อาจสร้างความเสียหายให้กับเขาได้ จึงต้องวิ่งหนีแทนที่จะอยู่ที่นั่นแล้วโดนรุมตี
โชคดีที่ระยะความสนใจของบอสอยู่ไม่ไกล ด้วยค่าความทนทานที่สูงของเซียวเฟิง พวกมันก็หันกลับหลังจากถูกลากออกมาไกลเกินไป แล้วก็กลับไปเดินเตร่บนจัตุรัสต่อไปตามปกติ
อย่างไรก็ตาม ชื่อของพวกมันยังคงเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้กลายเป็นชื่อสีเหลือง หลังจากสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็รู้สึกปวดหัวมาก เพราะบอสกลุ่มนี้กระจัดกระจายกันหนาแน่นเกินไป และลากพวกมันทีละตัวไม่ง่ายเลย
เซียวเฟิงยังคงโกรธและอยากด่าซือเยี่ยจิ๋งในความผิดของเธอ แต่เขาก็พบว่าเธอแอบออกจากระบบไปแล้ว และภาพของเธอก็มืดลงไปนานกว่า 10 นาทีแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ่งพูดไม่ออกไปอีก
เขาต้องยอมรับความจริงและลากบอสสองตัวมาที่ขอบ จากนั้นก็ค่อย ๆ เริ่มจัดการพวกมัน
ทว่าเซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของตัวเองดังขึ้นหลังจากผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไม่ใช่การโทรจากเกม แต่เป็นโทรศัพท์ภายนอก เซียวเฟิงเชื่อมต่อหมวกเล่นเกมกับโทรศัพท์ของเขา การโทรและ SMS จึงเชื่อมต่อกับเกม ชายหนุ่มสามารถรับสายได้โดยไม่ต้องออกจากระบบ
“สวัสดี ฉันอยู่ที่ประตูบ้านของนายแล้ว เปิดประตูให้ฉันซะ”
สายมาจากซือเยี่ยจิ๋ง เซียวเฟิงอยากจะด่าเธอเรื่องเมื่อครู่ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดผ่านทางโทรศัพท์
“อะไรนะ?”
“ฉันบอกว่าฉันอยู่ที่ประตูวิลล่าของนายไง! เปิดประตูให้ฉันสิ! ตาบ้า! นายมีเงินซื้อวิลล่าตั้งแต่เมื่อไหร่? ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายย้ายที่อยู่กะทันหัน!” ซือเยี่ยจิ๋งตะโกนทางโทรศัพท์
ในที่สุดเซียวเฟิงก็เข้าใจสิ่งที่เธอกำลังพูด ปรากฎว่าเธอออกจากระบบเพื่อมาที่วิลล่าบนยอดเขา ตามที่อยู่ที่เซียวเฟิงบอกกับเธอเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตอนนี้เซียวเฟิงรู้สึกเสียใจที่บอกเธอไป
“รอไปก่อน!”
เขาตอบอย่างหมดความอดทน เซียวเฟิงวางสายแล้วฆ่านายพลออร์คที่เหลือพลังชีวิตต่ำและเก็บหนังสือสกิลระดับเริ่มต้นที่ดร็อปมาก่อนที่จะหาสถานที่ปลอดภัยและออกจากระบบ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่ม เซียวหลิงและคนอื่น ๆ ทั้งหมดต่างอยู่ในห้องของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะเข้านอนไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้
เขาลงไปชั้นล่าง เปิดไฟและเปิดประตูวิลล่า ร่างสวยและเพรียวบางอยู่นอกประตู
“ทำไมช้าจัง!”
ซือเยี่ยจิ๋งกล่าวอย่างไม่พอใจ ถึงกลางคืนจะไม่ร้อนเท่ากลางวัน แต่มันก็อากาศหนาว เธอสวมเสื้อฮู้ดสีเทาโดยเอามือล้วงกระเป๋าไว้ นอกจากนี้ กางเกงยีนส์ขาสั้นของเธอยังเผยให้เห็นขาที่ขาว เพรียว เรียวยาวที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งดูน่าดึงดูดมาก
“ทำไมเธอมาที่นี่ตอนดึกแบบนี้ล่ะ” เซียวเฟิงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ฉันมาเพื่อกินมื้อดึกกับนายไง” ซือเยี่ยจิ๋งตอบอย่างสบาย ๆ ขณะมองดูวิลล่า
“ฉันมีน้องสาวแล้ว!” เซียวเฟิงสวนทันที
“ฉันรู้ว่านายมีน้องสาว แล้วมันเกี่ยวกับการกินมื้อดึกยังไง?” ซือเยี่ยจิ๋งประหลาดใจและถามอย่างสับสน
“ฉันมีน้องสาวที่ต้องเลี้ยงดู ฉันจะมีเงินซื้อมื้อดึกให้เธอได้ยังไง” เซียวเฟิงตอบอย่างจริงจัง
“นาย… นายมีเงินเพื่อซื้อวิลล่า แต่ไม่มีเงินซื้อมื้อดึกงั้นเหรอ? ได้ ฉันจะเลี้ยงมื้อดึกให้นายเอง!” ซือเยี่ยจิ๋งสูดหายใจลึกและพูดอย่างไม่อดทน
“งั้นเราจะไปกินอะไร?”
มันก็ยุติธรรมดี เซียวเฟิงเลยถามออกมา เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มก็กินมื้อเย็นไปแล้ว ตอนนี้จึงไม่รู้สึกหิว
“มีร้านหม้อไฟกลางคืนเพิ่งเปิดใหม่แถวมหาวิทยาลัย อาหารอร่อยและตอนนี้ก็มีส่วนลดด้วย” ซือเยี่ยจิ๋งพูดหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“หม้อไฟ? ตกลง! ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘หม้อไฟ’ เซียวเฟิงก็สนใจทันที เนื่องจากเซียวหลิงร่างกายอ่อนแอและไม่สามารถกินอาหารรสเผ็ดได้ เซียวเฟิงจึงกินแต่อาหารรสชาติเบา ๆ กับเธอเสมอ ดังนั้น ตอนนี้โอกาสได้กินอาหารรสเผ็ดมาถึงแล้ว เซียวเฟิงจึงไม่อยากพลาด
“จะเปลี่ยนชุดทำไม?”
ซือเยี่ยจิ๋งมองเซียวเฟิงขึ้นและลงด้วยความรังเกียจ เนื่องจากเซียวเฟิงอยู่ที่บ้าน เขาจึงแต่งตัวสบาย ๆ สวมเสื้อยืดและกางเกงชายหาดขาสั้น ชุดนี้เซียวเฟิงซื้อมาจากร้านข้างทาง เขาใส่มันมาหลายเดือนแล้ว สีมันก็ซีดไปหมด
“ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวดี ๆ หรอก ฉันโอเคกับชุดของนายแล้ว” ซือเยี่ยจิ๋งไม่พอใจที่เซียวเฟิงจะเสียเวลา
“เราเดินไปที่นั่นไม่ได้ รอแป๊ปนะ ฉันจะไปเอากุญแจรถมา นั่งแท็กซี่ไปมันสะดวกกว่าก็จริง แต่ที่นี่ไม่มีแท็กซี่ผ่าน”
เซียวเฟิงยังคงหันหลังและกลับเข้าไปในวิลล่า วิลล่าบนยอดเขาตั้งอยู่ที่หัวมุมของสวนสาธารณะที่มีสภาพแวดล้อมที่ดี ทั้งยังเป็นอาคารเดี่ยวอีกด้วย ทว่าเนื่องจากอาคารรอบ ๆ น้อยมาก จึงไม่มีแท็กซี่ผ่านมา
แน่นอนว่าคงไม่มีใครคิดว่าคนที่อาศัยอยู่ในวิลล่าจะไม่มีรถ
นอกจากนี้มันก็เป็นการตอกย้ำเซียวเฟิงว่า เขาควรซื้อรถดีหรือไม่ มิเช่นนั้น เวลาเขาจะออกไปไหนมามันก็ไม่สะดวก
เซียวเฟิงไปที่ห้องของเฉียนโตวโตว เขาจำกุญแจรถของเฉียนโตวโตวได้ ห้องของเธอไม่ได้ล็อก เมื่อเปิดประตู กุญแจก็ถูกวางไว้บนโต๊ะ
เฉียนโตวโตวยังคงอยู่ในเกม เซียวเฟิงไม่ได้รบกวนเธอและจากไปพร้อมกับกุญแจ เมื่อลงไปชั้นล่าง ชายหนุ่มก็พบว่าซือเยี่ยจิ๋งกำลังเดินไปมาอยู่ที่ชั้นหนึ่งของวิลล่า
“ไปกันเถอะ” เซียวเฟิงตะโกนเรียกและเดินออกจากวิลล่า
“นายหาเงินจากเกมนี้ได้เท่าไหร่เนี่ย? วิลล่านี้ต้องมีมูลค่ามากกว่าสิบล้านแน่ ๆ!” ซือเยี่ยจิ๋งตามเซียวเฟิงไปและถามอย่างไม่พอใจ
เธอก็เป็นผู้เล่นชั้นยอดที่มีชื่อเสียงในหลายรายชื่อของเขตฮัวเซีย ทำไมเธอถึงเสียเงินจำนวนมากไปกับเกมแทนที่จะได้เงินจากเกมแทน? นี่พวกเขาเล่นเกมเดียวกันหรือเปล่า?
“นี่เป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอใช้เงิน 100 ล้านซื้อโทเคนกิลด์ของฉัน ดังนั้นฉันก็เลยสามารถซื้อวิลล่าได้” เซียวเฟิงล็อกประตูวิลล่าและพูดอย่างสบาย ๆ นั่นเป็นรายได้แรกที่เซียวเฟิงได้มา
“บ้าเอ๊ย! นายทำให้ฉันนึกถึงเรื่องที่นายทำเลย! ลูกพี่ลูกน้องของฉันต้องซื้อโทเคนกิลด์ในราคาสูงเช่นนี้! แต่มันก็เป็นเพราะนาย ที่ทำให้พวกเราแพ้สงครามป้องกันฐานที่มั่น เงินของเธอก็เลยเสียไปเปล่า ๆ เลย!” เมื่อพูดอย่างนั้น ซือเยี่ยจิ๋งก็จ้องไปที่เซียวเฟิง
เซียวเฟิงไม่ต่อปากต่อคำกับเธอ รีบตรงเข้าไปในโรงรถและขับรถของเฉียนโตวโตวออกมา ทว่าพอเขาเข้าไปในโรงรถ ก็พบว่ารถของหลิวเฉียงเหว่ยก็อยู่ที่นั่นด้วย ดูเหมือนว่าเธอจะค้างที่วิลล่าคืนนี้
“ไปกันเถอะ ร้านมันอยู่ถนนเส้นไหนของย่านมหาวิทยาลัยล่ะ?”
เซียวเฟิงลดหน้าต่างลงและถามซือเยี่ยจิ๋ง เขาเคยทำงานในย่านมหาวิทยาลัยอยู่สองสามเดือน เซียวเฟิงก็เลยค่อนข้างคุ้นเคยกับย่านนั้น
“ถนนเลขที่ 3 ใกล้ ๆ กับมหาลัย’ นั่นแหละ”
ซือเยี่ยจิ๋งนั่งที่เบาะข้างคนขับและตอบ เธอไม่ได้เข้าไปในโรงรถด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นรถของหลิวเฉียงเหว่ย
“โอเค”
เซียวเฟิงพยักหน้าและสตาร์ทรถในไม่ช้า ก่อนจะขับออกมาจากวิลล่ายอดเขา
สิ่งที่น่าแปลกใจสำหรับเซียวเฟิงก็คือย่านมหาวิทยาลัยเซี่ยยังคงมีคนพลุกพล่านอยู่ อาจเป็นเพราะการสอบเสร็จสิ้นและวันหยุดฤดูร้อนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันนี้ ทำให้ถนนย่านการค้าหลายแห่งแถวมหาวิทยาลัยต่างเต็มไปด้วยความสนุกสนานและรื่นเริง
ไม่ว่าจะเป็นแสงสีเสียงของบาร์และ KTV หรือขวดไวน์ในร้านอาหาร ความเร่งรีบและคึกคักคือธีมเดียวของค่ำคืนนี้ ยังไม่หยุดแม้ว่าจะดึกขนาดนี้ ดูเหมือนว่านักศึกษาหนุ่มที่ไฟแรงเหล่านี้จะสนุกสนานกันตลอดทั้งคืน
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีโต๊ะว่างนะ”
ร้านหม้อไฟที่ซือเยี่ยจิ๋งพูดถึงก็เช่นเดียวกัน มันวุ่นวายและเต็มไปด้วยลูกค้า ไม่มีที่นั่งว่าง กลิ่นเบียร์ผสมกับเครื่องปรุงหม้อไฟไม่ฉุนแต่ชวนน้ำลายสอแทน
“งั้นก็รอดูก่อนล่ะกัน… หืม? มีคนออกมาพอดีเลย รีบไปเร็ว!”
ซือเยี่ยจิ๋งมองไปรอบ ๆ และรู้สึกประหลาดใจในทันใด เห็นได้ชัดว่าเธอและเซียวเฟิงค่อนข้างโชคดีที่มีโต๊ะว่างพอดี
เธอนั่งลงที่โต๊ะว่างโดยไม่สนว่าสกปรกแค่ไหน จากนั้นก็เรียกบริกรดัง ๆ เพื่อให้มาทำความสะอาดโต๊ะ
“สั่งของที่อยากกินได้เลย!”
จากนั้นซือเยี่ยจิ๋งก็โยนเมนูให้เซียวเฟิงอย่างใจกว้าง
เซียวเฟิงไม่เกรงใจ เขากลับสั่งเมนูมากมายแทน ซือเยี่ยจิ๋งไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดแสร้งทำเป็นว่ารวยและเริ่มแสดงความกังวล
“หยุด! หยุด! หยุดเลย! นายเป็นหมูหรือไง? นายจะกินของที่สั่งมาให้หมดได้เหรอ?”
“เธอบอกให้ฉันสั่งของที่ฉันอยากกินไม่ใช่เหรอ?” เซียวเฟิงมองเธออย่างสับสน
“นายนี่นะ! ในฐานะที่เป็นผู้ชาย นอกจากไม่มีมารยาทที่ให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว ยังจะสั่งของเยอะอีกต่างหาก หน้าไม่อาย!” ซือเยี่ยจิ๋งจ้องเซียวเฟิงอย่างดูถูก
“เธอขี้เหนียวชะมัด งั้นเธอสั่งแล้วกัน” เซียวเฟิงก็ดูถูกเธอและส่งเมนูคืนให้ ยังไงเขาก็สั่งมามากพอแล้ว
ขณะที่อ่านเมนู ซือเยี่ยจิ๋งเริ่มคำนวณราคาด้วยนิ้วของเธอ หลังจากนั้น เธอต้องทิ้งอาหารจานพิเศษสองจานที่ตัวเองชอบไป และสั่งอาหารมังสวิรัติอีกสองสามจานก่อนที่จะส่งเมนูคืนให้บริกร